จริงๆแล้ว ช่วงนี้อเมริกาเป็นช่วงชื่นมื่นกันทั้งประเทศ เพราะเทศกาลที่ใครๆ เฝ้ารอมาจ่ออยู่หน้าประตูบ้าน นั่นคือเทศกาลคริสต์มาส ถือเป็นช่วงเงินไหลมาเทมาตั้งแต่แบล็คฟรายเดย์สำหรับร้านค้าทั่วประเทศ รวมถึงการค้าออนไลน์ ซึ่งยอดเพิ่มขึ้นทุกปี คนที่มีกำลังจับจ่ายใช้สอยต่างมองหาของขวัญมามอบให้เพื่อนฝูงและสมาชิกในครอบครัวตามธรรมเนียม
แต่ในช่วงเทศกาลงานรื่นเริงบันเทิงสุขอย่างนี้แหละ ที่บังเอิญเหลือบไปเห็นอะไรแปลกๆ ในฮ่องกงเลยย่องตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอาตี๋อาหมวยยุวชนชังชาติจีนถึงไชโยโห่ฮิ้วร้องเพลงชาติอเมริกาพร้อมฉลองวันขอบคุณพระเจ้า จะว่าไปก็ดูแปลกๆ อยู่ เหมือนพวกนี้สอบตกวิชาประวัติศาสตร์โลก เพราะไอ้การฉลองวันขอบคุณพระเจ้าเนี่ยมีแค่ในอเมริกาเท่านั้น ไม่ได้แห่แหนเฉลิมฉลองไปทั่วโลก
เนื่องจากเป็นการฉลองหลังจากที่ชาวอาณานิคมจากอังกฤษยุคที่ยังไม่มีประเทศอเมริกา เข้ามาลงหลักปักฐานในแผ่นดินใหม่แล้วล้มตายเป็นจำนวนมากเพราะอากาศหนาวและขาดอาหาร พอรอดตายจากฤดูหนาวอันยาวนานมาและจากการช่วยเหลือของอินเดียนแดงเลยจัดงานเลี้ยงขึ้น ซึ่งปรากฎภาพวาดเชิงโฆษณาชวนเชื่อว่าคนขาวจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญอินเดียนแดงมาร่วม อ้าว..แน่นอนว่าคนผิวขาวต้องเป็นพระเอกตลอดสินะ ทั้งที่ความจริงในประวัติศาสตร์นั่นคนละเรื่องเลย
ในช่วงวันเทศกาลขอบคุณพระเจ้านี่แหละ มีเรื่องชวนปากอ้าตาค้างหลายเรื่อง เรื่องแรกที่ทำเอาชาวโลกครางฮือคือ พี่มาร์โค รูบิโอ (Marco Rubio) วุฒิสมาชิกชื่อดังจากรัฐฟลอริดาและผู้สนับสนุนม็อบฮ่องกงอกอมาแอ่นอกคำรามใส่มังกรจีนลั่นโลกว่า จากนี้ไปขอให้จีนอย่ายุ่งกับอเมริกาในการดำเนินการกับฮ่องกงเสียที เพราะถือเป็น ‘กิจการภายใน’ ของอเมริกา เฮ้ย..แบบนี้ก็ได้เหรอ พี่วางถุงกาวลงก่อนได้นะ ก็เห็นๆ อยู่ว่าลุงแซมเข้าไปเผือกกิจการของจีนแผ่นดินใหญ่นะเว้ยเฮ้ย กิจการของฮ่องกงคือกิจการของจีนแต๊ๆ พี่นี่ช่างกล้า
รูบิโอคือตัวตั้งตัวตีในการชงกฎหมายประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง ในรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อให้สหรัฐอเมริกาดำเนินการคว่ำบาตรฮ่องกง ทั้งในระดับเจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่ต่อต้านม็อบ ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ (pro-democracy) ในฮ่องกง
กฎหมายดังกล่าวผ่านทั้งสองสภาด้วยคะแนนท่วมท้นจากทั้งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งตาลุงผมเป๋ได้จรดปากกาลงนามมีผลบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนฮ่องกงแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน กำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องส่งรายงานรับรองอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งว่าฮ่องกงคงยังคงมีสถานะการปกครองตนเองอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และควรได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหรัฐฯ เพื่อคงความเป็นศูนย์กลางการเงินโลกต่อไป แถมมีบทลงโทษสำหรับบุคคลที่พัวพันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง เล่นเอามังกรจีนเต้นผางๆ โดยไม่ต้องตีล่อโก๊ะแต่อย่างใด เพราะลุงแซมเข้าไปเผือกแบบจงใจกวนตีนอาเฮียแกอย่างชัดเจน
อย่าคิดว่าอาเฮียสีจะยิ้มเย็นๆ แล้วเจี๊ยะเต้กลางลมหนาว ทางจีนนั้นเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันทีด้วยการสั่งห้ามเรือรบและเครื่องบินรบของสหรัฐฯ ที่จะมาขอเทียบท่าที่ฮ่องกง นอกจากนี้ยังประกาศคว่ำบาตรกลุ่ม NGO ภายใต้อาณัติของสหรัฐฯ
หลายคนคงอยากรู้ว่าไอ้กลุ่มเอ็นจีโอที่ถูกกาหัวต้องห้ามเนี่ย มันกลุ่มอะไรบ้างล่ะ คอการเมืองคงเดาได้ไม่ยาก กลุ่มที่ว่านี้คือ Human Rights Watch, Freedom House และ National Endowment for Democracy (NED) รวมถึงองค์กรย่อยของ NED ในปีกของทั้งสองพรรคการเมืองคือ National Democratic Institute for International Affairs ของพรรคเดโมแครต และ International Republican Institute ของพรรครีพลับลิกัน พวกนี้ซุกใต้จั๊กกะแร้ลุงแซมทั้งน้านแหละจ้า
จากนั้นมังกรจีนก็จัดหนักต่อด้วยการประกาศกร้าวว่า จะจำกัดการเข้าประเทศของนักการเมืองสหรัฐบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่แทรกแซงกิจการในฮ่องกง เจาะจงไปที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายมาร์โค รูบิโอ วุฒิสมาชิกของสหรัฐ ซึ่งออกมาสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง โห้..เรียกได้ว่าซัดกันหมัดต่อหมัดรัวๆ แบบไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียวงานนี้
ระหว่างที่ตอบโต้จนฝุ่นตลบ ลุงแซมก็กระโดดตีปีกขึ้นทุบถองมังกรจีนด้วยการท้าทายหรือพูดง่ายๆ ว่า กวนตีนพี่จีนอีกรอบ โดยการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ยกระดับการแสดงจุดยืนของวอชิงตันต่อจีน เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ และเรียกร้องทรัมป์ ใช้มาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่อาวุโสจีน เออ ดีนะ คว่ำบาตรกันไปมา เรามาดูรายละเอียดกันว่าอะไรเป็นอะไร
ชาวอุยกูร์คือชนกลุ่มน้อยของจีนที่นับถือศาสนาอิสลาม คนกลุ่มนี้อยู่ในมณฑลซินเจียงของจีน กฎหมายอุยกูร์ปี 2019 (Uighur Act) คือการที่อเมริกาประณามจีนว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่จีนกวาดล้างในแคว้นซินเจียงทางตะวันตก จับชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์และชาวมุสลิมกลุ่มอื่นๆ มากถึง 1 ล้านคนมาขังในค่ายปรับทัศนคติ ซึ่งหากวันไหนทรัมป์ลงนาม ถือเป็นการกวนตีนกวนจีนดอกที่สอง เพราะมังกรจีนนั้นขู่ฟ่อๆ อย่างโกรธจัดว่าจะตอบโต้วอชิงตัน ตอนทรัมป์ลงนามกฎหมายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสนับสนุนผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
ความวัวไม่ทันหายความควายก็แทรก ระหว่างที่กำลังทุบถองกันพัลวัน พี่ทรัมป์ก็เปรี้ยวตีนออกมาพูดเปรยๆ ใส่แบงค์โลกว่า ไปให้จีนกู้เงินทำไม พวกนี้รวยจะตายอยู่แล้ว
“ทำไมธนาคารโลกถึงให้เงินกู้กับจีน เป็นไปได้ยังไง จีนมีเงินเหลือเฟือ หากพวกเขาไม่มี เดี๋ยวพวกเขาก็พิมพ์ขึ้นเอง หยุดเลย”
คือลุงนี่นอกจากจะเปรี้ยวปากแล้วยังเปรี้ยวตีนใช้ได้ แทนที่จะสงบปากสงบคำแล้วหันหน้าไปคุยกันดีๆ กับเฮียสี แต่ไม่ยักทำ กลับราดน้ำมันเข้าไปในกองไฟหนแล้วหนเล่า แรกๆ ชาวโลกก็จับตาดูมวยคู่เอกอย่างตื่นเต้น แต่มาตอนนี้ต่างเบื่อหน่ายกันทั่วหน้า แถมทุกประเทศได้รับผลกระทบกันทั้งสิ้น ได้แต่ภาวนาให้ไอ้สองประเทศนี้หยุดตบตีกันเสียที แต่ดูเหมือนว่าจะลากยาวไปถึงปีหน้าอย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี