ฐานันดรที่ 4 (The Fourth Estate) เดิมหมายถึงนักหนังสือพิมพ์ ปัจจุบันน่าจะหมายรวมถึงผู้ประกอบวิชาชีพสื่อในช่องทางต่าง ๆ แต่ความหมายและคำจำกัดความของ ฐานันดรที่ 4 ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้ ฐานันดรที่ 4 ยังต้องมีคุณสมบัติในการสื่อสารข้อเท็จจริงสู่สาธารณะและมีอิทธิพลทางอ้อมในการขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ถูกที่ควร
ฐานันดรที่ 4 ถูกเอ่ยขึ้นครั้งแรกในการประชุมรัฐสภาอังกฤษคราวหนึ่งในปี ค.ศ. 1787 โดยนาย เอ็ดมันด์ เบอร์ค (Edmund Burke) นักกฎหมาย นักเขียน และนักการเมือง ชาวไอริช
เวลานั้น ยุโรปแบ่งฐานันดรศักดิ์ของคนออกเป็น 3 ฐานันดร คือ ฐานันดรที่ 1 ได้แก่ กษัตริย์ ขุนนาง และนักรบ ฐานันดรที่ 2 ได้แก่ นักบวช และผู้ทรงศีลทางศาสนจักร และ ฐานันดรที่ 3 ได้แก่ ประชาชนคนธรรมดาทั่วไป รัฐสภาอังกฤษ ก็ประกอบไปด้วยผู้แทนฐานันดรทั้ง 3 ดังกล่าว คือ ขุนนาง พระราชาคณะ และผู้แทนราษฎร ซึ่งได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน
ในการประชุมรัฐสภาอังกฤษครั้งนั้น ขณะนาย เอ็ดมันด์ เบอร์ค กำลังยืนอภิปราย เขาได้ชี้มือไปยังกลุ่มนักหนังสือพิมพ์ที่เข้าร่วมฟังการประชุมด้วย และได้กล่าวขึ้นว่า
“ในขณะที่เราทั้งหลายซึ่งเป็นฐานันดรใดฐานันดรหนึ่งใน 3 ฐานันดร กำลังประชุมกันอยู่นี้ ควรคำนึงไว้ด้วยว่า บัดนี้มีฐานันดรที่ 4 เกิดขึ้นแล้ว และฐานันดรนั้นกำลังนั่งฟังการประชุมของเราอยู่ ณ ที่นี้ด้วย”
นับแต่นั้นมา “นักหนังสือพิมพ์” จึงถูกเรียกว่า “ฐานันดรที่ 4”
และแม้ฐานันดรที่ 4 นี้ จะไม่ได้รับการคัดเลือกกลั่นกรองมาจากประชาชน แต่ด้วยเกียรติของวิชาชีพ ที่ต้องสื่อสารความจริงสู่สังคม ทั้งอยู่ในฐานะที่ใกล้ชิดข้อเท็จจริงและรับรู้ความเป็นจริงมากกว่าประชาชนธรรมดาทั่วไป ฐานันดรนี้จึงได้รับการคาดหวังให้แบกรับภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการขับเคลื่อนสังคมไปในทิศทางที่ถูกที่ควรด้วยเช่นกัน
ในอดีต ฐานันดรนี้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นที่พึ่งของประชาชน เป็นที่เกรงใจของนักการเมือง
ใครที่เกิดไม่ทัน หรือไม่เคยฟังเรื่องราวการต่อสู้และการทำงานเพื่อสังคมของฐานันดรที่ 4 ไทยในอดีต ลองไปหาอ่านเรื่องราวของ อารีย์ ลีวีระ เจ้าของวลี “คนหนังสือพิมพ์ตายเพื่อหน้าที่ได้ แต่เสรีภาพของหนังสือพิมพ์ต้องไม่ตาย” ไปอ่านเรื่องราวการต่อสู้ของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ แบบอย่างสุภาพบุรุษนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน และนักต่อสู้ทางการเมือง ไปอ่าน อิศรา อมันตกุล แบบอย่างของนักหนังสือพิมพ์ที่ทำข่าวเจาะ ผู้เคร่งครัดในหลักจริยธรรมวิชาชีพ ไปอ่าน ทวี เกตะวันดี ไปอ่าน นเรศ นโรปกรณ์ ประเวทย์ บูรณะกิจ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ไม่ก้มหัวให้ผู้มีอำนาจ ไม่ขายวิญญาณเพื่อแลกกับเงิน
ผมเอง แม้เคยอยู่ในวงการนี้เพียงช่วงสั้น ๆ แต่ก็โชคดีได้ใกล้ชิดนักหนังสือพิมพ์ดี ๆ จำนวนมาก ได้ศึกษาซึมซับสิ่งดี ๆ จากนักหนังสือพิมพ์รุ่นพี่เหล่านั้น ถูกสอน ถูกสั่งให้เกาะติดข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างชนิดกัดไม่ปล่อย ไม่ปล่อยจนจำได้ว่าวันหนึ่ง อาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงกลับหันมาพูดว่า “จะเอาอะไรกันนักหนา” เมื่อถูกตามจี้สัมภาษณ์เรื่องเดิม ๆ แบบกัดไม่ปล่อยแทบทุกวัน และในที่สุด เมื่อเรื่องพาดหัวข่าวหน้า 1 แทบทุกวัน เรื่องที่แทนจะเงียบหาย ก็ได้รับการแก้ไข
เรื่องตามข่าวสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อประชาชนแบบเจาะลึก แบบกัดไม่ปล่อยนี้ ถ้าหาแบบอย่างการทำงานของนักหนังสือพิมพ์รุ่นเก่าอย่าง อิศรา อมันตกุล ไม่เจอ ลองหาการตามข่าวแบบเจาะลึกของอาจารย์สมเกียรติ อ่อนวิมล ผู้ที่สามารถทำให้ข่าวทีวี ที่ไม่มีคนสนใจดู กลับมาคอยตั้งหน้าตั้งตาดูการทำข่าวของอาจารย์สมเกียรติเมื่อไม่กี่สิบปีนี้ดูก็ได้
เขียนเรื่องนี้ เพราะอยากเห็นฐานันดรที่ 4 ของเรา แสดงบทบาทให้สมเกียรติอย่างที่สังคมคาดหวัง อย่าให้รู้สึกว่า ทุกวันนี้ ฐานันดรที่ 4 ไม่มีแล้ว
มีแต่คนรายงานข่าว เขียนข่าว เขียนบทความ ตามกระแส ตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ และนายทุน แลกกับเงินเดือนไปวัน ๆ
ข่าวผู้มีอำนาจและบริวารที่ทุจริตโกงกินแล้วค่อย ๆ เลือนหายไป ข่าวนายทุนร่วมมือกับผู้มีอำนาจกักตุนเก็งกำไรสินค้า ข่าวคนมีเส้นคนมีเงินที่มีคดีแล้วหายสาบสูญไปอย่างธัมมชโยและบอส อยู่วิทยา หรือข่าวลุงพลที่คืบหน้าแค่คดีบุกรุกป่า แต่ใครมีส่วนฆ่าหรือทำให้น้องชมพู่ตายไม่รู้ เพราะมันอาจมีตอขวางอยู่มากมายในราวป่า ข่าวต่าง ๆ เหล่านี้ ฐานันดรที่ 4 ไปอยู่เสียที่ไหน ? ทำไมไม่ขุดค้นมันขึ้นมา ?
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี