แผ่นดินของไทย ต้องเป็นของไทย
การสู้รบเพื่อปกป้องมาตุภูมิราชอาณาจักรไทย ยังคงดำเนินต่อไป แต่เริ่มมีชาติมหาอำนาจพยายามสอดแทรกเข้ามาเกี่ยวข้อง
1. ภาพรวมสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไทยเรายึดพื้นที่ได้เกือบหมด สามารถเข้ายึดครองพื้นที่ที่เคยถูกฝ่ายกัมพูชารุกล้ำแนวเขตแผนที่ 1 : 50,000 แต่ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่องและมีการเตรียมพร้อม และเพิ่มเติมกำลังของทั้งสองฝ่าย
พื้นที่ ช่องบก, ช่องอานม้า, ซำแต, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, ภูมะเขือ, ปราสาทตาเมือนธม ไทยยึดได้หมดแล้ว
ตรงภูผี ทหารกัมพูชาตายกว่า 100 ศพ
ขณะนี้ (วันอาทิตย์ 27 ก.ค.) เหลือแต่พื้นที่ปราสาทตาควาย ที่กัมพูชารุกล้ำเขตไทยอยู่ชัดเจน ฝ่ายไทยเรายังคงมีความพยายามผลักดันอยู่แต่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้กำลังใกล้โบราณสถาน
กำลังของกัมพูชา ยังพยายามระดมยิงด้วยปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด (ค.), และ BM-21 อย่างหนัก
ล่าสุด ยิง BM-21ใส่ปราสาทตาเมือนธมด้วย
ยิงปืนใหญ่ไปตกใส่บ้านเรือนคนไทยด้วย
แต่คนไทยได้รับการดูแลอพยพไปอยู่ในสถานที่พักพิง
ก่อนหน้านี้แล้ว
เพราะที่ผ่านมา กำลังฝ่ายกัมพูชามีการยิงปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง BM-21 มุ่งทำลายชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนไทย ทั้งบ้านเรือน ชุมชน ปั๊มน้ำมัน มินิมาร์ท แม้กระทั่งโรงพยาบาล ฯลฯ เพื่อกดดันทางการเมือง หวังให้รัฐบาลไทยตัดสินใจยุติการต่อสู้ ในสภาพเสียเปรียบ แต่ประเมินผิด เพราะคนไทย สนับสนุนทหารไทยเดินหน้าทำศึกขับไล่ผู้รุกรานอย่างเด็ดขาด ไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายฮุนเซน
2. ทหารไทยปักธงชาติไทยที่ยอดภูมะเขือ หลังยึดพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ เมื่อ 25 ก.ค. 2568
กองทัพไทยตีทหารฮุนเซนแตกกระเจิงลงเขา เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 10 ศพ
พิชิตสมรภูมิภูมะเขือ ทำลายฐานที่มั่น รวมกระเช้าส่งกำลังบำรุงของเขมรย่อยยับ
ด้วยการรบสอดประสานระหว่างกองทัพบกและกองทัพอากาศ (ล่าสุด กองทัพเรือออกโรงที่ตราดด้วย)
ขณะเดียวกัน ตชด. ก็มีบทบาทรักษาพื้นที่อย่างเข้มแข็งเช่นกัน
สำหรับ “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารเขมรแอบขึ้นมาตั้งฐานตั้งแต่ก่อนปี’51 พอมีการรบกันปี’54 ฝ่ายไทยขับไล่ทหารเขมรไม่จบ แล้วเขาอาศัยช่วงยุติการรบหลังปี’54 เสริมทั้งสะพานเหล็ก กระเช้า ทำฐานแข็งแรงมากขึ้น
ที่ผ่านมา ทหารไทย ก็ตรึงประจันกันอยู่บนนั้น ไม่ได้ยอมศิโรราบ ทำได้แค่ประท้วง เพราะอยู่ในช่วงยุติการสู้รบ อดทนรอ ท่ามกลางการดูแคลนของคนไทยเราบางส่วน กองทัพรอความชอบธรรม จนถึงวันที่ทหารเขมรเปิดฉากสู้รบก่อน ฝ่ายไทยจึงระดมกำลังรบ ตามแผนที่วางไว้ รุก ไล่ บดขยี้ ทำลายฐานทหารเขมรบนภูมะเขือราบคาบ
เชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาบนภูมะเขือ
ทหารไทยร้องเพลงชาติไทยบนภูมะเขือ
ภูมะเขือเป็นแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยสมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง
3. เหตุที่กองทัพไทยไม่เข้ายึดปราสาทพระวิหาร เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ เลย
ไทยไม่ฝ่าฝืนคำพิพากษาศาลโลก
แต่ปราสาทพระวิหารที่กัมพูชาแย่งชิงไปจากไทยผ่านศาลโลก ก็เหมือนมะม่วงสุกที่อยู่ในมือเรานั่นเอง เพราะกัมพูชาไม่มีทางขึ้นโดยสิ้นเชิง พื้นที่โดยรอบอยู่ในความดูแลของทหารไทย ตามแนวแผนที่ 1:50,000 หากกัมพูชาต้องการขึ้นไปใช้ประโยชน์บนปราสาทพระวิหาร ก็จะต้องมาขอเจรจา หรือมารบเอาไปจากไทย
4. กว่ากองทัพไทยจะตีหักเอาพื้นที่ต่างๆ คืนมาได้ โดยเฉพาะพื้นที่รอบเขาพระวิหาร
ทหารบก ทหารอากาศ F-16 กริพเพน ร่วมปฏิบัติการ เสี่ยงชีวิตแลกมา
ทหารไทยสละชีพ เสียอวัยวะ เสี่ยงภัย ฝ่ากระสุน ฝ่าระเบิด ต่อสู้แลกมาด้วยเลือดและชีวิต
ประเทศไทยต้องรักษาไว้ และเดินหน้าต่อให้สำเร็จ จนสิ้นกระแสความ
ตัดโครงสร้างพื้นฐานการบำรุงกำลัง ตัดเขี้ยวเล็บข้าศึกศัตรู มิให้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยได้อีก เพื่อลูกหลานไทยจะได้ปลอดภัยคุกคามจากเผด็จการมาเฟียระบอบฮุนเซนต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษ
5. เมื่อไทยยึดกุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ได้ถึงจุดหนึ่ง หลังจากนี้รัฐบาลต้องประกาศให้ชัด เพื่อปกป้องคุ้มครองคนไทย จากการโจมตีโต้กลับของอริราชศัตรู
“ถ้ากัมพูชายิงใส่พลเรือนไทยอีก หรือใช้อาวุธระยะไกล ยกระดับกว่านี้อีก เช่น PHL-03 ฝ่ายไทยก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะขยายวงตอบโต้ไปถึงฐานทัพทุกแห่งในกัมพูชา ฐานบัญชาการทหารทุกจุด ฮุนเซนคือผู้บัญชาการทหารก็ต้องเป็นเป้าหมายการโจมตีเช่นกัน รวมถึงเป้าหมายอุตสาหกรรมสแกม กาสิโน เครือข่ายฟอกเงินที่คุกคามทั่วโลกด้วย”
มีหลักฐานชัดเจนว่า ฮุนเซนเคยข่มขู่จะยิงใส่พลเรือนไทย แล้วก็เกิดจริง พลเรือนไทยถูกยิงสังหารอย่างเลือดเย็น เด็ก ผู้หญิง โรงพยาบาลโดนถล่ม ปั๊ม 7-11 บ้านเรือน พี่น้องคนไทยนับแสนต้องอพยพเดือดร้อน ฯลฯ
ดังนั้น ไทยมีความชอบธรรมที่จะปฏิบัติการป้องกันเชิงรุกนับตั้งแต่บัดนี้ อย่างเด็ดขาด ไม่ปรานี ต่อเป้าหมายทางยุทธศาสตร์การทหาร จนกว่า ผู้นำกัมพูชาจะยอมยุติการคุกคามไทยอย่างสุจริต
ถ้ารัฐบาลไม่ทำ แสดงว่า ไม่จริงใจในการต่อสู้กับอริราชศัตรูที่กำลังคุกคามชีวิตของคนไทยผู้บริสุทธิ์
สหรัฐ เคยใช้เครื่องบินโจมตีเป้าหมายในอิหร่าน ไกลจากประเทศ 9 พันกว่ากิโลเมตร อ้างป้องกันภัยคุกคาม
มหาอำนาจต้องไปบังคับให้ฮุนเซนหยุดคุกคามพลเรือนไทย
จีนว่าไง ฮุนเซนกำลังใช้อาวุธที่ซื้อมาจากจีนทำร้ายพลเรือนไทย
ย้ำ ลูกหลานไทยต้องปลอดภัยจากการรุกรานของมาเฟียข้างบ้านไปตลอดศตวรรษ
6. อย่าให้ใครเอาสงคราม มาฟอกคดีนักการเมือง
ปรากฏข่าวว่า มีคนบางกลุ่มพยายามเรียกร้องกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกคำร้อง และรีบเพิกถอนคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ (กรณีคลิปสนทนาอังเคิล) เพื่อให้อุ๊งอิ๊งค์กลับมาทำหน้าที่นายกฯโดยเร็วที่สุด
ในความจริง แทนที่จะไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญเช่นนั้น ควรรีบให้นายกฯ ส่งคำชี้แจง เลิกขอขยายเวลา เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยโดยเร็ว หรือนายกฯ จะรีบลาออกไปเสีย เมื่อพ้นตำแหน่ง ก็จะได้มีนายกฯใหม่ รัฐบาลใหม่ที่มันมีเสถียรภาพกว่านี้ โดยไม่มีผู้นำที่มีเงื่อนไขทับซ้อน พร้อมแก้ปัญหาวิกฤตประเทศสารพัดเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพกว่าที่ผ่านมา จะดีกว่าไหม?
อย่าเอาสงคราม มาฟอกคดีนักการเมือง
ทหารเสียสละชีวิตเลือดเนื้ออวัยวะ สู้รบเพื่ออธิปไตยเหนือแผ่นดินราชอาณาจักรไทย มิใช่เพื่อรักษาอำนาจนักการเมือง
ตระกูลใด
พึงสำเหนียก ทหารหาญสละชีพเพื่อชาติ มิใช่เพื่อญาติของอังเคิลฮุน
การแอบอ้างเพื่อแทรกแซง กดดัน ฟอกขาวให้นักการเมืองที่มีคดีติดตัว เลวร้ายที่สุด น่าละอายแก่ใจที่สุด
ตรงกันข้าม ถ้าเราได้ผู้บริหารประเทศที่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ มีบารมี มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถ และมีสำนึกในหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ชาติบ้านเมืองจึงจะพ้นภัย
คนไทยต้องสั่งสอนนักการเมืองขายชาติ และนักการเมืองที่เคยด้อยค่าทหารว่ามีไว้ทำไม รบก็ไม่ชนะ คนพวกนี้ ไม่สมควรมีที่ยืนบนเวทีการเมืองอีกต่อไป
7. กัมพูชาคือฝ่ายรุกรานไทย โจมตีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ยิงถล่มโรงพยาบาล
รายงานข่าวระบุว่า มีการพูดคุยระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และโดนัลด์ ทรัมป์ ก็คุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย
ล่าสุด กองทัพไทย ยืนยันว่า ความจริง กัมพูชายังไม่หยุดยิงไทยจำเป็นต้องตอบโต้
ทหารในสมรภูมิยังยืนยันทำตามยุทธวิธี จะมีการหยุดยิง เมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายมาขอเจรจาเท่านั้น
พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร ดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลอย่างเช่น จรวด และปืนใหญ่ ที่กัมพูชายังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องชาวไทยได้รับผลกระทบหรือมีการสูญเสีย
ยิง BM-21ใส่ปราสาทตาเมือนธมด้วย
ยิงปืนใหญ่ไปตกใส่บ้านเรือนคนไทยด้วย
ยิงกระสุนปืนใหญ่ใส่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านซำเม็ง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วย ฯลฯ
ทั้งยังปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหว ว่าอาจมีอาวุธที่ร้ายแรงกว่าเดิม อย่างเช่น PHL-03, RM 70, BM-21 อาจมีแนวโน้มที่จะเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติมให้กับฝ่ายกัมพูชา แสดงถึงท่าทีของกัมพูชา ที่ฝ่ายไทยยังไม่สามารถไว้วางใจได้ โดยฝ่ายกัมพูชายังไม่หยุดโจมตีด้วยอาวุธทุกรูปแบบต่อฝ่ายไทย
พลตรีวินธัย กล่าวยืนยันว่า กองทัพบกจะดำเนินการเต็มขีดความสามารถ เพื่อตอบโต้การรุกราน และยืนยันว่ายังคงมุ่งเน้นต่อเป้าหมายทางทหารที่ส่งผลต่อภัยคุกคามทางทหาร และชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชนเท่านั้น ภายใต้กรอบกติกาสากลอย่างเหมาะสม เพื่อปกป้องรักษาอธิปไตยให้ได้อย่างดีที่สุด
“ไทยจะหยุดยิง ก็ต่อเมื่อกัมพูชาหยุดจริงอย่างแท้จริง และมาเจรจาพูดคุยแบบทวิภาคีกับไทย”
แนวทางนี้ ถูกต้อง เป็นธรรม อยู่บนพื้นฐานเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศไทย
เพราะที่มาของความตึงเครียดและการปะทะสู้รบกันรอบนี้ มาจากฝ่ายกัมพูชาเริ่มก่อนทั้งสิ้น
ตั้งแต่ กัมพูชาสนับสนุนให้ท้ายการเข้ามาทำกิจกรรมแสดงเชิงสัญลักษณ์บนปราสาทตาเมือนธม
เกิดเหตุเผาศาลาตรีมุข
กัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทย ขุดคูเลต สนามเพาะ ที่ช่องบก
คูเลตที่กัมพูชาขุด มีความยาวกว่า 700 เมตร เป็นการละเมิดข้อตกลงที่มีร่วมกันชัดเจน เป็นเหตุให้ไทยประท้วงการกระทำของกัมพูชา และในวันที่ 28 พ.ค.ได้เกิดการกระทบกระทั่งกันในพื้นที่บริเวณที่มีการขุดคูเลต เป็นที่มาของเหตุปะทะในวันดังกล่าว
จากนั้น กัมพูชาวางระเบิดสังหารบุคคล เมื่อทหารกัมพูชายอมถอนกำลังออกไป แต่ไม่กู้ระเบิดที่วางไว้
ทหารไทยลาดตระเวน เหยียบระเบิด
กัมพูชาเคลื่อนกำลังจำนวนมากเข้าประชิดชายแดน
กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และได้ใช้อาวุธยิงระยะไกล ทำลายโรงพยาบาล โรงเรียน และประชาชนชาวไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ผู้แทนของไทย แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (แบบปิด) UNSC บางตอนว่า
“ …เมื่อเวลา ๐๘.๒๐ น. ของเมื่อวาน วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ กองทัพกัมพูชาได้เปิดฉากใช้อาวุธหนักยิงใส่ฐานปฏิบัติการของทหารฝ่ายไทยใกล้บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ และต่อมา ทหารฝ่ายกัมพูชาได้โจมตีทางอาวุธต่อพื้นที่ในดินแดนของประเทศไทยโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ ๔ จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งถือเป็นการกระทำอันเป็นการรุกราน และการโจมตีทางอาวุธอย่างผิดกฎหมายและโดยไม่เลือกเป้าหมาย
กระผมขอย้ำคำว่า โดยไม่เลือกเป้าหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและความทุกข์ทรมานต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ มีเด็กเสียชีวิต ๔ คน และบาดเจ็บสาหัสอีก ๔ คน
นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน รวมทั้งโรงพยาบาลและโรงเรียน ต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยจากรายงานสถิติความเสียหาย ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตจำนวน ๑๔ ราย และบาดเจ็บ ๔๖ ราย โดย ๑๓ รายอยู่ในภาวะวิกฤต
ผมขอย้ำประโยคว่า “อย่าละสายตา” อีกครั้ง
ทั้งนี้ ในเพียงระยะเวลา ๒๔ ชั่วโมงที่ผ่านมา โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน และบ้านพักของพลเรือนตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี ครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิก ๔ คน ในระหว่างซื้อของที่ร้านขายของชำ โดยแม่และลูกสามคน ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตออกมา และมีประชาชนมากกว่า ๑๓๐,๐๐๐ คน ที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย
ในการนี้ ประเทศไทยขอประณามอย่างถึงที่สุดต่อการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายและไร้มนุษยธรรมของกัมพูชาต่อพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน และสถานประกอบการสาธารณะต่างๆ โดยเฉพาะโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. ๑๙๔๙ (The Geneva Conventions of 1949) โดยเฉพาะข้อ ๑๙ ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่หนึ่ง และข้อ ๑๘ ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่สี่…”
กัมพูชาต้องยุติการสู้รบและการกระทำที่เป็นการรุกรานโดยทันที
และกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาโดยสุจริตใจเท่านั้น
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี