วันนี้ 24 มิถุนายน 2565 ครบรอบ 90 ปี ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” (absolute monarchy ) มาเป็นระบอบ “ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ” (constitutional monarchy)
วันนั้น เมื่อ 90 ปีที่แล้ว ราษฎรชาวไทยจำนวนไม่น้อยต่างชื่นชม สนับสนุน กระทั่งเข้าร่วมช่วยเหลือคณะเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้ราษฎรส่วนใหญ่จะยังงง ๆ และไม่รับรู้อะไรเนื่องจากวิถีชีวิตห่างไกลการเมือง
วันที่ 10 ธันวาคม 2479 คณะราษฎร ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้นำหมุดทองเหลือง อันเป็นหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่า “หมุดคณะราษฎร” มาฝังอยู่กับพื้นถนนที่ลานพระบรมรูปทรงม้าด้านสนามเสือป่า ณ ตำแหน่งที่พระยาพหลพลพยุหเสนาอ่านประกาศคณะราษฎรในการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475
หมุดนี้มีข้อความจารึกไว้ว่า
" ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้ คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ "
จากวันนั้นถึงวันนี้ ประชาชนไทยได้ให้การต้อนรับระบอบการปกครองใหม่ที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ มีรัฐสภา มีผู้แทนราษฎรและนักการเมือง ที่ดีบ้างไม่ดีบ้างคละเคล้ากันไป
บริเวณหมุดคณะราษฎรกลายเป็นสถานที่จัดงานรำลึกถึงการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ในทุกวันที่ 24 มิถุนายน ทั้งยังเป็นสถานที่เคลื่อนไหวทางการเมือง
ในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ หมุดคณะราษฎรได้ถูกย้ายออกไปเก็บรักษาไว้ที่สภาผู้แทนราษฎร และมีการนำหมุดกลับคืนที่เดิมอีกครั้งในสมัยรัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร
กระทั่งต้นเดือนเมษายน 2560 ระหว่างวันที่ 3 – 7 ที่มีการปฏิสังขรณ์พระบรมรูปทรงม้า และมีการตั้งเต็นท์ขึงตาข่ายกรองแสงปิดรอบหมุดคณะราษฎร หมุดคณะราษฎร ก็หายไปอย่างลึกลับ และถูกแทนที่ด้วย “หมุดหน้าใส” ที่สลักข้อความว่า
“ ขอให้ประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน
“ ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง”
ก่อนหมุดคณะราษฎรจะถูกถอนหายไป มีการเคลื่อนไหวโจมตีทำลายและคุกคามการดำรงอยู่ของหมุดจากกลุ่มที่ชิงชังการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะราษฎรหลายครั้ง เช่น มีการนำวัสดุสีดำมาลาดทับ นำของแข็งมาขีดจนตัวหมุดเป็นรอยจำนวนมาก รวมทั้งมีการนำพระมาประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ ไม่นับถึงกรณีอื่น ๆ ที่ออกจะดูไร้สาระเกินกว่าจะกล่าวถึง
เมื่อหมุดคณะราษฎรหายไป หลายฝ่ายที่รักประชาธิปไตย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ลูกหลานของคนในคณะราษฎร ได้เข้าร้องเรียนกับทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและกับกรุงเทพมหนาคร แต่ก็ไม่มีผู้ใดได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าหน่วยงานไหนหรือบุคคลใดเป็นผู้รื้อถอนหมุดออกแล้วนำหมุดใหม่มาแทนที่
เขตดุสิตยืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยน ขณะที่ กทม. บอกว่ากล้องวงจรปิดทั้ง 11 ตัว บริเวณนั้น ได้ถูกถอดออกไปเพราะมีการปรับเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจรในวันที่ 31 มีนาคม จึงไม่รู้ว่าใครมาเปลี่ยนหมุด ส่วนกรมศิลปากรแจ้งว่าหมุดไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร และยังด้อยค่าของหมุดคณะราษฎรว่า
“ หมุดคณะราษฎร์ เป็นวัตถุที่พลเอกพระยาพหลพลหยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎร์ ได้นำมาติดตั้งไว้ในบริเวณลานพระราชวังดุสิตเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๙ ซึ่งเป็นเวลา ๔ ปี ภายหลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ดังนั้นหมุดคณะราษฎร์จึงมิใช่สังหาริมทรัพย์ที่เป็นประโยชน์ในทางประวัติศาสตร์ เพราะหมุดดังกล่าวมีลักษณะเป็นเพียงเครื่องหมายระบุตำแหน่งที่เคยมีการประกาศแถลงการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองเท่านั้น ”
ส่วนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุคคลที่มาจาก คสช. ในยุคนั้น ต่างออกมาปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น บ้างก็หลีกเลี่ยงไม่ยอมออกมาให้ทัศนะอะไร
ตัวพลเอกประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีบอกว่า ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง และ สตช. ติดตามสืบสวนสอบสวนแล้ว ก็ให้เป็นเรื่องของกระบวนการชุดสืบสวนสอบสวนต่อไป การพูดหรือทวงคืนอะไรก็ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น บอกว่า ไม่ทราบ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสามารถนำกลับมาได้หรือไม่ และรัฐบาลก็ไม่สามารถสั่งการอะไรได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช่เรื่องสำคัญ เพราะไม่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน
ในขณะที่ฟากฝ่ายอำนาจรัฐ ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการประจำ ออกมาปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น ไม่ใช่ความรับผิดชอบ ไม่ใช่หน้าที่นั้น การเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาชน ทั้งตัวบุคคลและองค์กร ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นำหมุดคณะราษฎรกลับมา กลับถูกคุกคาม ถูกควบคุมตัวไปสอบสวน ไปตั้งข้อหาสารพัดเท่าที่จะโยงไปถึง บางคนถูกนำเข้าเรือนจำ บางคนถูกนำเข้าค่ายทหาร
จนทุกวันนี้ 5 ปีแล้ว หมุดคณะราษฎรยังคงหายสาบสูญไป ไม่มีทีท่าว่าจะหาเจอ
มิหนำซ้ำ อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือ อนุสาวรีย์ปราบกบฏพระองค์เจ้าบวรเดช ที่เคยตั้งอยู่ ณ วงเวียนหลักสี่ ซึ่งภายในบรรจุอัฐิของนายทหารและตำรวจที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานภายใต้การดูแลของกรมศิลปากรแล้ว ก็มาอันตรธานหายไปทั้งอนุสาวรีย์ โดยไม่มีหน่วยงานใดออกมาให้ความกระจ่างได้
หมุดคณะราษฎรก็ดี อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญก็ดี รวมทั้งสัญลักษณ์เกี่ยวกับประชาธิปไตยทั้งหลายก็ดี ถ้าพูดตามภาษามาร์กซกับเองเกลส์ ก็ต้องพูดว่า
“ปีศาจตนหนึ่ง ปีศาจแห่งลัทธิประชาธิปไตยกำลังวนเวียนอยู่ในสยาม อิทธิพลทั้งปวงของสยามเก่า ทั้งระบอบจารีตและระบอบเผด็จการ ได้รวมกันเข้าเป็นพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อกำจัดปีศาจตนนี้”
แต่ถึงกระนั้น วันหนึ่งประวัติศาสตร์ก็จะสอนให้รู้ว่า
“ หมุดทองเหลืองนั้นถอนได้ แต่หมุดประชาธิปไตย ไม่อาจถอนไปจากใจประชาชน ”
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
24 มิถุนายน 2565
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี