**หลังจากเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ...แต่งตั้ง คุณวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน...ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) (คนใหม่...ลำดับที่ 25) มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568...ก็มีเสียงตอบรับที่ดีมาจากภาคธุรกิจหลายเซ็กเตอร์...เพราะมองว่าคุณวิทัย นั้น...“มีความเข้าใจสภาพเศรษฐกิจทั้งภาพใหญ่ และภาพย่อย” รวมทั้งมองเห็นภาพของ “เรียล เซ็กเตอร์” เป็นอย่างดี ด้วยสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ และความเสี่ยงสารพัดของประเทศไทย ที่ผ่านมาเราได้ทดลองใช้บริการ ผู้ว่าการ ธปท. มาหลากหลายสูตร ทั้งจากแวดวงลูกหม้อ ธปท. ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ นักวิชาการแบบท่านปัจจุบัน...เราจะลองมาใช้บริการจากคนที่ผ่านงานวงการการเงิน ที่เป็นกลไกของรัฐ เช่น คุณวิทัย ที่น่าจะเป็นนักปฏิบัติ มากกว่านักทฤษฎีบนหอคอยงาข้าง เป็นนักประสานงาน รับฟัง เข้าใจ ทุกภาคส่วน เข้าใจโจทย์จริง เช่น ภาษีทรัมป์ มากกว่า ยึดตำรา ทฤษฎี ใดๆ มากเกินไป...แน่นอนว่านอกจากคำชื่นชมที่มีให้แล้ว...ผู้ว่าการ ธปท. ลำดับที่ 25 ท่านนี้...ก็ดูเหมือนจะแบกความหวังจากหลายภาคส่วนไว้เต็มบ่า...ทั้งการดูแลส่วนต่างของดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ...การเร่งแก้ปัญหาหนี้สินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ...การรักษาอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ผันผวนจนเกินไป...ทำนโยบายที่ผ่อนคลายให้ภาคธุรกิจได้หายใจได้คล่องขึ้น...การรักษาจุดยืนความเป็นอิสระของ ธปท.จากฝ่ายการเมือง...ฯลฯ...โอ้หน๊อะ...ไม่รู้ว่า เป็นผู้ว่า ธปท. หรือนักศึกษา ปี1...ทำไมการบ้านเยอะขนาดนี้...5555...แต่เชื่อ แวดวงการเงิน เถอะว่า...เขาทำการบ้านได้ทุกข้อ...และแก้โจทย์ได้ถูกด้วย...เชื่อผม...**พูดถึงเรื่องการแต่งตั้งวันเดียวกันนั้น...คณะรัฐมนตรีก็ยังได้แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลังอีกหลายราย...ตำแหน่งที่..แวดวงการเงิน...สนใจและอยากจะกล่าวถึงก็คือ...คุณพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)...ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมสรรพสามิต...ซึ่งคุณพรชัยนั้น ถือเป็นมือดี “ฝ่ายบุ๋น”ของกระทรวงการคลังอีกรายที่ได้โยกมาทำงาน “ฝ่ายบู้”...คือกรมจัดเก็บภาษี...ซึ่งสินค้าที่อยู่ในพิกัดภาษีสรรพสามิตนั้น แต่ละตัวล้วนจ๊าบๆทั้งนั้น...อธิบดีคนไหนไม่ครบเครื่อง ก็เหนื่อยหน่อย...แต่ที่ แวดวงการเงิน...ตื่นเต้นสุดคือ ภาษียาสูบ...เพราะตอนนี้เป็นประเด็นใหญ่ที่กรมสรรพสามิตหนักอกหนักใจอยู่ตอนนี้...เพราะภาษียาสูบนั้นหดหมายไปปีละหมื่นล้าน...เพราะถูก “บุหรี่เถื่อน”มาชิงส่วนแบ่งตลาดบุหรี่ถูกกฎหมายไปถึง 25-30%...ก็เลยเก็บภาษีได้น้อยลง...ซึ่งหนึ่งให้เงื่อนไขที่ทำให้ “บุหรี่เถื่อน”เบ่งบาน...ก็เพราะโครงสร้างภาษียาสูบ 2 อัตรา ที่ใช้อยู่ปัจจุบันนั่นเอง...แวดวงการเงิน...จำไม่ผิดว่าคณะรัฐมนตรีเคยสั่งการให้ สศค.ไปศึกษาเพื่อหาทางแก้เรื่องนี้มาหลายปีแล้ว...และผลการศึกษาของ สศค.ก็ออกมานานแล้วว่า...ควรจะใช้ภาษีอัตราเดียว...แต่ผลการศึกษานั้น ถูกเก็บอยู่ในลิ้นชักที่ สศค.มาหลายปี...หวังว่าวันที่คุณพรชัยเก็บของเข้ามาที่กรมสรรพสามิต...จะหยิบเอาผลการศึกษาเล่นนั้นติดมือมาด้วยนะ...จะได้เตือนตัวเองว่า...ศึกษาเองมากับมือ ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง...และควรต้องทำ...ถ้ามีหน้าที่โดยตรงแล้วยังไม่ทำอีก...ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วนะ...เบิ้ดคำสิเว้า...**
** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี