จะว่าไปดิฉันก็เขียนคอลัมน์นี้ติดต่อกันมาหกปีแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 จนตอนนี้เกือบสิ้นปี ค.ศ.2020 เป็นคอลัมน์แบบสบายๆ เม้ามอยเรื่องราวหลากหลายในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการบ้านการมุ้งการเมือง สารพัดจัดหามาเล่าสู่กันฟัง แต่ไม่ค่อยเล่าถึงตัวเองเท่าไหร่นัก จนกระทั่งช่วงนี้ตัวเองกลายเป็นข่าวปรากฎตามสื่อต่างๆ ในประเทศไทย เพราะเขียนจดหมายรักถึงวุฒิสมาชิกอเมริกันคนหนึ่งคือ ลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ ผู้เป็นวุฒิสมาชิกลูกครึ่งไทย-อเมริกัน พรรคเดโมแครต เลยขออนุญาตเล่าถึงตัวเอง ที่กำลังกลายเป็นประเด็นข่าวสักหน
เมื่ออาทิตย์ก่อน มีข่าวดังปังเปรี้ยงให้ฮือฮา ให้ฝูงม็อบสามนิ้วโห่ฮาและโหนกันสนุกสนานว่าอเมริกาสนับสนุนฝ่ายตน เพราะบรรดาสว.พรรคเดโมแครตกลุ่มหนึ่ง เข้ามาเผือกสถานการณ์การเมืองในบ้านเรา ด้วยหนุนม็อบสามนิ้วอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เรียกร้องรัฐบาลไทยให้หยุดดำเนินคดีและหยุดคุกคามนักกิจกรรมทางการเมือง
สว.อเมริกันกลุ่มที่ว่านี้มีวุฒิสมาชิก บ็อบ เมเนนเดซ และ ดิค เดอร์บิน ซึ่งเป็นสมาชิกของกมธ.การต่างประเทศ พร้อมด้วยวุฒิสมาชิกอีก 7 คน หนึ่งในนั้นคือแทมมี่ ดักเวริร์ธ ส.ว.อเมริกันเชื้อสายไทยด้วย ซึ่งแทมมี่นี่แหละที่คนไทยหลายคนชื่นชม เพียงเพราะเธอมีสายเลือดไทย เกิดในไทยจนอายุ 12 แล้วไปโตในอเมริกา
สำหรับคนที่เกาะติดสถานการณ์การเมืองทั้งไทยและอเมริกามาตลอด จะรู้ว่านักการเมืองไทยบางคนสูญเสียผลประโยชน์ทางการเมืองจนไม่มีแผ่นดินอยู่ สนิทสนมกับล็อบบี้ยิสต์ฝรั่ง เพื่อหวังชงประเด็นให้นักการเมืองและสื่อฝรั่งเข้ามาก้าวก่ายการเมืองไทย เพราะต้องการให้เกิดการแรงกระเพื่อมทางการเมืองในบ้านเรา
อาชีพเดิมก่อนมาอยู่อเมริกาของดิฉันคือสื่อมวลชน และเมื่อมาตั้งรกรากในอเมริกา ก็เปิดบริษัทพีอาร์กับสามีอเมริกัน ซึ่งเป็นนักเขียนเช่นเดียวกัน เส้นสนกลในกระบวนการล็อบบี้ยิสต์และการใช้บริการบริษัทพีอาร์นั้นจึงเป็นเรื่องที่รู้เช่นเห็นสันดานนักการเมืองไทยบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ดี
นอกจากจ้างล็อบบี้ยิสต์แล้ว ยังจ้างบริษัทพีอาร์ในอเมริกา ซึ่งบริษัทพีอาร์ทางการเมืองจะมีเส้นสายคอนเนกชั่นกับสื่อยักษ์ใหญ่ ในฐานะที่ทำบริษํทพีอาร์ รู้ว่าในสัญญาว่าจ้างจะต้องมีการเสนอแผนการทำงานให้ลูกค้าเพื่อแสดงว่า เดือนนี้จะมีบทความจากฝั่งลูกค้าลงตีพิมพ์ในสื่อฉบับไหนบ้าง และเป็นจำนวนกี่บทความแต่ละเดือนหรือแต่ละสามเดือน ตามแต่จะตกลงกันไว้ จึงไม่ใช่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นบทความของนักวิชาการผู้เกลียดชังสถาบัน และที่ทำงานให้นักการเมืองบางคนโผล่ที่นั่นที่นี่ตามสื่อฝรั่งต่างๆ ทั้งนี้เป็นไปตามการล็อคเป้าของบริษัทพีอาร์นั่นเอง
ที่ต้องอธิบายยืดยาว เพราะเรื่องนี้คงเกี่ยวพันกับลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ เพราะนักการเมืองสายเดโมแครตล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับล็อบบี้ยิสต์ที่นักการเมืองไทยรายนั้นใช้บริการ เรียกว่าใช้งานกันเป็นประจำก็ว่าได้ ลัดดาเองแม้จะเกิดในไทย แต่มาเติบโตที่นี่ อาจจะไม่เข้าใจบริบทความเป็นไทย โดยเฉพาะสถาบันกษัตริย์มากพอ อีกทั้งได้รับข้อมูลจากล็อบบี้ยิสต์ จึงอาจจะทำให้ไม่ได้รับข้อมูลครบถ้วน ถูกลวงตาด้วยคำว่า “ประชาธิปไตย” จึงทำให้ออกมาหนุนม็อบสามนิ้ว
ในฐานะคนไทยที่อาศัยอยู่ในอเมริกามา 20 ปี ดิฉันกับสามีเลยตัดสินใจเขียนจดหมายถึงลัดดา แทมมี่ ดักเวิรธ์เป็นภาษาอังกฤษ เพราะไม่แน่ใจว่าเธอเข้าใจภาษาไทยดีแค่ไหนดังนี้ ที่สำคัญคือคุยกับฝรั่งต้องฟาดจุดอ่อนฝรั่ง ประเด็นการหมิ่นสถาบันไม่เคยอยู่ในสายตาฝรั่ง แต่ปมเรื่องคอมมิวนิสต์คือเรื่องใหญ่ในอเมริกา
Dear Senator Duckworth,
Your resolution in favor of Thailand’s “pro-democracy” movement appears sincere but lacks context. We must always advocate for true democracy anywhere in the world, but before becoming a vocal advocate of this movement, we encourage you to look deeper into what they are truly advocating and who is behind it.
The protests are hardly student-led, and they are orchestrated primarily by two shady and power-hungry billionaires, the exiled criminal Thaksin Shinawatra and Thanatorn Juangroonguangkit, who work behind the scenes to dominate this curiously well-funded movement. We here in the United States have already endured four years at the hand of a corrupt populist billionaire, Thailand certainly does not need one of their own.
The movement makes much of calling itself “pro-democracy,” and in so doing, it has captured the support of the West. However, simply appending the word “democracy” to a political movement or government does not make it so (a prime Southeast Asian example was “Democratic Kampuchea,” which was nothing of the sort).
We remind you, Senator Duckworth, that Thailand’s current government was duly and legally elected. A vocal minority may criticize him and his policies, but like him or not, PM Chan-o-cha is entitled to his position.
The movement’s desire (and Thaksin’s and Thanatorn’s desire as well) is not to change hearts and minds and win the next election, which would be the normal Western-style democratic thing to do, but rather to roll out yet another coup d’etat – something the US should not support under any circumstances. I will grant you that PM Chan-o-cha rules with a firm hand and there may certainly be excesses that need to be addressed. But far from wanting democracy, the protesters in Thailand simply want to replace one authoritarian leader with their own even more authoritarian leader.
We ask too, why does the United States wish to meddle in Thailand’s internal affairs? Is it because they simply want to promote the concept of western-style democracy throughout the ASEAN region? No. It is far more likely that the US is selfishly motivated to bring in supporters of the aforementioned populist billionaire Thaksin because he would be more friendly to the West at a time when Thailand is more closely aligning politically and economically with China.
We also encourage you to look deeper into whether this movement is truly democratic, or something a little more insidious. Most recently, a key faction of the movement called “Free Youth” has taken a more blatant stance in advocating communism, no longer even pretending to be advocates for true democracy. The group recently launched a new “Restart Thailand” campaign with a stylized “RT” in the shape of a hammer and sickle and with both iconography and language designed to reinforce the movement’s Marxist identity.
We encourage you to gain a more thorough understanding of the true roots of this movement. The United States cannot afford to be fooled by a communist-leaning movement in southeast Asia which is attempting to gain the West’s support by using the language of democracy.
Regards,
Dan and Charoenkwan Blacharski
เรียนวุฒิสมาชิกดักเวิร์ธ
มติของท่านที่สนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหว “โปร-ประชาธิปไตย” ของประเทศไทยดูเหมือนจริงใจ แต่ขอเรียนให้ทราบว่าไม่สอดคล้องกับบริบทและความเป็นจริงในสังคมไทย นับเป็นเรื่องถูกต้องที่เราพึงสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ว่าที่ใดในโลก แต่ก่อนที่ท่านจะเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ อยากเสนอแนะให้ท่านไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนถ่องแท้ว่ากลุ่มนี้กำลังเคลื่อนไหวในทิศทางใดและมีใครอยู่เบื้องหลัง
นักศึกษามิได้เป็นผู้นำหลักดังที่กล่าวอ้าง หากแต่เป็นเพียงเบี้ยหมากที่ได้รับการเดินเกมเหลังฉาก จากมหาเศรษฐีที่กระหายอำนาจสองคน คนแรกคือนักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ส่วนอีกคนหนึ่งธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ซึ่งสนับสนุนขบวนการประท้วงในประเทศไทยครั้งนี้ เราเคยได้รับบทเรียนจากการอยู่ภายใต้การนำประเทศภายใต้เงื้อมมือของมหาเศรษฐีประชานิยมที่ฉ้อฉลเช่นโดนัลด์ ทรัมป์มาแล้วถึง 4 ปี และชาวไทยก็ไม่ต้องการผู้นำประเทศไทยเยี่ยงนั้นเช่นกัน
ขบวนการเคลื่อนไหวมักใช้คำที่สวยงามอย่างเช่น “โปร-ประชาธิปไตย” เพื่อดึงดูดให้ได้รับความสนใจและสนับสนุนจากตะวันตก แต่อย่าลืมว่า การใช้ถ้อยคำสวยหรูเหล่านี้มาต่อท้ายกับขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างหนึ่งคือการใช้คำว่า “ประชาธิปไตย” ต่อท้ายในการเรียกชื่อประเทศกัมพูชาว่า “สาธารณรัฐประชาธิปไตยกัมพูชา”
ขอเรียนให้ท่านทราบตามตรงว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันในประเทศไทย ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าเสียงข้างน้อยจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานนโยบายของรัฐบาลนี้ แต่ความจริงคือนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชามีสิทธิโดยชอบธรรมในการบริหารประเทศ
ความต้องการของกลุ่มประท้วง ซึ่งสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกับทักษิณและธนาธร ดึงดันจะเอาชนะคะคานในทุกรูปแบบและกลวิธีด้วยหวังชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า อันอาจนำไปสู่การเกิดรัฐประหารอีกครั้งในประเทศไทย และอเมริกาไม่ควรสนับสนุนให้เกิดขึ้น ขอย้ำอีกครั้งว่านายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจในการปกครองในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งไม่ถูกใจกลุ่มผู้ประท้วง จึงกล่าวอ้างว่านายกรัฐมนตรีเป็นเผด็จการ ทั้งนี้เพราะกลุ่มผู้ประท้วงต้องการให้นักการเมืองที่เป็นเผด็จการไม่แพ้กันฝ่ายที่ตนสนับสนุนอยู่ ก้าวเข้ามาเป็นหัวหน้ารัฐบาล แทนที่นายกรัฐมนตรีประยุทธเท่านั้นเอง
ในฐานะพลเมืองอเมริกัน เราใคร่อยากถามว่า เหตุใดอเมริกาจึงแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย เพราะต้องการส่งเสริมแนวคิดประชาธิปไตย ให้เผยแพร่ทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ใช่หรือไม่ หรือเกิดจากแรงจูงใจอันเห็นแก่ตัว ที่ต้องการนำมหาเศรษฐีอย่างทักษิณ ชินวัตรกลับคืนสู่ประเทศไทย ด้วยเหตุผลสองประการคือ ประการแรก ทักษิณสร้างคอนเนกชั่นกับตะวันตกมานาน และประการที่สองคือ เวลานี้ไทยมีความใกล้ชิดทางการเมืองและเศรษฐกิจกับจีนอย่างแน่นแฟ้นกว่าเดิม
ขอเสนอแนะให้ท่านพิจารณาอย่างลึกซึ้งถี่ถ้วนว่า การเคลื่อนไหวของขบวนการนี้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือว่ามีสิ่งใดแฝงเร้นอยู่ การประท้วงนี้นำโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เยาวชนปลดแอด” ที่ออกมาสนับสนุนแนวคิดคอมมิวนิสต์อย่างชัดเจน ด้วยการเปิดแคมเปญ “Restart Thailand” โดยใช้สัญลักษณ์ “RT” ในรูปแบบของค้อนเคียว รวมถึงการใช้ภาษาในการเชิดชูเอกลักษณ์ของลัทธิมาร์กซิสม์
ได้โปรดไตร่ตรองเกี่ยวกับสัญลักษณ์รากเหง้าของขบวนการประท้วงนี้ อเมริกาไม่ควรถูกหลอกด้วยขบวนการคอมมิวนิสต์ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มักพรางตาด้วยภาษาสวยหรูแบบประชาธิปไตย เพียงเพื่อตบตาโลก ในการได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตก
นอกจากเขียนจดหมายถึงลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธแล้ว ดิฉันยังเขียนถึงวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันสองท่านในรัฐอินเดียน่า ปรากฎว่ามีกลุ่มคนไทยจากรัฐต่างๆ ติดต่อดิฉันเข้ามา เพื่อจะเขียนจดหมายแบบนี้ถึงลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ รวมทั้งส่งตรงถึงวุฒิสมาชิกทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันในรัฐที่ตนอยู่ จนเกิดเป็นกระแสข่าวในหลายสื่อตอนนี้ ด้วยเหตุที่เป็นเรื่องของดิฉัน เลยขอใช้พื้นที่คอลัมน์นี้เขียนบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี