วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

สถานการณ์ในอเมริกาเต็มไปด้วยความกังวลและตึงเครียด อาทิตย์ที่ผ่านมายอดผู้ป่วยใหม่พุ่งสูงถึงวันละเจ็ดหมื่นเจ็ดพันคนติดต่อกันสองวัน ขณะที่เขียนคอลัมน์นี้ ยอดผู้ป่วยสะสมแตะสี่ล้านคนและเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งแสนสี่หมื่นกว่าราย หากยังจำกันได้ ช่วงสามเดือนที่ผ่านมา รัฐนิวยอร์กคือจุดระบาดมีคนป่วยคนตายมากมายจนต้องใช้รถคอนวอยติดแอร์เป็นสถานที่เก็บศพ เพราะศพล้นโรงพยาบาล ตอนนี้สถานการณ์แบบเดียวกันกำลังเกิดขึ้นในรัฐทางใต้อย่างเท็กซัส
สรุปสถานการณ์โควิดคร่าวๆ ห้าอันดับรัฐที่มีการแพร่ระบาดและมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเรียงตามลำดับคือ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ผ่อนคลายลงเพราะยอดติดเชื้อใหม่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด คาดว่านโยบายของผู้ว่าการรัฐเรื่องการบังคับให้ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย รวมทั้งเสียค่าปรับหากไม่ใส่และการกักตัวผู้ที่มาจากรัฐอื่นที่เข้ามาในรัฐนิวยอร์ก ทำให้จำนวนคนติดเชื้อรายวันลดลงอันดับสองคือรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งยืนหนึ่งมาตลอดทั้งการระบาดรอบแรกและรอบสอง
โดยย่านที่ระบาดหนักสุดคือแอลเอ ที่เราคนไทยรู้จักกันดีนั่นเอง อันดับสามคือฟลอริด้าจุดระบาดหนักสุดคือไมอามี่ คาดว่าเพราะการออกมาหลั่นล๊าร่าเริงตามหาดและกินดื่ม สัมผัสเนื้อตัวกันไม่มีการเว้นระยะห่าง หรือสวมหน้ากากเลยทำให้ฟลอริด้ากลายเป็นดงระบาดในตอนนี้ อันดับสี่คือ รัฐเท็กซัส นี่ก็หนักหนาสาหัสไม่แพ้ฟลอริด้าแต่ละวันต้องคอยส่องว่า วันนี้ยอดผู้ป่วยใหม่เท่าไหร่เพราะแต่ละวันเหยียบหลักหมื่น ใช่แล้ว..อ่านไม่ผิดหรอกป่วยกันวันละเป็นหมื่นรายทั้งฟลอริด้าและเท็กซัส รถคอนวอยติดแอร์จึงหลั่งไหลเดินทางมุ่งหน้าสู่เท็กซัส เพราะที่เก็บศพในโรงพยาบาลเต็มจนล้น
อันดับห้าคือรัฐนิวเจอร์ซี่ ซึ่งจะว่าไปแล้วโดนหางเลขจากรัฐนิวยอร์กเพราะเป็นรัฐเพื่อนบ้าน คนจากรัฐนี้ไปทำงานนิวยอร์กกันทั้งนั้นแต่ดูเหมือนสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย เพราะยอดป่วยรายวันลดน้อยลง ที่น่าห่วงมากคือรัฐทางใต้ทุกรัฐเพราะยอดผู้ป่วยรายวันสูงขึ้นอย่างฉับพลันทันใดทุกวันและดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นๆ เรื่อยๆด้วยจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ที่ทะยานสูงทุกรัฐอย่างน่าใจหายเลยทำให้มีการประมาณการกันใหม่ มหาวิทยาลัยวอชิงตันเผยแพร่รายงานฉบับทบทวนล่าสุด ประมาณการว่ายอดผู้เสียชีวิตจะมากกว่า 224,000 คน ในวันที่ 1 พฤศจิกายนปรับเพิ่มจากการประเมินคราวก่อน 16,000 คน สถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
(IHME) ประมาณการว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจลดลง 40,000 คน หากว่าพลเมืองอเมริกาเกือบทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ถ้า 95% ของอเมริกันชน สวมหน้ากากทุกครั้งตอนที่ออกนอกบ้านอัตราการติดเชื้อจะลดลง จำนวนผู้เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลจะลดลงและคาดหมายว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลงตามไปเช่นกันขนาดตัวเลขพุ่งสูงขนาดนี้แต่พลเมืองอเมริกันยังชี้หน้าด่าทอตีกันไม่จบเรื่องหน้ากาก ทั้งที่เห็นชัดๆว่าการใส่หน้ากากสามารถป้องกันตัวจากการติดและแพร่โควิดได้
ล่าสุดพ่อเมืองหรือผู้ว่าการรัฐโอกลาโฮม่า ซึ่งเป็นลูกหม้อตาลุงผมเป๋ติดโควิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าท่านผู้ว่าการรัฐรายนี้ติดจากเวทีหาเสียงของประธานาธิบดีที่เมืองทัลซา รัฐโอกลาโฮมานั่นแหละ เพราะตอนนั้นมีข่าวออกมาว่าสมาชิกทีมหาเสียงตลอดจนถึงเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาผู้นำหลายคนติดโควิด แล้วท่านผู้ว่าการรัฐจะเหลือเหรอ สุดท้ายก็ติดไปตามระเบียบตัวเลขคนป่วยคนตายที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มหาวิทยาลัยและโรงเรียนตั้งแต่แคลิฟอร์เนีย ไปจนถึงวิสคอนซินใช้วิธีสอนออนไลน์แทนการเปิดเทอม ทำให้ตาลุงผมเป๋ไม่ค่อยพอใจนักเพราะถ้าเด็กๆ อยู่บ้าน พ่อแม่ก็ออกมาทำงานนอกบ้านไม่ได้ เท่ากับแผนจะเปิดธุรกิจโน่นนี่ในอเมริกาต้องพับไปก่อน แกเลยขู่ฟ่อๆว่าจะตัดเงินสนับสนุน แต่โถ..ลุงโรงเรียนในแต่ละรัฐไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางเท่าไหร่หรอก แต่ได้จากเงินสนับสนุนในรัฐต่างหาก
ห้างร้านหลักๆเริ่มออกกฎให้ลูกค้าต้องใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยไม่งั้นห้ามเข้าร้าน เอาแค่นี้ยังกลายเป็นเรื่องเพราะอเมริกันพกปืนได้อย่างเสรี เลยเกิดเคสเมื่อสองเดือนก่อนคือพนักงานร้าน “ทุกอย่างดอลลาร์เดียว” ขอร้องให้ลูกค้าใส่หน้ากากเข้าร้านเท่านั้นแหละ คุณลูกค้างัดปืนมายิงพนักงานดับคาร้าน แม้จะมีกฎแต่เราก็ได้เห็นบรรดา “คาเรน” ออกมาแผดเสียงด่าทอโวยวายอยู่ทุกวี่วันตามห้างต่างๆท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายลงทุกวัน ทรัมป์ยักไหล่ไม่แคร์มุ่งหน้าเปิดประเทศต่อไปท่ามกลางกองศพพลเมืองตนเอง แถมยืนกรานว่าจะไม่ออกคำสั่งให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอย่างเด็ดขาด
โดยโยนภาระนี้ให้ผู้ว่าการรัฐตัดสินใจแทนเรื่องราวมหาสนุกเลยเกิดขึ้น อย่างในรัฐจอร์เจียเกิดทะเลาะด่าทอกัน ระหว่างผู้ว่าการรัฐซึ่งมาจากพรรคเดียวกับทรัมป์กับนายกเทศมนตรีที่มาจากพรรคเดโมแครต ไม่ลงรอยกันเรื่องการใส่หน้ากากนี่แหละ อีกคนจะให้บังคับอีกคนบอกไม่บังคับ ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าจะยังไงกันต่อไม่ต้องดูอื่นดูไกล รัฐที่ผู้เขียนอยู่ก็เหมือนกันผู้ว่าการรัฐดูไม่ค่อยแยแสพลเมือง นั่นก็มาจากพรรครีพับริกัน ส่วนนายกเทศมนตรีเมืองที่ผู้เขียนอยู่มาจากเดโมแครตเลยออกกฎให้ใส่หน้ากากที่นั่นที่นี่ แทนที่ชาวเมืองจะรู้สึกดีกลับรุมด่าแล้วแห่ไปซื้อของจากห้างในเมืองข้างๆ แทนเพราะนายกเทศมนตรีเมืองข้างๆ เป็นรีพับลิกัน ไม่ออกกฎห้ามใดๆเรื่องหน้ากาก สุดท้ายยอดคนป่วยเมืองข้างๆ ก็พุ่งสูงลิ่วมากกว่าเมืองที่ผู้เขียนอยู่เสียอีก
CDC ออกคำแนะนำตั้งแต่เดือนเมษายนให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากเพื่อชะลอการระบาด หลังมีหลักฐานยืนยันว่าผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการสามารถแพร่เชื้อไวรัสสู่ผู้อื่นได้ แต่อเมริกันแทบจะไม่สนใจทำตามเท่าไหร่นัก สินค้าสำหรับทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ยังคงขาดตลาดทุกเมืองทุกรัฐ อีกสองเดือนก็จะย่างเข้าสู่หน้าหนาว ซึ่งถือเป็นฤดูการระบาดของไข้หวัดทุกสายพันธุ์อยู่แล้ว หน้าหนาวปีนี้คงเป็นฤดูหนาวอันยาวนานสำหรับอเมริกันทุกคนอย่างแน่นอน

‘ภราดร’ชงครม.เยียวยาน้ำท่วมเพิ่ม จ่ายรายเดือนเป็น‘4 ขั้นบันได’30-60-90-120 วัน
พลังศรัทธา! ‘หลวงตาบุญชื่น’ ปฏิเสธพักฟื้น รพ. ลุกเดินธุดงค์ทั้งที่มีภาวะเลือดจาง
‘ปชป.’ผุดแคมเปญ‘เปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา’ เปิดข้อมูล‘อาชญากรรมข้ามชาติ’ ฟอกเงินโยง‘อดีต รมช.’
ส่องฟีดแบค!! หลัง 'เดอะมีน' พ้นสภาพพนักงาน 'อาร์ม OHANA'โพสต์เดือดทันที
มาสเตอร์ 'ลูกเกด เมทินี'รุกฆาต ขึ้นบัลลังก์ 'Master Chair'พลิกเกมเชือด WARRIOR 'หวาย กามิกาเซ่'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี