**ถึงวันนี้ไทยต้องเตรียมใจได้เลยว่าเป็นเรื่องยากมากที่เราจะเจรจาเรื่องภาษีกับสหรัฐฯได้ทันภายในเส้นตาย 1 สิงหาคมนี้...แล้วก็ต้องเตรียมรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ...โดยเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการผลิต...แม้จะหวังได้ยาก แต่ก็ต้องไม่หมดความหวัง...ที่ คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้า “ทีมไทยแลนด์” จะทำได้...แม้ว่าอาจจะไม่ได้เท่ากับชาติอื่นในอาเซียน โดยเพาะเวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่เป็นคู่แข่งทางการของไทยในหลายชนิดสินค้า...แต่ก็น่าจะได้ต่ำกว่า 36%...ในขณะเดียวกันก็ต้องหวังว่า กรทรวงการคลังจะพอมีเม็ดเงินและมาตรการต่างๆออกมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ และเยียวยาภาคเอกชนและผู้ประกอบที่ได้รับผลกระทบจากภาษี “ทรัมป์ 2.0”...ซึ่งหากผู้ประกอบการไปต่อไม่ไหว...ภาคประชาชน...ก็จะเดือดร้อนด้วยแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่อยู่ในภาคการผลิตสินค้าและซัพพลายเชนกลุ่มสินค้าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ...เพราะต้องขาดรายได้ เนื่องจากถูกเลิกจ้างจากนายจ้างที่ไปต่อไม่ไหว...ด้วยหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่ขณะนี้...การขาดรายได้ก็ยิ่งทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ต่ำลงไปอีก...จากปัจจุบันก็เปราะบางอยู่แล้ว...รวมทั้งหนี้ของภาคธุรกิจที่ตอนนี้ก็ใช่ว่าจะแข็งแรงนัก...เจอภาษีเข้าไปเต็มๆในอัตรา 36%...คงตาย “ยกรัง”...โดยเฉพาะกลุ่ม SME ...และในช่วงปลายปี 2568 จนไปถึงปี 2569...เราจะได้เห็นสถาบันการเงินระดมเทขายหนี้เสียออกมาให้บรรดาบริษัทบริหารสินทรัพย์ทั้งหลาย...ซึ่งก็จะมีหลายรูปแบบ ทั้งเทขายออกมาเลย หรือร่วมทุนกับบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ปัจจุบัน...ตั้งบริษัทลูกขึ้นมา เพื่อรับโอนหนี้เสียนั้นๆออกจากบัญชีของตัวเอง...เพราะด้วยมาตรฐานบัญชีใหม่...ทำให้ต้องตั้งสำรองถึง 100% ขืนเก็บเอาไว้เอง...กำไรคงไม่เหลือ ซ้ำอาจจะเร่งหาเงินทุนมาเพิ่มอีก...ทำให้ตอนนี้...ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM)...ก็เลยเป็นหนุ่มเนื้อหอม...ที่ใครๆก็อยากจะเข้าหา...แว่วๆมาว่า ตอนนี้หลายแบงก์ยืนรอหน้าประตู ส่งตาหวานมาชวนให้ไป “ร่วมหอลงโรง” ด้วย...แวดวงการเงิน...แอบกระซิบให้ว่า...ภายในช่วงครึ่งปีหลังนี้...เราจะได้เห็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง BAM กับธนาคารพาณิชย์เกิดขึ้นประมาณ 2 แห่ง...จะทำให้ BAM มีบริษัทลูกเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 2 แห่ง...ส่วนเรื่องเงินทุน อันนี้ไม่ต้องห่วง BAM...เพราะตอนนี้ ดร.รักษ์ กับทีม...เร่งขายสินทรัพย์ที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้มากขึ้น...แล้วก็ดูเหมือนจะไปได้ดีด้วยนะ...เดี๋ยวเห็นรายงานงบการเงินต้นเดือนสิงหาคมนี้ก็จะรู้ว่า...ในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก BAM เขามีกำไรดีอยู่นะ...**

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**