วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะกลยุทธ์การลงทุนปี 2568 ประเมินจาก เศรษฐกิจสหรัฐยังดูแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มประเทศ DM ขณะที่แถบยุโรป และ ญี่ปุ่นฟื้นตัวจากที่โตต่ำในปี2567 ขณะที่ความเสี่ยงเปลี่ยนจากเศรษฐกิจถดถอยมาเป็นสงครามการค้า และ ผลพวงที่จะเกิดกับเงินเฟ้อสหรัฐเมื่อราคาสินค้านำเข้าของสหรัฐแพงขึ้น ประเด็นสงครามการค้า 2.0 เรามองว่ามีโอกาสสูงที่จะไม่รุนแรง มิฉะนั้นจะส่งผลสะท้อนเชิงลบกลับมาที่เศรษฐกิจสหรัฐ เราจึงคาดว่าผลกระทบจากสงครามการค้า 2.0 ต่อการส่งออกไทยจะจำกัด
มุมมองของเราต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่ GDP ปี 2568 ขยายตัว2.8% ดูท้าทาย เพราะเหลือช่องทางการคลังให้ออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมได้จำกัด ขณะที่โมเมนตัมการบริโภคยังซบเซา เรายังคงมองแบบต่างจาก consensus ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 75bps เหลือ 1.50% ในปี 2568 นอกจากนี้ยังมีอีกสองสามปัจจัยที่จะกระทบการตัดสินใจของ กนง. เช่น i) จังหวะการลดดอกเบี้ยของสหรัฐ ii) กรอบนโยบายจากประธานบอร์ด ธปท. คนใหม่ และ ผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ที่จะตั้งในปี 2568
จากปัจจัยข้างต้นเราจึงกำหนดสี่ธีมการลงทุนปีนี้ธีมแรก คือ เลือกลงทุนในหุ้นบางตัวที่จะได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจจีน และ หุ้น commodity สำหรับสงครามการค้า 2.0 ที่น่าจะไม่รุนแรง ธีมที่สองคือ อุตสาหกรรมที่มีผู้เล่นน้อยรายซึ่งผลประกอบการยังมีแนวโน้มโตต่อเนื่องได้แก่กลุ่ม ICT ธีมที่สามคือหุ้นที่ under-valueและ คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะสูง ธีมที่สี่คือหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตสูงในปี 2568 ในส่วนของธีมที่สาม และ สี่เราได้คัดหุ้นในเชิงปริมาณจากกลุ่มที่ KGI ศึกษาอยู่
เมื่ออิงจากธีมการลงทุนข้างต้นและ หุ้นประมาณ 10 ตัวที่เข้าเกณฑ์เราคัดหุ้นเด่นที่สุดสำหรับถือลงทุนในปี 2568 ออกมาสามตัว โดยตัวแรกคือ SPRC น่าจะตอบรับในเชิงบวกถ้าสงครามการค้า 2.0 ไม่ได้รุนแรงกว่าที่ตลาดคาดไว้ เรายังคาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้จะสูงเกิน 10% และ ราคาหุ้นยังคิดเป็น PE ปี 2568 เพียง 5x ตัวที่สองคือ ADVANC ซึ่งมีธุรกิจ FBB มีแนวโน้มจะเติบโตจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น, ARPU ที่สูงขึ้น และ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ลดลง ธุรกิจมือถือยังน่าจะได้อานิสงส์จากจำนวนผู้ใช้แพ็กเกจมูลค่าสูงเพิ่มขึ้น และ การใช้งานระบบ 5G ที่เพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะมี premium แต่เรามองว่าสมเหตุสมผลกับวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรม แตกต่างจากช่วงวัฏจักรขาลงจากปี 2563-1H66 ตัวที่สามคือ BTG คาดว่ากำไรจะโต 25% ในปี 2568 จากการขยายกำลังการผลิต, ราคาหมูในประเทศที่เพิ่มขึ้น และ GPM ที่เพิ่มขึ้นเพราะช่องทางการขายดีขึ้น ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)

'อนุทิน'เผย 'ทรัมป์' โทรหาคุยเรื่องเขมร
ยิปซีพยากรณ์'ดวงรายวัน' ประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน 2568
'สุรเชษฐ์'แฉรัฐบาล โฆษณาลดค่าทางด่วน แลกยืดสัมปทานเอื้อนายทุน
'รถถัง'ผ่านพร้อมรบ! แต่'น้องโอ๋'พลิกโผ ค่าน้ำไม่ผ่าน จะได้ชกหรือไม่?
'น.อ.อนุดิษฐ์'แจงปม'ชนนพัฒฐ์' ถูก ปปง.อายัดทรัพย์ ชี้ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งสภา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี