วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดสำหรับปกครองประเทศมาแล้วหลายฉบับ
รัฐธรรมนูญมาตรา 1 เขียนไว้ว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้
ทุกฉบับก็เขียนเอาไว้อย่างนี้ มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็หลายครั้ง ฉีกทิ้งก็หลายหน แต่เมื่อมีการร่าง หรือเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ก็จะตราเอาไว้ว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ทุกครั้งไป
ดังนั้นการพูดว่า รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ แม้กระทั่งมาตรา 1 นั่นเป็นเพียงการพูดเอาสนุกปาก สักแต่ว่า มีปากก็พูดกันไป ไม่สนใจในสาระและความเป็นจริงหรือไม่ คนพูดสำลักคำว่า ประชาธิปไตย หรือ คำพูดอันสวยหรูที่ว่า ประชาชนเป็นใหญ่ จะเปลี่ยนแปลงอันใดก็ได้
แต่ในความเป็นจริงคนละเรื่อง
ตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 ประชาชนไม่เคยเป็นใหญ่ ไม่เคยมีอำนาจในการปกครองหรือสัมผัสกับประชาธิปไตยจริงๆเลย อำนาจของประชาชนมีไม่กี่นาทีชั่วเวลาที่เข้าคูหา กาบัตรเลือกตั้ง บางทีก็กาเพราะเงินซื้ออย่างที่เรารู้กันว่า ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ ส.ส. ปลาทูเค็ม พ่อบุญทุ่ม แม่บุญแจก หนักเข้าก็ที่เกิดโรคร้อยเอ็ด จากนั้นก็ไม่ได้ซื้อกันร้อยสองร้อย ว่ากันเป็นห้าร้อย เป็นพัน จนเกิดเป็น ธุรกิจเลือกตั้ง
ถามว่าตั้งแต่ 2475 เราไม่ได้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดีๆ ให้ประชาชนชื่นอกชื่นใจเลยหรือ ?
ก็มีให้เห็นถมไป ทั้งที่เป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว และที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นต้นนายเตียง ศิริขันธ์ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายจำลอง ดาวเรือง นายแคล้ว นรปติ นายประมวล กุลมาตร์ นายใหญ่ ศวิตชาติ นายพึ่ง ศรีจันทร์ ฯลฯ
หรือที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอุทัย พิมพ์ใจชน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ล้วนเป็นนักการเมืองคุณภาพ
แต่ท่านเหล่านี้ทำได้ก็แต่เพียงเป็นสีสันของสภา เป็นนักการเมืองที่แวดล้อมด้วยนักการเมืองที่ส่วนหนึ่งซื้อเสียงเข้ามา หรือประเภท เจ้าพ่อ เจ้าแม่ในท้องถิ่น ในจังหวัด นายทุน ผู้รับเหมา
ท่านเหล่านี้จึงทำได้แต่เพียงประคับประคองประเทศไปพร้อมๆกับองคาพยพอื่นๆในสังคมให้เดินต่อไป ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางจนเกินเหตุเท่านั้นเอง
สภาผู้แทนราษฎรเคยแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ไหม ?
ก็เคยแก้ไข เป็นการก้ไขเพื่อประโยชน์ในการบริหารประเทศของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ขณะนั้นให้บริหารบ้านเมืองไปได้อย่างเรียบร้อย เช่นเดียวกับการผ่านกฎหมายฉบับต่างๆ
พูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองฝ่ายที่กุมอำนาจอยู่ขณะนั้น เช่นเดียวกับการผ่านกฎหมายฉบับต่างๆซึ่งเป็นเครื่องมือในการบริหารของฝ่ายที่กุมอำนาจรัฐ
มีกฎหมายที่ออกมาเพื่อประโยชน์ของประชาชนน้อยมาก ดังเช่น การกำหนดถือครองที่ดิน เคยมีเสียงเรียกร้องให้เกษตรกรถือครองที่ดินได้เท่านั้นเท่านี้ ในที่สุดก็แก้ไขให้ ใครก็ได้จะเป็นเกษตร หรือไม่ก็ตาม ถือครองที่ดินได้ไม่จำกัด นายทุนบางคนจึงถือครองที่ดินมีอาณาบริเวณรวมแล้วเป็นพันเป็นหมื่นไร่ ขณะที่เกษตรจำนวนเป็นหมื่นๆรายไม่มีที่ทำกิน
แต่สาระใหญ่ๆสำคัญๆอย่าง ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ นั่นไม่เคยมี และไม่มีใครคิดจะทำ
อย่าว่าแต่ในความเป็นจริงคือทำไม่ได้
ที่มีความพยายามทั้งฝ่ายพรรครัฐบาลบ้างบางพรรค พรรคฝ่ายค้านทั้งหมด ขณะนี้ในการที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่บอกว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่มีประเด็นใดเลยที่บอกว่าจะแก้ไข รัฐธรรมนูญไม่ดีตรงไหนบ้าง ตราไว้ว่าอย่างไรและจะแก้ไขอย่างไร
เราจะได้ยินแต่เพียงว่า ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจะดีขึ้น
แต่คนที่บอกนั้น ไม่เคยเสนอเนื้อหาเลยว่า จะตัดเนื้อหามาตราใดออก และจะแก้อย่างไร จะทำให้เศรษฐกิจหรือชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้อย่างไร ?
พูดเป็นอยู่อย่างเดียวคือ แก้รัฐธรรมนูญ
จนประชาชนส่วนหนึ่งเข้าใจว่า. รัฐธรรมนูญเป็นยาวิเศษแก้ปัญหาของประเทศได้สารพัด
แท้จริงแล้วรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือให้พวกเขาเข้าสู่อำนาจ ได้สะดวกกว่า ง่ายกว่าเท่านั้นเอง
พวกเขาต่างอาศัยรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าสู่อำนาจ
และไม่ว่าอำนาจจะเป็นของฝ่ายไหน ประชาชนก็เหมือนเดิม
ส่วนพวกเขา พร้อมจะสลับข้าง สลับขั้ว สลับพรรค กันทั้งนั้นเพื่อเข้าสู่อำนาจ
ลองมองหน้าพวกเขาชัดๆซีครับ
สำเริง คำพะอุ

'เพื่อไทย'เปิดตัวผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ล็อตใหม่เพิ่ม 11 คน เผย 'นนทบุรี' ครบทุกเขต
‘จุลพันธ์’ยันลูกชูวิทย์ กุ่ย ยังอยู่เพื่อไทย อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯยังไม่เคาะ
'กัน จอมพลัง'กลับมาแล้ว! เตรียมฟ้องคนดัง10ราย ชาวเน็ตก็ไม่รอด
‘โฆษกรัฐบาล’ย้ำทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ ปรามสื่อมาเลย์ให้ระวังการสื่อสารให้มากขึ้น
โชเฟอร์ปวดท้องจอดรถเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันเสร็จภารกิจ โดน6ล้อเสยท้าย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี