วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

จะว่าไปช่วงนี้อเมริกาเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเต็มรูปแบบ ทุกคนต่างช้อปปิ้งกันจ้าละหวั่น บางคนประดับประดาบ้านเรือนด้วยไฟสีเขียวแดง หรือมีรูปปั้นแสดงประสูติกาลของพระเยซูหน้าบ้าน ช่วงนี้แหละที่ทำให้รู้ว่าบ้านไหนเป็นคริสต์หรือเป็นยิวจากการประดับไฟ ชาวยิวในอเมริกาที่ไม่เคร่งแบบออโธด็อกซ์ยิว จะประดับไฟสีน้ำเงินและสีเงินหน้าบ้าน เป็นการเฉลิมฉลองฮานุกก้า บางบ้านก็ประดับไฟที่หน้าต่างเป็นรูปเชิงเทียนมโนร่า
ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างเฝ้ารอของขวัญกันอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนตาลุงผมเป๋นั้นได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากสภาคองเกรสก่อนหน้าวันคริสต์มาสไม่กี่วัน นั่นคือ สภาคองเกรสลงมติถอดถอนหรืออิมพีชเมนต์ลุงทรัมป์ ฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ผ่านการรับรองจากสภาล่างด้วยคะแนน 230-197 เสียง ขณะที่ข้อกล่าวหาขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรสได้รับคะแนนโหวต 229-198 เสียง ลุงแกเลยกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่สาม ที่ถูกถอดถอนในประวัติศาสตร์อเมริกา
ในประวัติศาสตร์อเมริกา มีประธานาธิบดีถูกอิมพีชเมนต์มาแล้ว 2 คน คือ แอนดรูว์ จอห์นสัน กับบิล คลินตัน ส่วนตาลุงผมเป๋ โดนัลด์ ทรัมป์ ตามมาเป็นคนที่สาม แต่คงถีบแกออกได้ยาก เนื่องจากต้องผ่านสภาสูงซึ่งเต็มไปด้วยพลพรรครีพับลิกัน แต่จะว่าไปแล้วก็ถือเป็นจุดอัปยศของลุงกว่าได้ หากว่าแกรู้จักอับอาย เพราะไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดในประวัติศาสตร์ถูกรัฐสภาถอดถอนออกจากตำแหน่งมาก่อน สองคนแรกนั่นขะเล่าให้ฟังอาทิตย์หน้านะคะ หากไม่ลืม
มาว่ากันเรื่องการถอดถอนอิมพีชเมนต์ก่อน กระบวนการดังกล่าวจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุน 2 ใน 3 จากสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 100 คน และหากว่ากันตามสัดส่วน ส.ว. ของทั้ง 2 พรรคในขณะนี้หมายความว่าจะต้องมีคนของรีพับลิกันอย่างน้อย 20 คนหันไปร่วมมือกับเดโมแครตเพื่อปลดทรัมป์ จึงบอกแล้วว่าอย่างไรเสีย พวกรีพับลิกัน ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นดวยกันทรัมป์ แต่ก็คงยื้อลุงแกไว้สุดชีวิต
พักเรื่องตาลุงผมเป๋ไว้ก่อน พอดีมีประเด็นร้อนให้เขียนถึง อาทิตย์ก่อนมีสส.พรรคอนาคตใหม่ นำบรรดาชาวสีรุ้งยื่นหนังสือต่อ สส.มุกดา พงษ์สมบัติ สส.พรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยเรื่องคุ้มครองการแต่งงาน พูดง่ายๆ คือต้องการให้รับรองสิทธิการแต่งงานของคนเพศเดียวกันนั่นแหละ จะว่าไปก็ยื่นได้ตามสิทธิที่พึงมี
แต่เรื่องที่ทำให้ปากอ้าตาค้างกันทั้งพระนครและต่างจังหวัด คือระหว่างการแถลงข่าว สส.ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.ข้ามเพศให้สัญญาณ 5-4-3-2-1 แอ็คชั่น พลันละอ่อนหนุ่มทั้งสองคนก็ปราดเข้าแลกลิ้นกันนัวดูดดื่มยาวนานกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ทั้งสัปดาห์
พอมีเสียงด่าทอโห่ฮาในโลกโซเชียล สส.ข้ามเพศก็ออกมาบอกปัด โทษว่าเด็กจูบกันเอง เล่นเอาบรรดาขาเผือกไทยมุงยิ่งไม่พอใจในคำตอบแบบปัดสวะให้พ้นตัว แถมโทษเด็ก เพราะในคลิปข่าวเห็นอยู่โทนโท่ว่า สส.ข้ามเพศรายนั้นเป็นคนให้จังหวะ แถมยังยืนตบมือ (อยู่คนเดียว) ตอนสองหนุ่มแลกลิ้นพัลวันในสภา
ทีนี้มีประเด็นมาเกี่ยวพันกับอเมริกาอยู่ประเด็นหนึ่ง หลังจากโดนถล่มเละเทะ ทั้งสส.และสองหนุ่มที่จูบกันในสภา หนุ่มนักจูบที่เป็นข่าวออกมาเขียนตอบโต้ว่า ไมเห็นจะแปลกอะไรเลย ในเมื่อนายกเทศมนตรีเมืองเซาธ์เบน รัฐอินเดียน่าที่เป็นเกย์ยังจุบกับคู่รักที่เป็นชายในการแถลงข่าวเลยนี่ แถมตอนนี้นายกเทศมนตรีคนนั้นกำลังจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาเสียด้วย
อ้าว..แถแบบนี้ก็เข้าทางดิฉันพอดี เนื่องจากนายกเทศมนตรีคนดังกล่าวเนี่ยอยู่เมืองเดียวกับดิฉัน พีท บุตดิจัตต์ ขออนุญาตเขียนทับคำภาษาอังกฤษ เพราะนักข่าวหลายสำนักเรียกไม่ถูก เพราะนามสกุลพีทเป็นภาษามอลต้า เนื่องจากพ่อเป็นคนมอลต้า แล้วอพยพมาอยู่อเมริกา พีทหรือเมเยอร์พีทเป็นเกย์ และแต่งงานกับครูมัธยมชายอย่างถูกต้องตามกฎหมายอเมริกา ที่รับรองการแต่งงานของเพศเดียวกันเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง
หนุ่มไทยอ้างว่าเมเยอร์พีทจูบคู่เกย์ของตัวเองในสภาแห่งอเมริกา ดิฉันขอบอกดังๆ เลยว่า แค่อ้างก็ผิดแล้ว กรณีที่เกิดขึ้นในรัฐสภาไทยกับกรณีเมเยอรฺ์พีทเป็นคนละประเด็นกัน ในการแถลงข่าวครั้งนั้นของเมเยอร์พีทไม่ได้จัดในสถานที่ราชการแต่อย่างใด หากแต่เป็นการจัดในตึกร้าง
วันที่แถลงข่าวคือ เมเยอร์พีทตัดสินใจจะลงสนามสมัครเป็นประธานาธิบดีอเมริกาในนามพรรคเดโมแครต และการที่เมเยอร์พีทเลือกแถลงข่าวที่ตึกร้างแห่งนั้นเพราะเป็นโรงงานเก่าของโรงงานผลิตรถยนต์สตูเดิลเบกเกอร์ ซึ่งแต่ก่อนเปรียบเสมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชาวเมืองนี้
เมืองนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรมรถยนต์ เช่นเดียวกับดีทรอยต์ อุตสาหกรรมหลักคือการทำงานในโรงงานผลิตรถยนต์ยี่ห้อสตูเดิลเบกเกอร์ หรือไม่ก็ทำงานในโรงงานของนายโอลิเวอร์ ครอบครัวโอลิเวอร์และสตูเดิลเบกเกอร์มั่งคั่งจนสร้างคฤหาสน์กลางเมือง แต่น่าเสียดายที่โรงงานผลิตรถยนต์แห่งนี้ต้องปิดกิจการลงใน ปี ค.ศ.1964
แม้ว่าโรงงานและอาคารออฟฟิศของครอบครัวสตูเดิลเบกเกอร์จะปิดร้างมานานกว่า 50 ปี แต่ชาวเมืองยังถือว่าโรงงานแห่งนี้คือสัญลักษณ์สำคัญของเมือง คฤหาสน์ของสองครอบครัวเปลี่ยนเป็นพิพิภัณฑ์ ด้วยเหตุนี้เมเยอร์พีทจึงเลือกโรงงานร้างเป็นสถานที่จัดแถลงข่าว ทุกคนที่เกิดในเมืองนี้ล้วนมีความทรงจำเกี่ยวกับโรงงานนี้ทั้งสิ้น เพราะไม่พ่อก็ปู่ต่างเคยทำงานที่นี่นั่นแหละ หลังการแถลงข่าวในวันนั้น อาคารนี้ก็ถูกปิดตายเหมือนเดิม
ดังนั้นเมเยอร์พีทไม่ได้จูบคู่สมรสในสภาตามที่กล่าวอ้าง อีกประการหนึ่งคือ การจูบกันระหว่างพีทกับคู่สมรสเป็นแค่การแตะแก้มแล้วโอบกอด ไม่ได้ยืนดูดปากแลกลิ้นอย่างถึงพริกถึงขิงแบบที่เด็กหนุ่มทั้งคู่ทำในสภา
หลังจากเมเยอร์พีทจูบคู่สมรสในตึกร้างแถลงข่าว ก็ต้องแบกรับกระแสเสียงด้านลบเช่นกัน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับพีทเต็มร้อย ใช่ว่าอเมริกันจะใจกว้างเรื่องกลุ่มรักร่วมเพศทุกคน การที่หนุ่มนักจูบอ้างเมเยอร์พีทจึงไม่ถูกต้อง
ชายรักชาย..หญิงรักหญิง ไม่ใช่เรื่องแปลกในความคิดดิฉัน แต่ต้องเลือกแสดงออกให้เหมาะสมกับกาลเทศะและสถานที่ด้วย ที่สำคัญ อย่ามาอ้างฝรั่งถ้ายังไม่รู้จริง

'ชนนพัฒฐ์'พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ประกาศวางมือทางการเมือง ถ้าผิดจริง
ตะลึง! สิงคโปร์ยึด'นอแรด'คาสนามบินชางงี ลอบขนจากแอฟริกาจ่อส่งลาว
นักวิเคราะห์จีนยก'พระราชินีสุทิดา' เป็นต้นแบบผู้หญิงยุคใหม่
ศึกบัตรทองเดือด!!! 'หมอเหรียญทอง'ปลุกต้าน NGO
สะเทือน'เต้น'!!! 'ครูวีระ' ย้ำชัด ผลงานล้นฟ้าก็ไม่ยกเว้นโทษ หากทำผิดกฎหมาย ชี้คดีภาษี'ทักษิณ'คือบทเรียน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี