แม้ว่าเบื่อที่จะเขียนถึงเรื่องสงครามระหว่างจีนกับอเมริกา เพราะตบจูบๆ กันมาเป็นปีแล้ว แต่ก็ต้องกลับมาเขียนถึงอีกจนได้ เพราะเห็นประเด็นบางอย่างที่สยามเมืองยิ้มจะได้ประโยชน์ท่ามกลางกรงเล็บอินทรีกับมังกร
อาทิตย์นี้สถานการณ์ยังอึมครึมระหว่างสองประเทศ ยังดูอึดอัดขัดข้องหลายด้าน อาทิตย์ก่อนนี่เอง เกิ้ง ฉ่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนพ่นไฟใส่ลุงแซมว่า อเมริกาควรหยุดแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกง เพราะถือเป็นเรื่องกิจการภายในของจีน กองกำลังต่างชาติหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกแซง เพราะนางแนนซี่ เปโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พรรคเดโมแครตแถลงว่า สมาชิกสภาคองเกรสกำลังร่วมมือกันทั้งสองพรรคในการหาทางเดินหน้าร่างกฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยฮ่องกง เพื่อเน้นย้ำของพันธสัญญาขอบสหรัฐฯต่อประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนและหลักนิติรัฐ ยามเผชิญกับการปราบปรามของปักกิ่ง
ความวัวยังไม่ทันหาย ความหว่องก็เข้าแทรก อาตี๋โจชัว หว่องที่เพิ่งเดินสายไปกระทำการหว่องที่เยอรมัน จนพญามังกรเต้นผาง กระพือปีกบินไปแสดงความหว่องต่อที่อเมริกา สถานการณ์ในฮ่องกงตอนนี้เรียกได้ว่าลุกเป็นไฟ หน้าสิ่วหน้าขวานสุดๆ เพราะตีกันระนาวต้อนรับเสาร์อาทิตย์ระหว่างม็อบ “ไม่เอา” จีนหรือพลพรรคโจชัวหว่อง มีร่มเป็นสัญลักษณ์ กับม็อบ “เอาจีน” ที่หนุนข้างจีนแผ่นดินใหญ่ มีธงชาติจีนเป็นยี่ห้อ ทั้งสองกลุ่มตะลุมบอนกันด้วยด้ามธงและด้ามร่มจนหัวร้างข้างแตกตามกัน
แต่ดูเหมือนว่าอาตี๋หว่องจะไม่เท่าทันเฒ่าทรัมป์หรอก ตี๋ยืดอกผอมๆ ประกาศว่าให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่มเงื่อนไขว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนลงในข้อตกลงการค้ากับจีน และขอให้วอชิงตันช่วยสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง อาหว่อง ลื้อก็แค่ตัวเบี้ยหนึ่งในกระดานการเมืองระหว่างประเทศ ลื้อคิดว่าลื้อเป็นเตี่ยอาทรัมป์รึไง
เห็นอาตี๋หว่องเดินสายไปชักศึกเข้าบ้านที่นั่นที่นี่ แล้วอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอาตี๋ธร รายนั้นเดินสายไปอเมริกาบ้างยุโรปบ้าง เพื่อเรียกร้องให้อเมริกาช่วยเสริมสร้างประชาธิปไตยให้ไทย ทำยังกะชั่วโมงสร้างเสริมประสบการณ์ จะเอาสร้างเสริมประสบการณ์แบบไหน ลุงแซมจัดให้ ไม่ว่าจะแบบอิรักหรือซีเรีย ลุงแกส่งมอบให้ได้ทั้งนั้น พร้อมผ้าห่อผียี่ห้อประชาธิปไตย
แต่จะว่าไปแล้วอาตี๋ธรไม่ได้มีราคาเท่าไหร่ แตกต่างจากอาหว่อง เพราะอาหว่องจัดเป็นเบี้ยเด็ดกว่าในกระดานหมากระหว่างพญามังกรกับนกอินทรี จะไม่ใช่เบี้ยหมากตัวหนึ่งได้ไง ตอนอาหว่องไปเดินสายในอเมริกา ก็โผล่หน้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับราเอด อัล ซาเลห์ (Raed Al Saleh) ผู้นำกลุ่มหมวกกันน็อคขาวหรือ ‘White Helmet’ ซึ่งเป็นเบี้ยการเมืองอีกตัวของลุงแซม
ทั้งหมดนี้ทำให้อาหว่องเกิดอาการอัตตาโป่งพอง หลงเชื่อสนิทใจว่าข้านี่ล่ะคนสำคัญระดับโลกที่มีอำนาจสั่งแมวหมาหน้าไหนก็ได้ให้โค้งคำนับ โดยดูจากถ้อยคำให้สัมภาษณ์เอเอฟพีที่ดูวางโตหรูหราหมาเห่า
“อเมริกาต้องเพิ่มเงื่อนไขเรื่องสิทธิมนุษยชนลงในข้อตกลงการค้า และหยิบยกเรื่องการชุมนุมประท้วงของชาวฮ่องกงมาเป็นวาระสำคัญในการเจรจา นี่คือสิ่งสำคัญมาก”
อาทิตย์ก่อนอาหว่องไปเยอรมัน พญามังกรก็พ่นไฟใส่ไปทีหนึ่งแล้ว อาทิตย์นี้อาหว่องมาแสดงความหว่องในบ้านลุงแซม คิดหรือว่าพญามังกรจะไม่เต้นงิ้ว และลุงแซมจะไม่ยิ้มในหน้า ซึ่งก็เป็นไปตามที่ลุงแซมวางหมากไว้นั่นแหละ ก่อนหน้านี้อาตี๋อาหมวยไปยืนออแน่นขนัดหน้าสถานทูตอเมริกา แล้วร้องเพลงชาติอเมริกันเสียงแหลม ขอให้ทรัมป์มาช่วยปลดปล่อยฮ่องกง ขาดก็แต่โขกหัวสามหนพลางเรียก “ท่านพ่อ” เท่านั้น
พญามังกรยืนกรานว่า ไม่ได้ก้าวก่ายฮ่องกง แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า เกาะแห่งนี้เป็นกิจการภายในของตนเอง ไอ้อีชาติไหนอย่าได้แหลมมาจุ้นจ้าน พลางตบท้ายว่า อเมริกานี่ตัวดีเลยในการปลุกปั่นอยู่เบื้องหลัง ควรเอาเวลาไปดูแลเรื่องราววุ่นๆ ในบ้านตัวเองมากกว่านะ
ความสัมพันธ์ระหว่างมังกรและอินทรีดูอีรุงตุงนังหลายด้าน กระนั้นการตบจูบในสงครามการค้าก็ดำเนินต่อไป มีผ่อนบ้างตึงบ้าง ล่าสุดมังกรพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ว่าจะยอมอุดหนุนถั่วเหลืองกับหมูของลุงแซมเหมือนเดิม เพื่อตอบแทนที่ตาลุงผมเป๋เลื่อนการขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าจีน
ท่ามกลางความตึงเครียดตบจูบระหว่างสองชาติมหาอำนาจ ส้มก็หล่นปุลงมาในเวียตนามกับไทย เพราะบริษัททั้งหลายตัดสินใจโยกย้ายฐานการผลิตออกจากจีน เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการรีดภาษี แรกเลยมีการโยกย้ายฐานการผลิตจากจีนไปเวียตนาม แต่เจอตอคือ ตลาดแรงงานของเวียดนามกำลังตึงตัว และมีแนวโน้มว่าอเมริกาขาดดุลกับเวียตนาม เพราะอเมริกาขาดดุลการค้าต่อเวียดนามเพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
เลยต้องหาที่ร่อนลงแห่งใหม่ และหวยมาออกที่บ้านเรานี่แหละ อย่างน้อยบริษัทแบรนด์เนมสามแห่งก็มุ่งหน้าหอบผ้าหอบผ่อนย้ายมาไทย แต่ที่แน่ๆ คือก่อนหน้านี้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างฮาร์เลย์ เดวิดสัน ก็ได้เริ่มย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ประเทศไทยแล้วในปี 2017 คาดว่าคงมีอีกหลายบริษัทจะจะย้ายมาตั้งหลักแหล่งใหม่ในบ้านเราเพราะผลพวงของสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีน
ใช่ว่าเราได้ผลประโยชน์ทั้งหมด เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกราญ เราเองก็โดนผลกระทบในสงครามหนนี้ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกระทบด้านการส่งออก แต่ได้รับผลกระทบทางอ้อม หากสงครามการค้าระหว่างสองยักษ์ใหญ่ยังดำเนินต่อไป เราอาจได้เห็นส้มหล่นในไทยอีกหลายผล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี