เนื่องจากสัปดาห์นี้ ไม่มีจดหมายจากท่านผู้อ่านตกค้าง ผมจึงขอนำเรื่องราว ต้นกำเนิดของวิชาดาราศาสตร์ ที่ได้จากการศึกษาประวัติศาสตร์ของอียิปต์ จากการนำคณะท่องเที่ยวเดินทางเจาะลึกอียิปต์ในช่วงเวลา 30 ปีที่ผ่านมามาให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกัน 

อียิปต์โบราณ เป็นชาติแรกๆของโลก ที่ค้นพบความลับของดวงดาวบนท้องฟ้า  และ นำไปสู่วิชาไขรหัสลับความเป็นไปบนโลกมนุษย์อันเกิดจากอิทธิพลของดวงดาวบนท้องฟ้า ที่เรียกว่า วิชาโหราศาสตร์

แต่ก่อนที่จะทราบเรื่องราวบนท้องฟ้า เราต้องทราบตำนานการเกิดของแผ่นดิน ท้องฟ้า และ อากาศตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณเสียก่อน 

(ผู้เขียนที่หุบผากษัตริย์ เมืองลักซอร์ อียิปต์)

ตำนานแห่งเทพเจ้าของอียิปต์โบราณบอกว่า ทำเนียบแห่งเทพเจ้าทั้งเก้าของอียิปต์โบราณประกอบด้วย เทพอะตุม(ATUM) หรือ  สุริยเทพ(SUN GOD) อะตุมมีลูกชายหญิง 2 พระองค์ คือ เทพชู(GOD SHU) และเทพีเทฟนุต(GODDESS TEFNUT)

เทพชู เป็น เทพเจ้าแห่งอากาศ ในขณะที่ เทพีเทฟนุต ก็คือเทพีห่ง อากาศที่ชื้น น้ำค้าง และฝน

เทพชู และ เทพีเทฟนุต มีลูกด้วยกัน 2 องค์ คือ เทพเก็บ(GEB) ซึ่งเป็นเทพแห่งปฐพี และเทพีนุต(NUT) ซึ่งเป็นเทพีแห่งท้องฟ้า

ว่ากันว่า แรกทีเดียวเทพเก็บ และ เทพีนุต นอนประกบตัวติดกัน จนต่อมา เทพชู ได้เข้ามาแทรกตัวอยู่ตรงกลาง แล้วแยกเทพเก็บ และ เทพีนุตให้แยกจากกัน 

(เทพีนุตซึ่งโค้งลำตัว ทำให้เท้าและมือจรดลงไปที่พื้นโลก ซึ่งก็คือเทพเก็บ หรือ เทพแห่งปฐพี โดยมีเทพชู คอยยันตัวของเทพีนุตไว้)

เทพเก็บจึงนอนราบอยู่เบื้องล่าง กลายเป็นแผ่นดิน ในขณะที่ เทพีนุต ซึ่งถูกเทพชูดันตัวยกให้สูงขึ้น ลำตัวของเธอจึงกลายเป็นท้องฟ้า

ลำตัวของเทพีนุตนี่เอง ที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ของกลางวันและกลางคืน ตามคำอธิบายของ ชาวอียิปต์โบราณที่ว่า เวลากลางคืนเกิดจากการที่เทพีนุต ได้กลืนกินเอาดวงอาทิตย์เข้าไปในท้อง ทำให้พระอาทิตย์ไม่อาจส่องแสงสว่างได้ โลกจึงกลายเป็นเวลากลางคืน  

ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆในท้องของเทพีนุต และเมื่อสุดทางของลำตัว เทพีนุตก็จะคลอด ดวงอาทิตย์ออกมา ซึ่งจะทำให้พระอาทิตย์สามารถส่องแสงสว่างได้อีกครั้ง

จึงเกิดเป็นเวลากลางวัน

 
(เทพีนุต ในรูปลักษณ์ของวัว – ภาพจากวิกิพีเดีย)

เมื่อพระอาทิตย์โคจรไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึงตรงปากของเทพีนุตอีกครั้ง เทพีนุตจะกลืนกินดวงอาทิตย์เข้าไปในท้องอีกครั้ง  ทำให้โลกเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน 

สลับกันไปแบบนี้ จากกลางวัน เป็นกลางคืน แล้วก็กลับมาเป็นกลางวันอีกครั้ง

(ภาพในห้องเก็บศพในหุบผากษัตริย์ แสดงให้เห็นภาพจำลองของท้องฟ้า เทพีนุตใช้ส่วนท้องเป็นเสมือนท้องฟ้า และ เทพชู กำลังยกร่างของเทพีนุตให้แยกจากเทพเก็บ – ภาพโดยผู้เขียน)

ตำนานแห่งการกำเนิดของ กลางวัน และ กลางคืน จะปรากฏเป็นภาพเขียนอยู่ภายในห้องเก็บศพภายในสุสานทุกแห่งของฟาโรห์ ในหุบผากษัตริย์ หรือ VALLEY OF THE KING ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำไนล์  ตรงกันข้ามกับเมืองลักซอร์ของประเทศอียิปต์ และทุกครั้งผมก็จะพาสมาชิกทัวร์ ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ไปชมอย่างละเอียดด้วย

หากสนใจจะร่วมเดินทางไปเจาะลึกอียิปต์ครั้งต่อไป กับผม ระหว่างวันที่ 10 – 19 เมษายนนี้ ติดต่อ 02 6516900 หรือ  088 578 6666 หรือ ID Line 14092498 ครับ

เนื่องจากท้องฟ้าในประเทศอียิปต์จะใส และ ไร้เมฆหมอกปกคลุมเกือบตลอดปี ชาวอียิปต์โบราณจึงสามารถสังเกตเห็นการเคลื่อนที่ การเปลี่ยนแปลง และปรากฎการณ์ ของพระจันทร์ ที่สัมพันธ์กับดวงดาวต่างๆ ที่โคจรบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

(ภาพจักราศี ภายในวิหารเดนเดอรา ประเทศอียิปต์ ภาพจากวิกิพีเดีย)

ความล้ำหน้าทางด้านดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์ของอียิปต์นั้น ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า ก้าวหน้าล้ำยุคไปไกลขนาดไหน แต่เท่าที่ปรากฏเป็นหลักฐานที่พิสูจน์ได้ เห็นจะเป็นที่วิหาร เดนเดอรา เห็นแล้วรู้สึกน่าทึ่งไม่น้อยทีเดียว

วิหารเดนเดอรา เป็นวิหารในสไตล์ เกรโก-โรมัน หรือ กรีก-โรมัน มีอายุกว่า 2 พันปี สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพีฮาร์ธอร์(HATHOR) ในช่วงปลายของราชวงศ์ปโตเลมี

 
(ภาพจักราศีในวิหารเดนเดอรา ที่ลงสีจนครบให้เหมือนกับตอนที่ทำเสร็จใหม่ๆ – ภาพจากวิกิพีเดีย)

หลักฐานที่ว่านี้ก็คือ รูปจักราศี ที่แกะสลักอยู่ภายในวิหาร ไม่ต่างไปจากรูปจักราศีในปัจจุบันนี้เลยแม้แต่น้อย 

พบกันใหม่สัปดาห์หน้า ผมจะเอาปฎิทินโบราณของอียิปต์มาเล่าให้ฟังครับ

สำหรับท่านที่ต้องการให้ผมพยากรณ์ดวงชะตาให้ ก็ส่ง วันเดือนปีเกิด เวลาเกิด จังหวัดที่เกิด เพศ พร้อมด้วย เบอร์โทรศัพท์ ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีที่มีคำถาม หรือ มีเรื่องด่วนที่จะเตือน พร้อมกับเรื่องที่ต้องการถามไม่เกิน 3 ข้อผ่านทางอีเมล์มาที่ thammathipti@gmail.com แล้วผมจะนำมาตอบในคอลัมน์นี้ครับ

หรือจะติดต่อผมทางโทรศัพท์ ก็ได้ที่เบอร์ 088 578 6666    

ขณะนี้ ไม่มีคิวตกค้างอยู่ หากใครเขียนเข้ามาถามในช่วงนี้ ผมก็จะนำมาตอบในสัปดาห์หน้าเลย

(อย่าลืมติดตามอ่าน  คอลัมน์ “ซอกซอนตะลอนไป” ที่ผมเขียนอีกคอลัมน์หนึ่งด้วยนะครับ)