เป็นเคราะห์กรรมของผู้หญิงชาวอินเดียในยุคโบราณบางคน ที่ต้องประสบกับชะตากรรมจากประเพณีสินสอดมรณะนี้ จนกระทั่ง ปีค.ศ. 1956
เพราะก่อนหน้าปี ค.ศ. 1956 ซึ่งเป็นช่วงที่อินเดียผู้ภายใต้การปกครองของอังกฤษอย่างเต็มรูปแบบ ที่เรียกกันว่า BRITISH RAJ นั้น สตรีชาวอินเดียไม่มีสิทธิในการรับมรดกจากบิดาที่เสียชีวิตไปแม้แต่รูปีเดียว
ไม่ว่าบิดาของเธอจะมีฐานะร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม
อาจเพราะเหตุนี้ ที่ทำให้ฝ่ายชายที่เป็นผู้ได้รับสินสอดจากฝ่ายหญิงมองว่า หากบิดาของภรรยามีฐานะร่ำรวย แต่หลังจากแต่งงานออกจากบ้านเดิมแล้ว เธอจะขาดจากการเป็นผู้รับมรดกจากบิดาในทันที
(ระบบสินสอดของอินเดีย ซึ่งเป็นมุมมืดของสังคม ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นการ์ตูนล้อเลียน)
แต่หากบิดาของฝ่ายหญิงยังมีชีวิตในช่วงที่ทั้งสองแต่งงานกัน บิดาของฝ่ายหญิงสามารถมอบทรัพย์สินเงินทอง บ้าน ที่ดิน และ ทรัพย์สินอื่นใดให้แก่ลูกสาวของตัวเองนำติดตัวไปยังบ้านสามีได้
นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่ง หรือเป็นที่มาของการจ่ายค่าสินสอดจำนวนมากของฝ่ายหญิงในอินเดีย
แม้ว่า การมอบสินสอดของฝ่ายเจ้าสาว จะมีข้อบังคับบางอย่าง เช่น ทรัพย์สินเงินทอง หรือ อสังหาริมทรัพย์ต่างๆที่ฝ่ายหญิงนำติดตัวไปบ้านเจ้าบ่าว จะเป็นทรัพย์สินของเจ้าสาวตลอดไป
ฝ่ายเจ้าบ่าว หรือ ครอบครัวของเจ้าบ่าวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ เป็นเจ้าของร่วมแต่ประการใด
เจ้าสาวที่มีบิดามีฐานะดี บิดาย่อมเป็นห่วงฐานะความเป็นอยู่ และ สถานะทางสังคม ของลูกสาวตนเองที่ต้องจากบ้านไปอยู่กับฝ่ายชาย บิดาจึงมักจะมอบความมั่นคงเอาไว้ให้เธอในจำนวนที่มากพอในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่
เพราะหากเขามีอันเป็นไปเสียก่อน ลูกสาวของเขาจะไม่สามารถรับมรดกใดจากเขาเลย ซึ่งนี่คือประเพณีปฎิบัติของชาวฮินดูในอินเดีย
(รัฐสภาอินเดีย ที่กรุงเดลี)
จนเมื่ออินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปีค.ศ. 1947 รัฐสภาอินเดียได้เล็งเห็นความไม่เป็นธรรมของสภาพสังคมของตัวเอง จึงได้ผ่านร่างกฎหมายมรดกของชาวฮินดูปี 1956 (THE HINDU SUCCESSION ACT , 1956) ซึ่งกำหนดให้สถานภาพของลูกสาว และ ลูกชายมีความเท่าเทียมกัน ทำให้ลูกสาวมีโอกาสที่จะได้รับมรดกจากบิดาของตนเองนับแต่นั้นมา
กฎหมายดังกล่าวครอบคลุมเฉพาะชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู ,ศาสนาซิกห์ และ ศาสนาเชน เท่านั้น รัฐบาลอินเดียอนุญาตให้ชาวมุสลิมในประเทศสามารถใช้กฎหมายชาเรีย หรือ กฎศาสนาของตนเองได้
กระนั้นก็ตาม ปัญหาเรื่องการที่ฝ่ายเจ้าสาวต้องนำเอาทรัพย์สมบัติจำนวนมากเสมือนเป็นสินสอดไปยังบ้านของเจ้าบ่าวก็ยังไม่หมดไป และ ยังก่อให้เกิดปัญหามากมาย
(วันแต่งงานที่มีความสุขของเจ้าสาว อาจเป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้ายไปตลอดชีวิตของเธอก็ได้)
เช่น ครอบครัวของฝ่ายหญิงที่ยากจนอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องการให้ลูกสาวของตนเองถูกครอบครัวฝ่ายชายดูถูกเหยียดหยาม หรือ ปฎิบัติต่อเธอในทางที่มีอคติ ก็อาจจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อจ่ายสินสอดที่ว่านี้
ในบางกรณีที่ครอบครัวฝ่ายหญิงไม่อาจหาเงินทองมาให้แก่ลูกสาวได้ และไปเจอครอบครัวฝ่ายชายที่มีอคติสูงมาก เธอก็อาจจะถูกครอบครัวฝ่ายชายกดดันในหลายรูปแบบ กลั่นแกล้งต่างๆนานา จนบางรายถูกสมาชิกในครอบครัวสามีร่วมกันทำร้ายจนเสียชีวิต หรือ บางครั้งหญิงสาวอาจจะทนไม่ได้จนต้องฆ่าตัวตาย
แล้วอินเดียจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
ติดต่อต่อในสัปดาห์หน้าครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี