** แนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กในปี 2568 คาดการณ์ปริมาณการใช้งานเหล็กของไทยจะอยู่ที่ 16.2 ล้านตัน แต่ประเทศไทยมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าเหล็กมากสุดถึง 65% ทำให้ประเทศไทยมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization Rate หรือ % CapU)” ของอุตสาหกรรมเหล็กลดลงเรื่อยมาทุกปี จนเหลือเพียง 28 % ในปี 2567 และคาดการณ์ว่าจะต่ำลงไปอีกในปี 2568 โดยคาดว่าปี 2568 จะมีการผลิตเหล็กในประเทศประมาณ 6.4 ล้านตัน ซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการที่อุตสาหกรรมก่อสร้างที่ต้องใช้เหล็กทรงยาวขยายตัว ส่วนเหล็กทรงแบนแม้จะมีความต้องการใช้งานในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ต้องเผชิญกับการแข่งขันจากเหล็กจีนราคาถูกที่ทะลักเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่อง และปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นอีกเมื่อสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กไปถึง 50 % จะเหล็กจากจีนไหลทะลักเข้าไทยมากขึ้นอีกหากไทยยังไม่เพิ่มความเข้มข้นในการใช้มาตรการสกัดกั้นการทุ่มตลาด
สำหรับอุตสาหกรรมเหล็กนั้น ปัญหาใหญ่คือ วิกฤติกำลังการผลิตเหล็กที่มีมากเกินไป (Excess Steel Production Capacity) โลกมีความต้องการใช้เหล็กสำเร็จรูป (Finished Steel) ปี 2567 รวม 1,751 ล้านตัน ในขณะที่มีกำลังการผลิตเหล็กมากถึง 2,324 ล้านตัน จึงใช้กำลังการผลิตเพียง 75% มีกำลังการผลิตส่วนเกินอีก 25% หรือเหลือมากถึง 573 ล้านตันต่อปี ดังนั้น ประเทศที่มีกำลังการผลิตล้นเหลือ โดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งมีกำลังการผลิตเหล็กราว 1,300 ล้านตันต่อปี ผู้ผลิตเหล็กจีนจึงทุ่มส่งออกสินค้าเหล็กที่ผลิตเกินไปยังตลาดต่างประเทศซึ่งหละหลวมและล่าช้าในการใช้มาตรการทางการค้า (Trade Measures) โดยช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 จีนได้ส่งออกสินค้าเหล็กมากถึง 37.9 ล้านตันแล้ว เพิ่มขึ้นถึง +8.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดใหญ่สุดคืออาเซียน
“ การปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทยยังเข้มแข็งน้อยกว่าประเทศอื่นๆในอาเซียนด้วยกัน เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนปริมาณสินค้าเหล็กขั้นปลาย (Finished Steel) ที่นำเข้าเทียบกับสินค้าเหล็กที่ผลิตเองในแต่ละประเทศ โดยประเทศไทยมีสัดส่วนการนำเข้าสินค้าเหล็กมากสุดถึง 65% ทำให้ประเทศไทยใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กลดลงเรื่อยมาทุกปี จนเหลือเพียง 28% ในปี 2567 “
อย่างไรก็ตามก็ยังถือว่าโชคดีอยู่บ้างที่ตอนนี้ดูเหมือนกระทรวงอุตสาหกรรมกำลังให้ความสำคัญต่อการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศมากกว่าในช่วงรัฐบาลอื่นๆที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดได้นำเสนอร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกห้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... เป็นระยะเวลา 5 ปี มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 9 มกราคม 2573 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา และ คณะรัฐมนตรีก็มีมติเห็นชอบในหลักการแล้วด้วย
สาระสำคัญของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับนี้ คือ การขยายระยะเวลาการห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2573 (เดิมสิ้นสุดการใช้บังคับเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568) เพื่อเป็นการควบคุมกำลังการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตเกินความต้องการบริโภค (Over Supply) และใช้โอกาสนี้เพื่อเซฟอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ ควบคุมคุณภาพการผลิต โดยเฉพาะมาตรฐานผลิตเหล็กเส้นชนิดที่ผลิตจากเตา IF (Induction Furnace) ที่พบปัญหาอยู่บ่อยครั้ง จากการลงตรวจของทีมสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม
ถึงกระนั้นรัฐบาลหรือหน่วยงานอื่นๆก็ต้องเข้ามามีบทบาทด้วยเช่นกันในเรื่องการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ อาทิเช่น นอกจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping : AD) แล้ว กระทรวงพาณิชย์ต้องพิจารณาใช้มาตรการอื่นๆด้วยตามความจำเป็น และ กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้มงวดในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไปของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเฝ้าระวังจำนวนหลายรายการที่มีการสวมสิทธิ์นำสินค้าต่างชาติมาอ้างเป็นสินค้าส่งออกจากไทย
นอกจากนี้ควรให้การส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศไทย (Made in Thailand : MiT) โดย ส.อ.ท.ให้การรับรอง โดยนอกเหนือจากการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว ให้ส่งเสริมขยายวงไปยัง โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และ การซื้อสินค้า MiT ในภาคเอกชน โดยกระทรวงการคลังส่งเสริมด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีเงินนิติบุคคล การกำหนดมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตสินค้า MiT ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ และ การกำหนดสัดส่วนการใช้สินค้า MiT เป็นเงื่อนไขหนึ่งในการส่งเสริมการลงทุนโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
** กระบองเพชร**
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี