วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / หมุนตามทุน
หมุนตามทุน

หมุนตามทุน

วันพุธ ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
อุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันไทยต้องปรับตัว รับมือความเสี่ยงจากกระแส ESG

ดูทั้งหมด

  •  

ll ปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจ โรงกลั่นน้ำมันทั้งหมดในไทยมีจำนวน 7 ราย ได้แก่ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)บมจ.ไทยออยล์ (TOP) บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) บมจ.บางจาก ศรีราชา (BSRC) และโรงกลั่นน้ำมันฝาง (FANG) โดยมีกำลังการผลิตรวมราว 1.242 ล้านบาร์เรล/วัน (197.5 ล้านลิตร/วัน) ซึ่งโรงกลั่นน้ำมันทั้งหมดมีความซับซ้อนในระดับปานกลาง จึงเหมาะกับการใช้น้ำมันดิบชนิด Sour Medium อย่างน้ำมันดิบจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในการกลั่นน้ำมัน ส่งผลให้ไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากแหล่งดังกล่าวมากที่สุด นอกจากนั้น โรงกลั่นน้ำมันส่วนใหญ่มีกำลังการผลิตน้ำมันดีเซล และ Jet Fuel มากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของไทย ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 โรงกลั่นน้ำมันของไทยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.367 ล้านบาร์เรล/วัน (217.3 ล้านลิตร/วัน) หลังจากโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ของ TOP จะเริ่มเดินสายการผลิตในช่วงเวลาดังกล่าวซึ่งจะทำให้ TOP มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน และมีโรงกลั่นน้ำมันที่มีความซับซ้อนในระดับสูง ส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นของไทยสามารถใช้ น้ำมันดิบชนิด Sour Heavy ในการกลั่นน้ำมันได้มากขึ้น และส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นของไทยในระยะข้างหน้า

วิเคราะห์ผลประกอบการของธุรกิจนี้ในระยะสั้น (ปี 2567-69) Krungthai COMPASSประเมินว่า ผลประกอบการของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 แล้วค่อยปรับตัวดีขึ้นในช่วงปี 2568-69 และสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (ปี 2562) โดยมีปัจจัยสนับสนุน 2 ประการ 1. ปริมาณการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 54.6 พันล้านลิตรในปี 2566 เป็น 59.1พันล้านลิตรในปี 2569 หรืออัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 2.8% CAGR ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (ปี 2562 อยู่ที่ 57.5พันล้านลิตร) โดยมีสาเหตุ 3 ประการ 1.1 การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงปี 2566-69 คาดว่าจะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้ Jet Fuel มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 17.3% 1.2 การขยายตัวของตลาด E-commerceอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ความต้องการใช้มอเตอร์ไซค์รวมถึงยานพาหนะอื่นๆ ในการขนส่งสินค้ามากขึ้น 1.3 การฟื้นตัวของภาคส่งออกและภาคอุตสาหกรรม จะส่งผลให้ความต้องการขนส่งสินค้าในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น


2.ค่ากลั่นน้ำมันของโรงกลั่นน้ำมันในไทย คาดว่าจะอยู่ราว 5.0 5.4 และ 5.5 USD/บาร์เรลตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (ปี 2562 อยู่ที่ 3.4 USD/บาร์เรล)เพราะนอกจากปริมาณการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นในปี 2567-69 จะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในไทยเพิ่มขึ้นในปี 2568-69 ซึ่งช่วยหนุนให้ค่าการกลั่นน้ำมันโดยเฉลี่ยของไทยอยู่ในระดับสูงแล้ว ยังมีปัจจัยหนุนอื่นๆ ได้แก่ 2.1 ค่าการกลั่นน้ำมันในตลาดสิงคโปร์ (SIMEX) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการกำหนดค่าการกลั่นน้ำมันของไทยคาดว่าจะอยู่ราว 5.0 5.3 และ 4.9 USD/บาร์เรลในปี 2567-69 ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าช่วงเวลาก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (ปี 2562 อยู่ที่3.7 USD/บาร์เรล) เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่ากำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในปี 2568 ซึ่งเกิดจากการที่สหภาพยุโรปที่มีแผนที่จะปิดโรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากในปี 2568 อีกทั้ง รัสเซียมีแนวโน้มจะลดกำลังการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปในปี 2568 ซึ่งส่งผลให้ความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปจากเอเชีย ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งส่งผลดีต่อค่าการกลั่นน้ำมันโดยเฉลี่ยของไทย

ในระยะยาว ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปของไทยคาดว่าจะเติบโตจนถึงปี 2573 ก่อนที่จะลดลงเฉลี่ยปีละ 0.6% CAGR ในช่วงปี 2573-78 เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV มากขึ้นเพื่อทดแทนการใช้รถยนต์สันดาป 8 อีกทั้งยังมีสาเหตุเพิ่มเติมจากภาครัฐที่มีแนวโน้มออกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นมากขึ้นรวมทั้งสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพมากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ไทยสามารถบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 ซึ่งคาดว่าจะกดดันให้ความต้องการใช้และยอดขายน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และก๊าซ LPG ของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันของไทยลดลงในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างไรก็ดี ความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปบางประเภท ได้แก่ Jet Fuel มีโอกาสเติบโต จากความต้องการใช้ Jet Fuel ในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามความต้องการในการเดินทางทางอากาศระหว่างประเทศและในประเทศ ดังนั้น ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้อาจสามารถปรับตัวโดยการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปประเภทดังกล่าวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

อุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่งรวมถึงธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากทั้งในรูปแบบทางตรงจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากในกระบวนการกลั่นน้ำมัน และในรูปแบบทางอ้อมจากการผลิตสินค้าที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มเข้มข้นมากขึ้นซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อยอดขายน้ำมันสำเร็จรูป รวมทั้งอาจส่งผลให้ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันเสียค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้นในอนาคต

แนวทางที่ปรับตัว เช่น 1.ควรเข้าสู่ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (เชื้อเพลิง SAF) เนื่องจากธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการใช้เชื้อเพลิง SAF ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 77 ล้านลิตรในปี 2569 เป็น 955 ล้านลิตรในปี 2579 หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 28.6% CAGR ตามความต้องการใช้ของสายบินชั้นนำของโลก ทั้งนี้ โรงกลั่นน้ำมันที่สามารถถูกดัดแปลงให้สามารถผลิตเชื้อเพลิง SAFโดยไม่ต้องก่อสร้างโรงงานใหม่ 2.ควรติดตั้งCompabloc heat exchanger ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนความร้อนในกระบวนการกลั่นน้ำมันแทนที่ Process shell-and-tube heatexchanger ซึ่งนิยมใช้ในโรงกลั่นน้ำมันของไทย เนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวเพิ่มการหมุนเวียนพลังงานความร้อนที่ใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ราว 25% ซึ่งส่งผลให้โรงกลั่นน้ำมันสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานราว 10-20% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกไซด์จากกระบวนการกลั่นน้ำมัน โดยค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องดังกล่าวที่อยู่ระหว่าง 1-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (35-175 ล้านบาท) สำหรับโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ซึ่งคุ้มค่าในการลงทุนภายใน 2-4 ปี

3.ควรหันมาใช้กรีนไฮโดรเจนในการลดกำมะถันของน้ำมันดีเซล รวมทั้งปรับปรุงคุณภาพน้ำมันสำเร็จรูปในกระบวนการกลั่นน้ำมัน แทนที่การใช้เกรย์ไฮโดรเจน ซึ่งนิยมใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากการผลิตกรีนไฮโดรเจนปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.4-1.7 kg CO2e/กิโลกรัม ของไฮโดรเจน ซึ่งน้อยกว่าการผลิตเกรย์ไฮโดรเจนที่ปล่อยก๊าซดังกล่าวสูงถึง 8-16 kg CO2e/กิโลกรัมของไฮโดรเจน อย่างไรก็ดี แม้ว่าปัจจุบันต้นทุนการผลิตก๊าซกรีนไฮโดรเจนยังอยู่ในระดับสูงกว่าต้นทุนการผลิตเกรย์ไฮโดรเจนค่อนข้างมาก แต่PricewaterhouseCoopers (PwC.) คาดว่าต้นทุนการผลิตก๊าซกรีนไฮโดรเจนในไทยจะมีแนวโน้มลดลงจาก 4.7-4.9 ดอลลาร์สหรัฐ/กิโลกรัมของไฮโดรเจน (165-172 บาท/กิโลกรัมของไฮโดรเจน) ในปี 2563 เป็น 2.4-2.7 ดอลลาร์สหรัฐ/กิโลกรัมของไฮโดรเจน (86-93 บาท/กิโลกรัมของไฮโดรเจน)ในปี 2574 ซึ่งเป็นปีที่คาดว่าจะเริ่มมีการผลิตกรีนไฮโดรเจนในไทย

Krungthai COMPASS

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
07:14 น. ‘อนุทิน’เผยยืนคุย‘โดนัลด์ ทรัมป์’เจรจาภาษี แนวโน้มดี รอขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงนาม
07:10 น. โรคสมองขาดเลือด ภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษาก่อนเสี่ยงอัมพาต
07:00 น. แนวหน้าวิเคราะห์ : แหล่งแร่’แรร์เอิร์ธ’-สหรัฐสนใจ อยู่ในโซนไหนของประเทศไทย
06:55 น. กรมอุตุฯเตือน‘13 จังหวัด’ฝนตกหนัก ‘กทม.’ฟ้าคะนอง40% ของพื้นที่
06:42 น. น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงก่อตั้ง ‘พิพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ’ แหล่งความรู้ที่ยั่งยืนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนัก
ดูทั้งหมด
สื่อเขมรตีข่าว! คนกัมพูชาเมินท่องเที่ยวเมืองไทย เทใจแห่ไป2ประเทศนี้แทน
เข้าใจยากตรงไหน? 'โดม'โพสต์สั้นๆง่ายๆ หลังคนงงเรื่องการจัดงานรื่นเริง
สื่อทั่วโลกรายงานข่าว 'สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง' สวรรคต
หญ้าหวานเสื่อม! 'เด็กบิ๊กแจ๊ส'ชนะขาดเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน
สปสช.เคลื่อนไหวแล้ว! ชี้แจงปมโอนเงิน'รพ.มงกุฎวัฒนะ' จำนวน 122.8 บาท
ดูทั้งหมด
‘อนุทิน’ปลาหมอตายเพราะปาก
ญี่ปุ่นเข้มข้นในทิศทางเรื่องความมั่นคง
เอ๊ะ?
สันติภาพ ย่อมดีกว่าสงคราม และต้องเป็นสันติภาพที่มีศักดิ์ศรี
บุคคลแนวหน้า : 30 ตุลาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กรมอุตุฯเตือน‘13 จังหวัด’ฝนตกหนัก ‘กทม.’ฟ้าคะนอง40% ของพื้นที่

หงส์ร่วงบอลถ้วย!พ่ายพาเลซคารัง-เช็คผลทุกคู่

'ไฮโซแพร์' โพสต์อวยพรวันเกิด'เจ เจตริน' พร้อมแคปชั่นน่ารัก my sportsbuddy

นายกฯ เผยการเจรจาภาษีศุลากร มีสัญญาณดี หลังพบ ปธน.ทรัมป์ ครั้งที่ 2

นางฟ้าของเหล่า4ขา! 'อั้ม พัชราภา'ลงมืออาบน้ำให้'สุนัขจรจัด'ที่เลี้ยงไว้กว่า130ตัว

รวบโล้นห่มเหลือง! ขับเก๋งบิณฑบาต-เช่าห้องแถวเปิดอาศรม เจ้าอาวาสวัดดังซัดมารศาสนา

  • Breaking News
  • ‘อนุทิน’เผยยืนคุย‘โดนัลด์ ทรัมป์’เจรจาภาษี แนวโน้มดี รอขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงนาม ‘อนุทิน’เผยยืนคุย‘โดนัลด์ ทรัมป์’เจรจาภาษี แนวโน้มดี รอขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงนาม
  • โรคสมองขาดเลือด ภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษาก่อนเสี่ยงอัมพาต โรคสมองขาดเลือด ภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบรักษาก่อนเสี่ยงอัมพาต
  • แนวหน้าวิเคราะห์ : แหล่งแร่’แรร์เอิร์ธ’-สหรัฐสนใจ อยู่ในโซนไหนของประเทศไทย แนวหน้าวิเคราะห์ : แหล่งแร่’แรร์เอิร์ธ’-สหรัฐสนใจ อยู่ในโซนไหนของประเทศไทย
  • กรมอุตุฯเตือน‘13 จังหวัด’ฝนตกหนัก ‘กทม.’ฟ้าคะนอง40% ของพื้นที่ กรมอุตุฯเตือน‘13 จังหวัด’ฝนตกหนัก ‘กทม.’ฟ้าคะนอง40% ของพื้นที่
  • น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงก่อตั้ง ‘พิพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ’ แหล่งความรู้ที่ยั่งยืนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนัก น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงก่อตั้ง ‘พิพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ’ แหล่งความรู้ที่ยั่งยืนผ่านเครื่องแต่งกายในราชสำนัก
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

หมุนตามทุน : อะไรที่ไทยควรทำกับเรื่อง “เหมือง Rare Earths”

หมุนตามทุน : อะไรที่ไทยควรทำกับเรื่อง “เหมือง Rare Earths”

29 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : ราคาทองคำยังไปต่อ...แต่นักลงทุนต้องระวังจังหวะย่อตัว

หมุนตามทุน : ราคาทองคำยังไปต่อ...แต่นักลงทุนต้องระวังจังหวะย่อตัว

22 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : ภาษีเหล็ก 50% ของสหรัฐฯ...กระทบไทยหนัก

หมุนตามทุน : ภาษีเหล็ก 50% ของสหรัฐฯ...กระทบไทยหนัก

15 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : ยังพอลงทุนได้อีกหรือเปล่า???

หมุนตามทุน : ยังพอลงทุนได้อีกหรือเปล่า???

8 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : จับตา...อนาคตอุตสาหกรรมไทย

หมุนตามทุน : จับตา...อนาคตอุตสาหกรรมไทย

1 ต.ค. 2568

หมุนตามทุน : สแกน 3 ผู้ท้าชิงเก้าอี้ ‘ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.’

หมุนตามทุน : สแกน 3 ผู้ท้าชิงเก้าอี้ ‘ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.’

24 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

หมุนตามทุน : เครือซีพีผนึกกำลัง..สร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

17 ก.ย. 2568

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

หมุนตามทุน : กลุ่มเหล็ก...เดินหน้าหนุนกระทรวงอุตสาหกรรม

10 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved