วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
.jpg)
ขอหยิบยืมชื่อนวนิยายของนักเขียนรางวัลโนเบลชื่อกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ในชื่อเดิมภาคภาษาไทยว่า “เสน่หาเมื่อห่าลง” มาดัดแปลงเป็นชื่อหัวข้อคอลัมน์วันนี้ ปล.ขอโฆษณานิดหนึ่งว่าเรื่องนี้ได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว ออกแนวตลกร้ายตามแบบงานเขียนละตินอเมริกา
นาทีนี้อเมริกาอ่วมทั้งประเทศ ยอดล่าสุดเมื่อตอนเที่ยงวันอาทิตย์ตามเวลาในอเมริกาคือ ยอดป่วยสะสมอยู่ที่ 322,995 ราย ตาย 9,149 ราย รอด 16,579 ราย แต่ที่สาหัสที่สุดคือรัฐนิวยอร์ก
รัฐที่มียอดป่วยและตายสูงคือรัฐนิวยอร์กล่อไป 122,031รายตายไป4,159 ราย (ยอดเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน) เห็นยอดคนป่วยคนตายแล้ว น่ากลัวเหลือเกินอันดับสอง รัฐนิวเจอร์ซี่ ซึ่งเป็นรัฐพี่น้องกับนิวยอร์ก เพราะคนรัฐนี้ไปทำงานในแมนฮัตตันกันเยอะมาก อันดับสามรัฐมิชิแกน ซึ่งไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมถึงติดเชื้อขนาดหนักแบบนี้ ทั้งที่พรมแดนแทบไม่ติดรัฐไหนเลย เพราะอยู่ทางตอนเหนือโอบล้อมด้วยทะเลสาบมิชิแกน อันดับสี่แคลิฟอร์เนียอันดับห้าน่าสนใจมาก เพราะทะลุทะลวงแซงทุกรัฐติดโผ นั่นคือรัฐหลุยส์เซียน่าเหตุที่แพร่ระบาดกันจนพุ่งลิ่วคืองานมาร์ดิกราส์ อันถือเป็นสุดยอดงานใหญ่ของประเทศสนุกสุดเหวี่ยงเขวี้ยงลูกปัดใส่กันเบียดเสียดเต้นรำร้องตะโกน จนกลายมาเป็นอันดับห้าวันนี้
รัฐนิวยอร์กมียอดคนป่วยคนตายสูงมากจนไม่สามารถจัดการกับศพได้ ต้องเอารถขนตู้เย็นยาวๆ ใหญ่ๆ ติดแอร์มาบรรจุศพแทน แต่ละโรงพยาบาลในนิวยอร์กจะมีรถอย่างที่บ้านเราเรียกว่ารถคอนวอยยาวๆ เรียงรายเต็มโรงพยาบาล ข้างในมีศพที่ห่อพลาสติกห่อผ้าขาววางเรียงกันเป็นทิวน่าสยดสยอง เพนตากอนต้องเตรียมถุงใส่ศพให้ได้จำนวนแสนถุงเพื่อรองรับคนตายจากโควิด 19 แค่คิดก็น้ำตาจะไหล ในจำนวนนี้มีคนไทยในอเมริกาเสียชีวิตไปแล้ว 3 คน สองคนแรกทำงานในร้านอาหาร คนที่สามเป็นถึงระดับรองบรรณาธิการสำนักข่าวเอพี ขอให้ดวงวิญญาณทั้งสามท่านสู่สคติ
เรือโรงพยาบาลเคลื่อนที่ USNS เมอร์ซี เข้าประจำการที่นิวยอร์ก ซึ่งเรือลำนี้จะรับเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่ได้ติดโควิด เพื่อแยกออกจากโรงพยาบาลในเมือง ใครที่เคยไปนิวยอร์กคงจำได้ว่าสวนเซ็นทรัลพาร์กนั้นงดงามเพียงไรในฤดูร้อน แต่ตอนนี้กลายเป็นสนามรบไปเสียแล้ว เพราะมีการตั้งเตียงสนามเพื่อรองรับคนป่วยในนิวยอร์ก
ท่ามกลางศพเรียงรายมากมายจนล้นทุกรัฐ มีทารกวัยเพียงแค่ 6 อาทิตย์เสียชีวิตในอเมริกา นับเป็นผู้เสียชีวิตเพราะโควิดที่อายุน้อยที่สุดในโลก การระบาดในอเมริกานั้นน่ากลัวมาก เพราะบางวันติดเชื้อเพิ่มถึงสามหมื่นคน และตายราวใบไม้ร่วง บางวันตายมากกว่าพันคน
ทำเนียบขาวออกมาคาดการณ์สถานการณ์โควิดในอเมริกาว่าอาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดอยู่ระหว่าง 100,000 ราย-240,000 ราย แม้จะมีการล็อคดาวน์แทบทุกรัฐ แต่ดูเหมือนอเมริกันก็ยังไม่ตระหนักสำนึกอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องดูอื่นดูไกล ไปรษณีย์แถวบ้านคนเขียนในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่รัฐอินเดียน่า ไม่ใส่หน้ากากอนามัยและถุงมือ มีการไอใส่กองจดหมายเพราะความประมาท เล่นเอาคนเขียนอึ้ง เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงาน ก็มีคำตอบว่า ทางหน่วยงานไม่มีนโยบายแจกหน้ากากอนามัยและถุงมือให้ไปรษณีย์
แม้จะล็อคดาวน์เมืองและรัฐ แต่ชาวบ้านชาวช่องในอเมริกาก็ยังขับรถไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกันอย่างสนุกสนาน แถมพาลูกหลานไปเดินเล่นในนั้นด้วย สุดท้ายหลายห้างออกประกาศว่าห้างไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของลูกหลานและไม่ใช่ที่มาเวเคชั่นของครอบครัวบางห้างจำกัดอายุว่าต่ำกว่า 16 ห้ามเข้าวอลมาร์ทเริ่มจำกัดจำนวนลูกค้าเพราะแออัดมากเกินไป อเมริกันจูงลูกหลานเดินกันโครมๆเนื่องจากเดอะมอลล์ปิดเลยมาเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตแทน
ไม่เพียงแต่ห่าจะลงประเทศทุกหย่อมหญ้าทุกรัฐทุกพื้นที่ โรคระบาดยังจัดหนักไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ซึ่งจอดอยู่ที่เกาะกวมด้วย พบลูกเรือติดเชื้อไวรัสแล้วทั้งสิ้น 93 นาย จากทั้งหมด 4,800 นาย
เบร็ตต์ โครเซียร์ ผู้บังคับการเรือส่งจดหมายแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาว่าเรือ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ กำลังมีการแพร่กระจายของไวรัสอย่างควบคุมไม่ได้และขอให้เพนตากอนมีคำสั่งอย่างเด็ดขาดลงมาเพื่อช่วยลูกเรือให้ได้รับการกักกันโรค
ท่ามกลางภาวะห่าลงอเมริกาแบบนี้ ตอนแรกอเมริกันผู้ถูกปลูกฝังสั่งสอนมาว่า หากไม่ป่วย ไม่ต้องใส่หน้ากาก ที่เคยทำหน้าเยาะเย้ยดูถูกคนเอเซียที่ใส่หน้ากากอนามัยกันครึ่งโลกว่าตื่นกลัวเกินเหตุ ตอนนี้หันมาหาหน้ากากอนามัยกันจ้าละหวั่น เพราะศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) กำลังเตรียมออกคำแนะนำใหม่เกี่ยวกับการสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตัวเองจากโควิด 19 มาถึงตอนนี้จะวิ่งหาหน้ากากอนามัยคงไม่ทันแล้ว ขาดตลาดตั้งแต่เดือนมกราคมโน่นแหละ ตั้งแต่ช่วงระบาดในอู่ฮั่น เพราะคนจีนขนซื้อส่งกลับจีนหมด
ส่วนตาลุงผมเป๋ออกมาพูดเท่ๆ แต่น่าถีบว่า แนะนำให้ชาวอเมริกาใส่หน้ากากผ้านะจ๊ะ แต่ตัวเองนั้นขอไม่ใส่ดีกว่า คือลุงคิดว่าการใส่หน้ากากจะทำให้หล่อน้อยลงสินะ คิดสิคิด..คิดถึงสาวกผู้สนับสนุนลุงบ้าง พวกนี้พร้อมจะเดินเชื่องๆ ตามผู้นำอย่างลุง ทำตัวให้เป็นแบบอย่างเสียบ้างเถอะ
พอถึงจุดนี้ ชาวโลกเลยมีคำถามว่า ทำไมประเทศที่เป็นที่หนึ่งเรื่องการคัดกรองโรคอย่างอเมริกา ถึงกลายเป็นแดนวิกฤติจนตายกันเป็นเบือ คำตอบคือ ความประมาทและความไม่นำพาของรัฐบาลกลาง ในช่วงแรกที่พบคนป่วยเพียงแค่ 11 คนในอเมริกา หน่วยงานด้านสาธารณสุขเตือนรัฐบาลว่าให้เตรียมตัวรับมือกับโควิด 19 ดีๆ เพราะดูท่าแล้วอเมริกาคงไม่รอดพ้นจากโรคนี้ แม้ตอนนี้จะมีแค่ 11 คนที่ติดเชื้อก็ตาม จึงควรตรวจหาคนป่วยในวงกว้าง จึงขอให้รัฐบาลผลิต “ชุดตรวจ” และ “น้ำยาตรวจ” ให้มากที่สุด อีกทั้งต้องตรวจหาผู้ติดเชื้อ และแยกผู้ติดเชื้อออกจากคนทั่วไป
แต่รัฐบาลไม่รู้ไม่ดูไม่แคร์ แถมทำตรงข้ามกับหน่วยงานสาธารณสุขเสนอแนะ ด้วยการออกกฎ “จำกัดวง” ให้มีการตรวจเชื้อน้อยสุด เน้นเฉพาะผู้ที่มีประวัติการเดินทางจากอู่ฮั่นและผู้สัมผัสใกล้ชิดเท่านั้นที่สามารถตรวจเชื้อได้ เลยไม่ได้มีการผลิตชุดตรวจเพิ่มตามข้อเสนอของหน่วยงานสาธารณสุข
ตอนแรก ตาลุงผมเป๋ออกมายิ้มแก้มปริอวดจำนวนคนติดเชื้อว่ามีแค่ 11 คนเองในอเมริกา แต่แท้จริงแล้วนั่นคือยอดภูเขาน้ำแข็ง ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา อเมริกันติดเชื้อไวรัสกันทั่วหน้าโดยไม่รู้ตัว เพราะไม่มีใครไปตรวจโควิด เพราะคิดว่าตัวเองไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง อีกทั้งค่าตรวจนั้นแพงมหาศาลจนน่าขนลุก ใครที่มีประกันก็ไม่อยากตรวจ เพราะประกันไม่ยอมจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด นี่ยังไม่นับพวกไม่มีประกันจำนวนหลายล้านคนยิ่งไม่ตรวจ เพราะไม่มีเงินไปตรวจ
ชาวอเมริกันกลายเป็นพาหะแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว จำได้ว่าช่วงแรกนั้นอเมริกาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไวรัสโคโรน่าไม่ได้น่ากลัวอะไร เพราะไม่ต่างจากโรคไข้หวัด คนเป็นไข้ตายมากกว่านี้ตั้งเยอะ หรืออ้างว่าไอ้พวกตายเพราะอุบัติเหตุมากกว่าตายเพราะโควิด ต้นตอการพูดเพ้อเจ้อแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ตาลุงผมเป๋นั่นแหละนี่พูดตลอดเวลา หนักกว่านั้นลุงแกพล่ามว่า พออากาศอุ่นขึ้น โรคระบาดจะหายไปเอง แถมฮึดฮัดไม่เห็ฯด้วยกับนโยบายล็อคดาวน์
ถึง CDC จะเจ๋งสุดแล้วในเรื่องการรับมือโรคระบาดในอเมริกา แต่เจอตอคือไม่มีอำนาจอนุมัติให้ห้องแลบทุกแห่งในประเทศประเมินผลได้เอง แต่ต้องให้ FDA เป็นผู้อนุมัติเท่านั้น กว่าจะรู้ผลตรวจต้องรอตั้ง 6 วัน ซึ่งบางคนตายก่อนที่ผลตรวจจะออกมาเสียอีก ทั้งหมดทั้งมวลคือที่มาของภาวะห่าลงอเมริกา
. ..................................................

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี