ขอพักเบรคกับสถานการณ์น่าปวดหัวในอเมริกาสักครั้ง ในฐานะคนที่อาศัยในอเมริการู้สึกถึงความน่าหวาดหวั่นและไม่ปลอดภัย ท่ามกลางความประมาทของอเมริกันทั้งประเทศขณะที่โควิด 19 ระบาดจัดหนักรอบสองทั้งที่รอบแรกก็ยังหนักหนาสาหัสอยู่
การระบาดรอบแรกมีศูนย์กลางที่นิวยอร์ก แต่รอบสองนี่ย้ายที่ลงมารัฐทางใต้แทน ทั้งหมดนี้เพราะผลของการเปิดเมืองเมืองรัฐ และทัศนคติของอเมริกันที่ไม่ยอมใส่หน้ากาก ทั้งยังเหยียดคนที่ใส่หน้ากากว่าขี้ขลาด หากกลัวติดเชื้อก็อยู่บ้าน ไม่ต้องออกมา สถานที่สาธารณะบางแห่ง อย่างซุปเปอร์มาร์เก็ตมีมาตรการให้ใส่หน้ากากเข้าร้าน แต่ยังมีพวกมีหัวไว้ให้แค่ผมงอก ออกมาเอะอะอาละวาดด่าทอ ไม่ยอมใส่หน้ากาก อ้างหมอประจำตัว อ้างสิทธิส่วนบุคคล อ้างเสรีภาพโน่นนี่ไปเรื่อย
ยอดผู้ป่วยทั้งหมดล่อไปสองล้านเจ็ดแสน ตายไปเกือบแสนสามหมื่นราย ช่วงก่อนวันที่ 15 เมษายนที่ว่าเป็นช่วงพีค ยอดป่วยรายวันประมาณสองหมื่นห้า แต่ตอนนี้ยอดป่วยรายวันพุ่งไปสี่หมื่นกว่า เล่นเอาคนตามข่าวหัวใจจะวาย โดยเฉพาะฟลอริด้านี่ยอดติดเชื้อเพิ่มเกือบหมื่นทุกวัน
สถานการณ์การประท้วงการเหยียดผิวยังคงดำเนินไปคู่ขนานกับโควิด ตาลุงผมเป๋ยังออกเดินสายหาเสียงแบบไม่แคร์สื่อ แถมประกาศว่า ใครติดโควิดเพราะมาฟังแกพูด จะฟ้องร้องไม่ได้เสียด้วย
ล่าสุดเกิดรัฐซ้อนรัฐชังชาติสาขาสอง เกิดเขตปกครองตัวเองในวอชิงตันดีซี ผู้ประท้วงปิดกั้นพื้นที่บริเวณหนึ่ง แล้วตั้งชื่อเรียกว่า “เขตปกครองตนเองทำเนียบดำ” (Black House Autonomous Zone) หรือ BHAZ ใกล้ทำเนียบขาว เอาเข้าไป..มีทำเนียยบขาวแล้วต้องมีทำเนียบดำสินะ จากนั้นก็พยายามโค่นรูปปั้นของแอนดรูว์ แจ็กสัน ประธานาธิบดีคนที่ 7 ภายในสวนสาธารณะลาฟาแยตต์
เรื่องความไม่พอใจประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็คสันนี่ก็พอเข้าใจได้อยู่ เพราะแอนดรูว์ แจ็คสันเป็นประธานาธิบดีที่มีด้านมืดเร้นอยู่เยอะมาก แม้อเมริกันจะยกย่องให้เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งก็ตาม แอนดรูว์ แจ็กสันมีชื่อเล่นว่า “โอลด์ฮิกกอรี่ (Old Hickory) นับเป็นรัฐบุรุษอเมริกันและประธานาธิบดีคนที่ 7 แห่งสหรัฐอเมริกา แอนดรูว์เกิดที่เมืองแวกซ์ฮอว์ รัฐเซาท์แคโรไลนา จบการศึกษาด้านกฎหมาย แต่ก่อนหน้าที่จะมาทำงานการเมือง แอนดรูว์ แจ็กสันเคยเป็นนักค้าที่ดินและนักค้าทาส โดยมีทาสในครอบครองเป็นจำนวนมาก
นอกเหนือจากการค้าทาส อินเดียนแดงทุกคนยังจดจำชื่อของประธาราธิบดีคนนี้ไว้ขึ้นใจด้วยความคับแค้นเพราะแอนดรูว์ แจ็คสันลงนามเพื่อใช้วิธีการโยกย้ายชาวพื้นเมืองอเมริกันตามรัฐบัญญัติว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานของชาวอเมริกันอินเดียน (Indian Removal Act of 1830) ในปี ค.ศ. 1831
เส้นทางการโยกย้ายอินเดียนแดงออกจากแผ่นดินเกิดไปเขตสงวนนั้นเรียกว่า Trail of Tears หรือเส้นทางธารน้ำตา ส่งผลให้อินเดียนแดงล้มตายลงเป็นจำนวนมากจนเกือบสูญเผ่าพันธ์เพราะไม่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศและความอดอยากได้ กระนั้นแอนดรูว์ แจ็คสันก็ได้รับการยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษจนได้รับการตีพิมพ์ลงบนธนบัตรใบละยี่สิบดอลลาร์ ท่ามกลางน้ำตาของทาสผิวดำและเหล่าอินเดียนแดง
ก่อนหน้านี้ เกิดเหตุการณ์คล้ายๆ กันในเมืองซีแอดเติล ประท้วงเข้ายึดพื้นที่ศาลากลางเมืองและบริเวณใกล้เคียงที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองเพื่อเคลื่อนไหวทำกิจกรรม และได้ประกาศเป็นเขตปกครองตนเอง (Capitol Hill Autonomous Zone) หรือ Chaz
บรรดาผู้ประท้วงต่างเผาธงชาติอเมริกันท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้อง บริเวณสี่แยกที่สวนสาธารณะลาฟาแยตต์ ซึ่งอยู่ใกล้ทำเนียบขาว แบบเดินข้ามไปแป้บเดียวก็ถึงทำเนียบขาวแล้ว เรียกได้ว่าตบหน้าทรัมป์ระยะประชิดตัวเลยก็ว่าได้
เหตุที่เผาธงชาติตัวเอง เพราะไม่พอใจที่ตำรวจเข้ามารื้อทำลายสิ่งกีดขวางที่ล้อมทำเขตปกครองตนเองที่ประกาศลั่นๆ ว่านี่คือเขตปลอดตำรวจ แต่กลับโดนตำรวจรื้อทำลายซะนี่ จะไม่ให้โกรธแค้นแสนสาหัสได้อย่างไร
การเผาธงชาติของผู้ประท้วงหนนี้เล่นเอาลุงทรัมป์หนวดกระดิก โกรธจนผมปลอมสั่น ทวิตรัวๆ เนื้อตัวสั่นเทาว่า
“น่าอายที่คองเกรสไม่จัดการอะไรกับไอ้พวกคนเลวที่เผาธงชาติ หยุดเดี๋ยวนี้..หยุด”
พวกผู้ประท้วงมองว่าทวิตนี้เหมือนลมตดตาแก่ เพราะยิ่งโวยวายด่าทอ ก็ยิ่งเผาต่อไป เผาธงกันอย่างเมามันทั้งผืนเล็กผืนใหญ่ แต่เดี๋ยวนะ...หากสังเกตชายธงดีๆ จะเห็นว่าธงอเมริกันพวกนี้มีป้ายเล็กๆ แปะว่า “ทำในเมืองจีน” หรือเมดอินไชน่า
เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้มานาน วกเข้าเรื่องเสียที ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เผลอๆ อเมริกาจะมีรัฐที่ 51 จริงๆ โดยที่ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษดำอะไรที่ว่า แต่เป็นการดันกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ให้ ขึ้นเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พยายามกันมาตลอดเวลาหลายสิบปี ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนน 230 ต่อ 180 เสียง โดยไม่มี ส.ส.รีพับลิกัน ยกมือสนับสนุนแม้แต่คนเดียว เพราะเท่ากับว่าหากเป็นรัฐที่ 51 จริง คงเป็นรัฐที่ยึดครองโดยพรรคเดโมแครตอย่างแน่นอน เรื่องอะไรที่รีพับลิกันจะยอม
ตอนนี้อเมริกามีทั้งหมด 50 รัฐ ก่อนหน้านั้นมีการประกาศในปี ค.ศ. 1959 คือมีการประกาศยกสถานะของอะแลสกาและฮาวาย ขึ้นเป็นรัฐที่ 49 และ 50 ตามลำดับ คงต้องดูกันต่อไปว่าวอชิงตันดีซีจะได้รับการยกสถานะขึ้นมาเป็นรัฐที่ 51 (อย่างแท้จริง) ของอเมริกาหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี