จริงๆ แล้วช่วงเวลานี้ของชาวโลก สมควรเป็นห้วงแห่งความรักความสุข ความสนุกสนาน เพราะเป็นอาทิตย์คริสต์มาสสำหรับชาวคริสต์และชาวตะวันตก ส่วนชาวยิวก็เฉลิมฉลองเทศกาลที่เรียกว่า “ฮานุกก้า” เด็กๆจะได้รับของขวัญมากมาย มีการจุดเทียนแห่งชีวิตบนเชิงเทียนที่เรียกว่า“มาโนร่า” ริมหน้าต่าง ส่วนชาวโลกที่ไม่ใช่ชาวคริสต์ต่างก็เฝ้ารอช่วงเวลาแห่งความสุขวันขึ้นปีใหม่ แต่ปีนี้วาระอันเปี่ยมสุขของชาวโลกเต็มไปด้วยความโศกเศร้าอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดบนโลกหลายประเทศประกาศล็อคดาวน์ แทนที่จะได้เคาน์ดาวน์กลับต้องล็อคดาวน์แทน เยอรมัน อังกฤษ เดนมาร์กล็อคดาวน์ยาวไปหลังปีใหม่
ล่าสุดผู้นำระดับโลกติดโควิดเพิ่มสองเดือนก่อน ตาลุงผมเป๋โดนัลด์ ทรัมป์ ติดโควิดกันทั้งครอบครัว อาทิตย์นี้ประธานาธิบดีมาครงแห่งฝรั่งเศสติดโควิด ที่น่าเศร้าคือนายกรัฐมนตรีเอสวาตีนี (สวาซิแลนด์) ซึ่งมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกเมื่อ4 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิตแล้วด้วยวัยเพียงแค่ 52 ปีเท่านั้นเอง คนไทยในประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติการณ์โควิดมาได้หลายเดือน พอเว้นวรรคออกไปพักผ่อนสนุกสนานเพราะคนป่วยคนตายมีน้อย เรื่องนี้ต้องชมรัฐบาลไทยว่า จัดการด้านการควบคุมโรคดีกว่าอเมริกาและหลายประเทศในยุโรป ที่ยกย่องว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งที่มีม็อบออกมาชูสามนิ้วทุกวี่วันก็ยังเอาอยู่แต่ขณะที่ทุกคนการ์ดตก เฝ้ารอการไปเที่ยวช่วงหยุดยาวพลันฝันสลาย
พบแรงงงานพม่าติดโควิดในตลาดกุ้งที่สมุทรสาครเพียบ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปตรวจเชิงรุกแล้วต้องตบอกผางเพราะตรวจไปพันคน พบว่าครึ่งหนึ่งติดโควิดแล้ว พวกนี้ไม่แสดงอาการเพราะยังหนุ่มสาว สุดท้ายก็มาแพร่เชื้อสู่แม่ค้าคนไทย ที่น่าหนักใจคือตลาดกุ้งที่สมุทรสาครเป็นตลาดกลางซื้อขายที่ใหญ่ที่สุด โควิดเลยแพร่ไปหลายจังหวัดเวลานี้ เล่นเอาคนไทยทั้งประเทศหวาดผวาบรรยากาศที่เคยอบอวลด้วยความสุขหม่นหมองลงทันตาเห็น
จากที่เคยฟังข่าวโควิดในอเมริกาแล้วฟังผ่านเฉยๆ เริ่มหันมาจับไม้จับมือคนไทยที่ผจญชะตากรรมในอเมริกาอย่างเข้าอกเข้าใจมากขึ้น งั้นขอเล่าสถานการณ์โควิดในอเมริกาต่อเลยก็แล้วกัน
แม้ว่าวัคซีนจะมาแล้ว แต่ปัญหายังไม่จบลงง่ายๆรัฐที่ระบาดจัดหนักสุดติ่งคือแคลิฟอร์เนีย และชุมชนที่สาหัสสุดคือแอลเอ นี่เองอาทิตย์ก่อนมีการลำเลียงวัคซีนไปรัฐต่างๆมีการฉีดเข็มแรกให้หมอและพยาบาลก่อน วัคซีนที่ใช้เป็นวัคซีนของไฟเซอร์ แต่ประเด็นที่น่าปวดหัวตอนนี้คือคนอเมริกาแค่ครึ่งเดียว พูดตรงๆ คือไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำที่ยอมฉีดวัคซีน ที่เหลือกลัว ไม่กล้าฉีด แถมพอฉีดให้เจ้าหน้าที่การแพทย์บางคนมีอาการแพ้วัคซีนให้เห็นอีกด้วย
สถานการณ์โควิดในอเมริกาวิกฤติสุดการระบาดแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลังการเดินทางกลับบ้านของอเมริกันในเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้าในเดือนพฤศจิกายน ทั้งที่ทางการทั้งขอร้องทั้งวิงวอนว่า อย่าเดินทางอย่ากินอาหารร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ แต่อเมริกันก็ไม่คิดและไม่เคยเชื่อฟัง ดันทุรังแห่ไปจนตอนนี้การระบาดลุกลามหนักกว่าเก่า ทั้งที่ก็หนักหนาสาหัสแบบไม่พักยกมาตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้วยอดป่วยสะสมตอนนี้อยู่ที่ 18 ล้านสามแสนกว่าและตายไปสามแสนสองหมื่นกว่าราย นี่นับแบบตัวเลขกลมๆจะได้เห็นภาพชัดๆ ไอซียูทุกโรงพยาบาลเต็มแน่น คนไข้ล้นทุกแห่งที่รัฐคนที่ต้องการใช้บริการ อย่างผ่าตัดอื่นๆ ต้องอดทนไว้ก่อนเพราะไม่มีเตียงให้คนไข้ทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยโควิด นับเป็นทุกข์อย่างทั่วถึงของอเมริกันอาทิตย์ที่ผ่านมา อเมริกันตายวันละสามพันเจ็ดร้อยราย และติดเชื้อวันละสองแสนห้าหมื่นราย ทุบทุกสถิติทั้งในอเมริกาและสถิติโลก น่าจะร่วมถึงสถิติโรคด้วยเช่นกัน ยอดแบบตายวันละสามพันกว่า ป่วยวันละสองแสนห้าหมื่นราย ไม่ได้เกิดขึ้นแค่วันเดียว แต่ต่อเนื่องสะสมแทบทุกวัน
ขณะที่โควิดระบาดลามไปทุกหนแห่งและคนล้มตายกันเป็นเบือ แต่คนก็ยังด่าทอถกเถียงกันเรื่องการใส่หน้ากาก ชุมชนเล็กๆในรัฐอินเดียน่าที่ผู้เขียนอาศัยอยู่ มีพลเมืองแค่แสนกว่าๆ แต่ป่วยกันสองหมื่นกว่าราย และตายไปสามร้อยกว่าคน แต่ก็ยังมีคนออกมาชุมนุมประท้วงเรื่องการใส่หน้ากาก
อย่าคิดว่าคนอเมริกันป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวด ใส่หน้ากากตั้งแต่ออกจากบ้านทันทีเหมือนคนไทย ในเมืองไทยตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดในเดือนกุมภาพันธ์ ไปรษณีย์แถวบ้านยังไม่มีใครใส่หน้ากากและไม่สวมถุงมือ บางทีเห็นชัดเจนว่าไปรษณีย์ยกมือป้ายน้ำมูกป้ายปากตัวเอง ก่อนจับจดหมายและกล่องพัสดุที่จะส่ง ตัวอย่างความไร้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคมที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆต่อหน้าต่อตาผู้เขียนนี่เอง
บ้านหลังตรงข้ามมีหนุ่มสามรายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมาเช่า เด็กหนุ่มกลุ่มนี้พฤติกรรมแย่มาก จอดรถขวางหน้าบ้านผู้เขียนประจำ ทั้งที่หน้าบ้านตัวเองว่าง แต่มาจอดปิดกั้นทางออกบ้านคนอื่นอย่างไร้จิตสำนึก เมื่อคืนตกใจตื่นตอนตีหนึ่ง ได้ยินเสียงดังขนาดปลุกคนอื่นให้ตื่นได้ มองนอกหน้าต่างเห็นหนุ่มรุ่นเดียวกัน 5-6 คน มีแค่คนเดียวที่ใส่หน้ากากอนามัยสีฟ้า ไม่มีการเว้นระยะห่าง ดูจากกราฟจำนวนคนป่วยในชุมชน กลุ่มอายุ 20 กว่าๆนี่แหละที่ติดโควิดมากสุด และคนกลุ่มนี้นำโรคมาแพร่สู่คนวัยอื่นในครอบครัว วันรุ่งขึ้นหน้ากากอนามัยใช้แล้วอันหนึ่งปลิวมาตามถนนลอยมาติดขอบถนนหน้าบ้านผู้เขียน ไม่มีใครรู้ว่าคนใส่เป็นโควิดหรือเปล่า แต่เมื่อมาหน้าบ้าน ก็จำเป็นต้องกำจัด ด้วยการใส่ถุงมือยางหาไม้มาเขี่ยใส่กล่องคุ๊กกี้แบบคุ๊กกี้อาร์เซนอล ที่มีฝาปิดมิดชิดแล้วเอาไปทิ้ง คนทิ้งคงไม่นึกว่าสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ซึ่งหน้ากากอันนั้นอาจแพร่เชื้อโรคในวงกว้าง หากหมาที่ผู้เขียนเลี้ยงไว้ไปดมหรือคาบ หากเด็กไร้เดียงสาสักคนเดินเตะหรือจับเล่น ผลจะเป็นอย่างไร
ล่าสุดผู้โดยสารปกปิด ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นโควิดแต่ไปขึ้นเครื่องบินสาย United Airlines นั่งเครื่องจากออร์แลนโด้ฟลอริด้ามาแอลเอ แคลิฟอร์เนีย ปกปิดข้อมูลว่าตัวเองป่วยจนป่วยหนักบนเครื่อง หายใจไม่ออก และเสียชีวิตในที่สุด หนักกว่านั้นคือคนที่ช่วยชีวิตชายคนที่ปกปิดข้อมูลตอนนี้มีอาการของโควิดแล้วเช่นกัน ผู้โดยสารในเที่ยวบินนั้นต้องไปตรวจโควิดกันเป็นแถวในอเมริกามีเคสประหลาดหญิงอเมริกันอาชีพพนักงานทำความสะอาดในซานฟรานซิสโกติดโควิด เธอเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว เมื่อติดโควิดนอกจากไวรัสจะจู่โจมระบบทางเดินหายใจ ยังทำลายระบบหลอดเลือดจนเกิดอาการลิ่มเลือดแข็งตัว ไม่ไปหล่อเลี้ยงมือผลคือนิ้วของเธอเปลี่ยนเป็นสีคล้ำดำจนเน่า ในที่สุดหมอจำเป็นต้องตัดนิ้วเธอออกสองนิ้ว
โรคนี้จึงน่ากลัวที่ว่าไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเราติดโควิดโดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวานและความดันโลหิตสูงด้วย ความที่โควิดเป็นโรคอุบัติใหม่นั่นเอง ตอนนี้ทางการอเมริกันมีการอนุมัติให้ใช้วัคซีนทั้งสองตัวคือไฟเซอร์และโมเดอร์นา ได้แต่หวังว่าการได้รับวัคซีนจะสามารถหยุดยั้งการระบาดของโควิดในอเมริกาได้บ้าง ข่าวล่าสุดคือโควิดมีการกลายพันธุ์จนแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมไประบาดหนักที่อังกฤษ จนทุกประเทศปิดพรมแดนปิดเส้นทางคมนาคม ไม่ยอมให้คนที่เดินทางจากอังกฤษเข้าประเทศตนโดยเด็ดขาด คริสต์มาสปีนี้คงเป็นคริสต์มาสที่เงียบเหงาที่สุดในรอบหลายสิบปี นี่คือฝันร้ายก่อนวันคริสต์มาสที่ชาวโลกต้องเผชิญ
.............................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี