ช่วงนี้มวลมหาอเมริกันรักบ้านรักครอบครัวโดยฉับพลันทั้งที่ช่วงนี้ใครๆ ก็ออกเที่ยว เพราะเป็นช่วงหน้าร้อนที่ครอบครัวอเมริกันรักบ้านกันปุบปับ เพราะเหตุผลสองข้อคือข้อแรกราคาน้ำมันที่พุ่งสูงอย่างชนิดที่เรียกว่าขึ้นทุกวัน บางเมืองขึ้นทุกครึ่งวัน ราคาตอนเช้ากับราคาตอนบ่ายไม่เท่ากันเสียแล้วขึ้นทีก็ตาเหลือกที เพราะนั่นหมายถึงเงินในกระเป๋าหดหายไปด้วยนาทีนี้ใครที่ใช้ประเภทเอสยูวี มินิแวน รถแวน หรือรถคันโตๆที่ซดน้ำมันเป็นว่าเล่นถึงกับทึ้งผมตอนเติมน้ำมัน
ผู้เขียนใช้รถอเมริกันคันขนาดกลางราคาไม่แพงแต่ขึ้นชื่อเรื่องประหยัดน้ำมัน น่าเสียดายที่เลิกผลิตไปแล้วคือรถเชฟโรเล็ตครูซ ที่ซื้อเพราะเรื่องประหยัดน้ำมันนี่แหละ หรือพูดง่ายๆคือ “งก” นั่นเอง อีกทั้งเหมาะกับครอบครัวสองคนหนึ่งตัวปกติเต็มถังประมาณ 30 ดอลลาร์ นาทีนี้เต็มถังคือ 60 ดอลลาร์แพงขึ้นเกือบเท่าตัว นี่ยังถือว่าพอทน บางคนเติมเต็มถังควักไปเกือบ 100 ดอลลาร์ บอบช้ำกันทั่วหน้า
พอน้ำมันแพง ราคาสินค้าก็ถีบตัวสูงตามเรื่องออกไปกินดื่มนอกบ้านคงต้องเพลาไว้ก่อนแค่ซื้ออาหารมาทำกินยังเลิ่กลั่กกันทุกครัวเรือน เพราะหมู เนื้อ ไก่แพงสาหัส ยิ่งบ้านไหนมีลูกนี่ไม่ต้องพูดถึง กำหมัดกัดฟันกรอดกันทั้งนั้นพวกที่ไม่เดือดร้อนกับน้ำมันแพงคือพวกชาวอามิชเพราะพวกนี้ใช้รถม้าทุกบ้าน แค่ป้อนหญ้าวักน้ำให้กินก็พอ
เปิดแผนที่แสดงราคาน้ำมันของสมาคมรถยนต์แห่งอเมริกา (AAA)เห็นราคาน้ำมันแต่ละรัฐแล้วขนลุกเกิดมาไม่เคยเจอราคาน้ำมันที่แพงขนาดนี้มาก่อนราคาเฉลี่ยคือแกลลอนละห้าดอลลาร์กว่าๆ ตอนลุงโจมารับตำแหน่งราคาอยู่ที่สองดอลลาร์นิดๆ เองลุงแกคงไม่ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกแน่นอน บอกตรงๆเพราะเหลือแค่ห้าเดือนก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอม
น้ำมันแพงด้วยเหตุผลสองข้อคือ โควิดระบาดกับสงครามยูเครนมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติที่เอาไว้เล่นงานรัสเซียกระเด้งกลับมาโดนหน้าตัวเองอย่างจังมันคว่ำบาตรกันยังไงถึงได้เดือดร้อนทั้งโลกแบบนี้บอกเลยว่าพี่หมีขาวไม่เดือดร้อนอย่างที่ลุงแซมคิดไม่เชื่อดูกรณีที่ร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขาในรัสเซียถอนตัวออกจากดินแดนหลังม่านเหล็ก ตอนนั้นลุงแซมคงสะใจว่า สมน้ำหน้าโว้ย ไอ้หมีขาวจากนี้ไปแกจะไม่ได้กินอาหารขยะของไออีกแล้ว ที่ไหนได้ตอนนี้ร้านทุกสาขาของแมคโดนัลด์ที่ปิดไปถูกแทนที่ด้วยร้านสัญชาติรัสเซียที่ผลิตแฮมเบอร์เกอร์สูตรปังเป๊ะเวอร์ขออภัยที่จำชื่อร้านภาษารัสเซียไม่ได้ แต่ชื่อร้านแปลว่า “อร่อย”ใครละเงิบ..ตอนนี้
ราคาพลังงานโดยรวมในเดือนพฤษภาคมสูงกว่าเดือนเดียวกันของปี 2021 เกือบๆ 35% ซึ่งมันเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานของอเมริกาในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 8.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปี
ปัจจัยข้อที่สองที่ทำให้อเมริกันรักบ้านแบบฉับพลันคือเหตุการณ์กราดยิงและการยิงกันกลางเมืองที่เกิดขึ้นในรัฐต่างๆ ทุกวันทำให้สถานการณ์โดยรวมดูไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นัก
เพราะช่วงที่ผ่านมามีแต่ข่าวการกราดยิงที่นั่นที่นี่ ไม่ว่าจะในห้างในโรงเรียน ในร้านเสริมสวย หรือแม้แต่ในโรงพยาบาลสรุปแล้วไปไหนได้มั่งเนี่ย
เคยเขียนเรื่องนี้ไปหลายรอบแล้วว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่ตลอดแต่ดูเหมือนว่าจะไม่จบสิ้นพอเกิดเหตุกราดยิงทีไรก็มีการเดินขบวนประท้วงทีหนึ่งจากนั้นก็เงียบหายไปในสายลมทุกยุคสมัยไม่เคยมีการสะสางจัดการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง
อาทิตย์ก่อนมีการเปิดอนุสรณ์สถานชั่วคราวเพื่ออุทิศแก่เหยื่อความรุนแรงจากอาวุธปืนทั่วประเทศที่สวนสาธารณะเนชันแนล มอลล์ ข้อมูลจากกลุ่มกัน ไวโอเลนซ์ อาร์ไคฟ์ (Gun Violence Archive) ระบุว่าอเมริกา เผชิญเหตุกราดยิง 247 ครั้ง ในช่วง 5เดือนที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตด้วยเหตุความรุนแรงจากปืนกว่า 18,800รายภาพดอกไม้สีขาวเกลื่อนสนามหญ้าใกล้อนุสาวรีย์วอชิงตันทำให้สะเทือนใจและโศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง เพราะหนึ่งดอกคือหนึ่งชีวิตและทุกดอกแทนจำนวนเหยื่อความรุนแรงจากปืนแต่ละปี
ผู้ประท้วงนับหมื่นรวมตัวในวอชิงตันและรัฐอื่นๆทั่วอเมริกาเรียกร้องสมาชิกรัฐสภาผ่านกฎหมายควบคุมความรุนแรงจากอาวุธปืน หลังเหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนประถมที่เท็กซัสผู้ชุมนุมบางคนเสนองดลงคะแนนให้นักการเมืองที่ขัดขวางความพยายามในการยกระดับมาตรการควบคุมอาวุธปืนในการเลือกตั้งกลางเทอมปลายปีนี้
ปัญหานี้ยืดเยื้อเรื้อรังมานานและไม่มีท่าทีว่าจะจบลงเพราะสาเหตุหลักอยู่ที่พรรคการเมืองรับเงินสนับสนุนจากสมาคมปืนยาวแห่งชาติ (The National Rifle Association – NRA) ทำเป็นหูหนวกตาบอดแล้วหนีไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กันหมดคงรอให้ประชาชนมะริกันตายหมดประเทศแล้วค่อยขยับมาออกกฎหมายมั้ง
สมาคมนี้มีอิทธิพลสูงมากในสภาและเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของพรรครีพับลิกันมีงบมหาศาลทุ่มให้กับการล็อบบี้นักการเมืองแถมยังมีสมาชิกที่เป็นผู้ออกเสียงอีกราว 5 ล้านคน เมื่อปี 2016เอ็นอาร์เอทุ่มงบประมาณ 4 ล้านดอลลาร์หรือ 133.5ล้านบาทไปกับการล็อบบี้ และอีกกว่า 50 ล้านดอลลาร์หรือ 1.7พันล้านบาท เพื่อหาเสียงสนับสนุนทางการเมือง
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สมัยกี่รัฐบาลกี่ประธานาธิบดีปัญหานี้ยังดำรงอยู่และยิ่งกลายเป็นบ่วงรัดคอประชาชนอเมริกันเพราะส่งผลต่อสังคมมากมาย ไม่ต้องดูอื่นดูไกลจะทำอย่างไรถ้าส่งลูกไปโรงเรียนแล้วไม่มีอะไรการันตีว่าเราจะได้เห็นหน้าลูกอีกวันนั้นอาจคือวันสุดท้ายที่ได้เห็นลูกเพราะบังเอิญมีเด็กสติพร่องหรือไอ้บ้าสักคนบุกเข้ามากราดยิงจนนักเรียนนับสิบรวมทั้งลูกของคุณเสียชีวิตโดยไม่ทันร่ำลาหากเรื่องนี้ไม่นับเป็นเรื่องใกล้ตัวก็คงไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว
สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐระบุว่า อเมริกาเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดเหตุกราดยิงเพื่อสังหารหมู่เป็นจำนวนมากครั้งที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3ของเหตุกราดยิงทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลก ไม่แปลกหรอกเพราะอเมริกาเป็นประเทศที่มีจำนวนอาวุธปืนหมุนเวียนในตลาดมากที่สุดในโลก อยู่ที่ประมาณ 270-310 ล้านกระบอกเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศอยู่ที่ราว 319 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าชาวอเมริกันแทบทุกคนมีปืนเป็นของตัวเองอย่างน้อยคนละ 1 กระบอก
ไม่รู้ว่าโศกนาฎกรรมเช่นนี้จะจบลงเมื่อไหร่เหมือนไม่สามารถหาความปลอดภัยใดๆ ได้ไม่ว่าจะทั้งในเมืองเล็กและเมืองใหญ่ เพราะความรัก ความชังความบ้าคลั่งไม่เข้าใครออกใครกระสุนจากความเกลียดชังอาจปลิวมาฝังร่างได้ทุกเมื่อและทุกที่ด้วยเหตุนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่อเมริกันสมควรรักบ้านนั่งดูทีวีกันอย่างสงบเสงี่ยมนะจ๊ะ
........................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี