** หากสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีตอบโต้ตามอัตราที่ประกาศไว้1 จะทำให้เวียดนาม กัมพูชา และไทยเป็นประเทศในอาเซียนที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ มากที่สุด เนื่องจากเป็นประเทศที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้สูงถึง 46%, 49% และ 36% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียนที่ 33% อีกทั้งยังมีการพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่สูง สะท้อนจากสัดส่วนการส่งออกสินค้าของเวียดนาม กัมพูชา และไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2567 สูงถึง 22%, 21% และ 10% ต่อ GDP ตามลำดับ ดังนั้น หากการเจรจาระหว่างประเทศในอาเซียนและสหรัฐฯ ไม่บรรลุผล อาจทำให้ความต้องการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ จากเวียดนาม กัมพูชา และไทยมีแนวโน้มลดลงจากต้นทุนภาษีนำเข้าสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ
สินค้าส่งออกของอาเซียนที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบทางตรงในการส่งออกไปสหรัฐฯ มากที่สุด คือ กลุ่มเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มสิ่งทอและรองเท้า เนื่องจากในปี 2567 อาเซียนส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปสหรัฐฯ เฉลี่ยสูงถึง 34% และ 19% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมดไปสหรัฐฯ ตามลำดับ รวมทั้งยังเป็นกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ สามารถนำเข้าจากตลาดอื่นทดแทนได้ง่าย อย่างไรก็ดี อาเซียนอาจได้รับอานิสงส์ในการส่งออกสินค้าบางกลุ่มไปยังสหรัฐฯ เพื่อทดแทนสินค้าจากจีนที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าที่สูง โดยเฉพาะสินค้าที่อาเซียนมีศักยภาพในการผลิตและมีกำลังการผลิตส่วนเกิน เช่น ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น ซึ่งอาจลดทอนผลกระทบต่อผู้ประกอบการได้บ้าง
ทั้งนี้เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซียเป็นประเทศในอาเซียน เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการส่งออกของผู้ประกอบการไทย เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดใน 3 มิติ 1.ความต้องการนำเข้าสินค้ามีแนวโน้มเติบโต สะท้อนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการนำเข้าสินค้า ในปี 2562-2567 ของเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซียสูงถึง 8.5%, 7.9% และ 6.4% ต่อปี 2.ส่วนแบ่งการตลาดของสินค้านำเข้าของไทยยังน้อย สะท้อนถึงโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น โดยสินค้าไทยมีส่วนแบ่งการตลาดในเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซียอยู่ที่ราว 4%-5% เท่านั้น 3.มูลค่าการนำเข้าสินค้าในปี 2567 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียนที่ 1.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ส่งออกที่สูง
สำหรับ เวียดนาม สินค้าที่มีศักยภาพของไทยในการขยายการส่งออกไปได้มากขึ้น เช่น ลวดทองแดง น้ำตาล รวมถึงน้ำมันปิโตรเลียม แผงควบคุม ยางพารา และแผ่นอะลูมิเนียม โดย สินค้าดาวเด่น ได้แก่ ลวดทองแดง และน้ำตาล ซึ่งเป็นสินค้าไทยที่มีความต้องการนำเข้าในเวียดนามเพิ่มขึ้น สะท้อนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการส่งออกไปเวียดนามในปี 2562-2567 สูงถึง 13% และ 8% ต่อปี ตามลำดับ อีกทั้งไทยมีส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ยในเวียดนามในปี 2562-2566 สูงถึง 43% และ 45% ตามลำดับ และสินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม แผงควบคุม ยางพารา และแผ่นอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการส่งออกไปเวียดนามในปี 2562-2567 สูงถึง 10%, 17%, 24% และ 20% ต่อปี ตามลำดับ แต่ไทยยังมีส่วนแบ่งการตลาดในเวียดนามไม่มากนัก
ส่วนมาเลเซียสินค้าที่มีศักยภาพของไทยในการขยายการส่งออกไปได้มากขึ้น ได้แก่ เนื้อสัตว์ รวมถึงเรือขุด เครื่องบิน แผงควบคุม และโทรศัพท์ โดย สินค้าดาวเด่น ได้แก่ เนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นสินค้าไทยที่มีความต้องการนำเข้าในมาเลเซียเพิ่มขึ้น สะท้อนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการส่งออกไปมาเลเซียในปี 2562-2567 สูงถึง 20% ต่อปี อีกทั้งไทยมีส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ยในมาเลเซียในปี 2562-2567 สูงถึง 73% และ สินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ เรือขุด เครื่องบิน แผงควบคุม และโทรศัพท์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการส่งออกไปมาเลเซียในปี 2562-2567 สูงถึง 16%, 69%, 23% และ 38% ต่อปี ตามลำดับ แต่ไทยยังมีส่วนแบ่งการตลาดในมาเลเซียไม่มากนัก
ขณะที่อินโดนีเซีย สินค้าที่มีศักยภาพของไทยในการขยายการส่งออกไปได้มากขึ้น ได้แก่ ข้าว และน้ำมันปิโตรเลียม โดย สินค้าดาวเด่น ได้แก่ ข้าว ซึ่งเป็นสินค้าไทยที่มีความต้องการนำเข้าในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น สะท้อนจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการส่งออกไปอินโดนีเซียในปี 2562-2567 สูงถึง 82% ต่อปี อีกทั้งไทยมีส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ยในอินโดนีเซียในปี 2562-2567 สูงถึง 30% และ. สินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของการส่งออกไปอินโดนีเซียในปี 2562-2567 สูงถึง 39% ต่อปี แต่ไทยยังมีส่วนแบ่งการตลาดในอินโดนีเซียไม่มากนัก
** Krungthai COMPASS **
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี