ห้างวอลมาร์ทในอเมริกาเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ใครๆ ก็ไปจับจ่ายซื้ออาหารและเครื่องใช้ไม้สอยในชีวิตประจำวัน เพราะสินค้าที่นั่นราคาถูกกว่าห้างอื่น หลายครอบครัวไม่มีเวลาไปจ่ายตลาดก็มักรอให้ถึงเช้าวันเสาร์ถึงค่อยไปซื้ออาหารมาตุนไว้อาทิตย์หน้า ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่วอลมาร์ทจัดรายการขายอุปกรณ์การเรียนราคาถูกเพื่อต้อนรับการเปิดเทอม ยิ่งมีผู้ปกครองและเด็กๆ มาเลือกซื้อสินค้าอย่างคับคั่ง แต่ใครจะไปคิดว่าความตายจะกรายมาถึงตัว ในขณะที่เดินซื้อข้าวของในห้างแถวบ้านเช่นนี้...?
วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม เกิดเหตุร้ายในเมืองเอล พาโซ่ รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นเมืองชายแดนระหว่างอเมริกากับเม็กซิโกที่มีพลเมืองประมาณเจ็ดแสนคน แต่ 80 เปอร์เซนต์เป็นคนอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิก หรือเชื้อสายเม็กซิกันนั่นเอง
ตอนสายวันนั้น ชาวเมืองกำลังเดินจับจ่ายใช้สอย บ้างมาซื้ออาหาร บางคนก็มาซื้ออุปกรณ์การเรียน ทันใดนั้น ทุกคนได้ยินเสียงตึบๆๆๆๆ รัวติดต่อกัน ต่างหันมามองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก เมื่อพบว่า ชายผิวขาวคนหนึ่งใช้ปืนไรเฟิล AK47 กราดยิงทุกคนที่กำลังเดินออกจากวอลมาร์ท เท่านั้นยังไม่หนำใจ ชายคนดังกล่าวบุกเข้าไปในห้างแล้วกระหน่ำยิงไม่เลือกหน้า
ทุกคนกรีดร้องโกลาหลแล้วรีบวิ่งเอาตัวรอด แต่มือปืนยังคงกราดยิงต่ออย่างเมามัน ใบหน้านั้นนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก เมื่อเเห็นผู้คนเบื้องหน้าล้มฟุบเลือดนองพื้น
ผลการกราดยิงปรากฎว่า มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บอีก 26 คน หนึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตมีสตรีวัย 25 ซึ่งเป็นแม่ของลูกสามคน ในช่วงเวลาเกิดเหตุ เธอพาลูกชายวัยสองขวบใส่รถเข็นเข้าไปในห้างเพื่อซื้อของใช้ประจำวัน เมื่อมือปืนสาดกระสุนใส่ เธอใช้ลำตัวบังป้องลูกชายจนตัวเองเสียชีวิต ส่วนลูกน้อยวัยสองขวบปลอดภัย เหยื่อรายอื่นมีตั้งแต่เด็กเล็กอายุ 2 ขวบ ไปจนถึงคนชราวัย 82 ปี
เกร็ก แอ็บบ็อตต์ ผู้ว่าการรัฐเทกซัสกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 20 ราย และบาดเจ็บ 26 คน ส่วนประธานาธิบดีเม็กซิกัน มานุเอล โลเปซ โอบราดอร์ กล่าวว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีชาวเม็กซิกัน 3 ราย และบาดเจ็บ 6 คน
เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสอบสวนหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ สันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุจากความเกลียดชัง โดยมุ่งเป้าโจมตีกลุ่มฮิสแปนิก เนื่องห้างวอลมาร์ทแห่งนี้ มีชาวเม็กซิกันมักข้ามพรมแดนเข้ามาซื้อสินค้าเป็นประจำ
ตำรวจสามารถจับกุมมือปืนไว้ได้ มือปืนอายุเพียง 21 ปี ชื่อ แพทริค ครูเซียส ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่ม "คลั่งขาว" หรือ White Supremacist ซึ่งต่อยอดมาจากคูคลักแคลนซ์และนีโอนาซีผสมกัน พูดง่ายๆคือ สมาชิกทั้งสองกลุ่มมารวมตัวกัน เพราะแนวคิดใกล้เคียงกันนั่นเอง กลุ่มนี้เกลียดชังคนสีผิวอื่น ยกย่องคนผิวขาวว่าดีเลิศเหนือคนสีอื่นอื่น เกลียดมุสลิม เกลียดยิว เกลียดเอเซีย เกลียดคนผิวดำ เกลียดเม็กซิกัน แนวคิดหลักคือการกำจัดคนสีผิวอื่นที่ไม่ใช่คนผิวขาว
มือปืนก่อเหตุได้โพสต์ข้อความประกาศทางออนไลน์ก่อนลงมือ โดยเป็นการโพสต์ขึ้นบนเว็บไซต์ของกลุ่มพวกหัวรุนแรงตอนสิบโมงเช้าวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น
มือปืนรายนี้คือผู้สนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ข้อความในโซเชียลมีเดีย เต็มไปด้วยข้อความที่สนับสนุนทรัมป์ โดยมองว่าพวกผู้อพยพและเม็กซิกันในอเมริกาคือปัญหา ก่อนลงมือกราดยิงได้เขียนข้อความแสดงทัศนคติว่าจำเป็นต้องทำลายล้างพวกเม็กซิกัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมถึงเดินทางไปลงมือที่เมืองเอล พาโซ เพราะพลเมืองนี้เป็นฮิสแปนิกกว่า 80 เปอร์เซนต์ ในบันทึกก่อนลงมือกราดยิงเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าจะฆ่าพวกที่มีเชื้อสายเม็กซิกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในบันทึกก่อนการฆ่ายังแสดงความชื่นชมการสังหารหมู่ที่ไครสต์เชิร์ช ซึ่งเป็นการก่อการร้ายของกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรง ณ มัสยิดอันนูรและศูนย์อิสลามลินวุด ในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ ระหว่างการละหมาด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562 มีผู้เสียชีวิตจากการกราดยิงแล้ว 50 คน และบาดเจ็บ 50 คน โดยกล่าวว่าการสังหารหมู่แบบนี้คือการกวาดขยะอันยอดเยี่ยม
อาทิตย์ก่อนหน้านี้ก็มีการกราดยิงที่แคลิฟอร์เนีย ในงานเทศกาลอาหาร ประเด็นคือเมืองที่จัดงานเป็นเมืองเกษตรกรรม ที่มีเม็กซิกันมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มือปืนแอบตัดรั้วเข้าไปกราดยิงระหว่างที่ผู้คนกำลังอิ่มอร่อยกับอาหารต่างๆ ที่นำมาขายในงาน กลับต้องแตกฮือกรีดร้อง เมื่อเสียงปืนรัวมาจากทุกทิศทาง ต่างวิ่งหนีเอาตัวรอด ผลการกราดยิงสัปดาห์ก่อนคือมีผู้เสียชีวิตสามคน บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง มือปืนที่กราดยิงในงานเทศกาลก็คือหนึ่งในกลุ่มคลั่งขาว หรือ White Supremacist เช่นเดียวกัน
ในขณะที่อเมริกันยังไม่หายจากตื่นตระหนก เพราะเหมือนฝันร้ายในฤดูร้อนที่ความตายมาถึงแบบไม่ทันตั้งตัว แม้ขณะเดินซื้อของในห้าง ตีหนึ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 ก็เกิดเหตุกราดยิงที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บ 16 คน จุดที่เกิดเหตุเป็นทั้งบาร์และร้านอาหาร ซึ่งใครๆ ต่างก็พากันไปกินดื่ม เนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ มือปืนผู้นี้สวมเสื้อเกระกันกระสุน ใช้ปืนไรเฟิลขนาด .223 แคริเบอร์ เป็นอาวุธ และยังมีแมกกาซีนบรรจุกระสุนสำรองอีกหลายอัน แต่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในที่สุด
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีนี้จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งหมด 216 วัน แต่เกิดเหตุกราดยิงแล้วถึง 251 ครั้ง เผลอๆ อาจจะแซงหน้าปีกลาย ซึ่งเกิดเหตุกราดยิง 323 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 387 คน และบาดเจ็บ 1274 คน โดยครั้งร้ายแรงที่สุดเมื่อปีกลายคือการกราดยิงในเทศกาลดนตรีลาสเวกัส รัฐเนวาดา อันเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในอเมริกา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 58 คน และได้รับบาดเจ็บ 546 คน
คำถามที่ค้างคาในหัวใจอเมริกันชนเวลานี้คือ เราจะอยู่กันอย่างไรท่ามกลางความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติ จนกลายเป็นการไล่ล่าสังหารเช่นนี้ ที่สำคัญ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขัดกับอุดมการณ์แบบอเมรีกันอย่างร้ายแรง เพราะพื้นฐานความเชื่อแบบอเมริกาคือ ความเชื่อเรื่องสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี