ลุงแซมเผือกไปทั่วโลกจริงๆยุ่งขิงมาถึงเอเซียตะวันออกแถวญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้มียุมีแหย่ให้ไต้หวันกัดกับอาเฮียจีนแผ่นดินใหญ่แทนที่จะหยุดความเผือกไว้เท่านั้นดันขยับมาสุมไฟแถวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
ไม่ต้องดูอื่นดูไกลไอ้ม็อบเมียนมาที่ออกมาต้านรัฐบาลและสนับสนุนกลุ่มนางอองซานนี่มะริกันทั้งอวยทั้งดันทั้งควักเงินสนับสนุนแถมยังเที่ยวกระซิบกระซาบประเทศในอาเซียนให้ช่วยกันเผือกเรื่องเมียนมาจ้าละหวั่นทูตอเมริกันก็พยายามเหลือเกินจะให้ไทยเข้าไปจุ้นจ้านกับกิจการบ้านเมืองเมียนมาอยู่ตลอด
เดี๋ยวเล่าให้ฟังพอเป็นน้ำจิ้มเรื่องการพยายามแทรกแซงเมียนมาของอเมริกาทำมานานแล้วตั้งแต่ครั้งนายพลเนวินปิดประเทศโน่นเลย แต่อาการ 'ไม่เอา'รัฐบาลทหารเมียนมาของอเมริกาหนักหนาสาหัสเอาประมาณตั้งแต่หลังปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมามิใช่เพราะรัฐบาลทหารของเมียนมามีพฤติกรรมรุนแรงขึ้นหรอกแต่เป็นเพราะบทบาทของ 'จีน' ที่เพิ่มมากขึ้นในเวทีโลกและก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงความเป็น 'เบอร์หนึ่งของโลก'กับสหรัฐอเมริกาอย่างมีนัยสำคัญต่างหาก
ดูเหมือนว่าอาเฮียญาติดีกับเมียนมาเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปนานแล้วสาเหตุที่จีนต้องการมีอิทธิพลเหนือเมียนมาเพราะภูมิรัฐศาสตร์ของเมียนมาสำคัญที่สุดสำหรับจีนเป็นเส้นทางเดียวที่จีนจะใช้ผ่านเพื่อออกไปสู่มหาสมุทรอินเดียจีนต้องการให้มณฑลทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนอย่างยูนนานและเสฉวนสามารถออกทะเลทางมหาสมุทรอินเดียได้และต้องการให้เรือรบของราชนาวีจีนผงาดเหนือมหาสมุทรอินเดียเพื่อคุ้มครองเส้นทางขนส่งพลังงานจากตะวันออกกลางให้รอดปลอดภัย
ใครปิดทางออกมหาสมุทรอินเดียได้ก็สามารถบีบคอพญามังกรได้ด้วยเหตุนี้จีนจึงยอมเสียเมียนมาไม่ได้เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาที่ต้องเอาเมียนมาเป็นหุ่นเชิดให้ได้เรื่องนี้ขอเขียนถึงวันหน้า วกกลับมาที่เรื่องฐานทัพอเมริกาที่ปินส์ก่อนดีกว่า
ล่าสุดพี่ปินส์อ้าแขนรับมะริกันอย่างเต็มอกเต็มใจให้เข้าไปใช้ฐานทัพในบ้านตัวเองได้เต็มที่ เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้นะเพราะประเทศอาเซียนหลายประเทศทะเลาะกับจีนเรื่องหมู่เกาะสแปรดลีย์ยกเว้นพี่ไทยนี่แหละที่ไม่มีกรณีพิพาทกับจีนในเรื่องนี้ดังนั้นเลยต้องหาไม้กันหมาไว้ฟาดพญามังกรเพื่อพิงหลัง
ฟิลิปปินส์อนุญาตให้อเมริกาเข้าไปใช้ฐานทัพของตนเพิ่มอีก 4 แห่งรวมกับของเดิมเป็น 9 แห่งโดยให้เหตุผลว่าต้องการต่อต้านการแผ่ขยายอิทธิพลทางทหารของจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้ตลอดจนปมปัญหากับไต้หวัน
จริงๆ แล้วลุงแซมต้องการตั้งฐานทัพในบ้านเรานี่แหละพยายามอยู่หลายหน แต่เราก็ยิ้มๆ ไม่ตกปากรับคำแต่อย่างใดหวยเลยไปออกที่ปินส์แทน ดีแล้ว ถือเป็นวัวเคยค้าม้าเคยขี่เจ้าหน้าที่อาวุโสของฟิลิปปินส์คนหนึ่งเผยว่า
ทั้งสองประเทศกำลังเจรจาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเพิ่มฐานทัพอีกแห่งหนึ่งเป็นแห่งที่ 10 แนะนำให้ยกประเทศให้อเมริกาปกครองเลยก็ได้นะไหนๆ ก็เคยปกครองกันมาก่อนแล้ว
เรื่องนี้ก็คงแบ่งเค้กลงตัวแหละ ฝ่ายพี่ปินส์ได้เงินจากอเมริกาเพราะตกลงจัดสรรงบประมาณ 82 ล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในฐานทัพ 5 แห่งเดิม
พ่อเป็นยังไง ลูกก็เป็นอย่างนั้น สมัยมาร์กอสผู้พ่อจี๋จ๋าอเมริกาสุดติ่งตอนถูกไล่ออกนอกประเทศจนทิ้งทำเนียบหอบเมียเผ่นไปอยู่อเมริกาทิ้งรองเท้าหรูไว้ให้พลเมืองดูต่างหน้าเพียบพอลูกชายมาร์กอสได้เป็นประธานาธิบดีตอนนี้เลยอ้าแขนรับอเมริกาเหมือนพ่อ ไม่เหมือนตอนประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตปากแจ๋วที่ด่าอเมริการัวๆ เพราะรายนั้นฝักใฝ่จีนมากกว่าอเมริกา
อดีตผู้บัญชาการทหารของฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า อเมริกาขอเข้าถึงฐานทัพบนเกาะลูซอนซึ่งเป็นส่วนที่ใกล้ไต้หวันมากที่สุดและบนเกาะปาลาวัน ที่หันหน้าเข้าหาหมู่เกาะสแปรตลีย์ในทะเลจีนใต้หันมามองจีนบ้างว่ามีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า การที่สหรัฐฯสามารถเข้าถึงฐานทัพฟิลิปปินส์ได้เพิ่มขึ้นเช่นนี้ยิ่งขยายความตึงเครียดของภูมิภาคแถบนี้ให้ยิ่งบานปลายถือเป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์เข้าพบประธานาธิบดีมาร์กอส โดยให้ความมั่นใจกับผู้นำแดนตากาล็อกว่าอเมริกาจะยังคงให้ความช่วยเหลือเพื่อสร้างและปรับปรุงแสนยานุภาพของกองทัพฟิลิปปินส์ให้ทันสมัยเพิ่มความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกองทัพของสองประเทศ
เอาอีกแล้ว..พอจะใช้ประโยชน์ใครก็หวานขึ้นมาทันทีทำตัวยิ่งกว่าเซลล์แมนขายรถมือสองนะเนี่ย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นไปตามการวางหมากเกมการเมืองระหว่างประเทศของอเมริกาบรรดาผู้นำทางการเมืองและการทหารแห่ไปเยือนปินส์แบบหัวกะไดไม่แห้ง เวียนจีบจนปินส์หยวนให้ใช้ฐานทัพ ไม่เชื่อดูข่าวเก่าปีกลายเลยคณะบริหารของไบเดนประกาศ “ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ” เสียด้วย
เอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกาตั้งเป้าไว้ว่าในทศวรรษ 2020 จะเป็นทศวรรษที่ตัดสินชี้ขาดสำหรับอเมริกาและสำหรับโลก(นี่อเมริกาพูดเองเออเองทั้งนั้นนะ..ถามชาวโลกชาติอื่นหรือยัง)กำนดไว้ว่าจะลดการสู้รบขัดแย้งกัน (จริงเหรอ..)เน้นการส่งเสริมประชาธิปไตยเพื่อเอาชนะระบอบเผด็จการ(เดี๋ยวนะ..ใช้คำพูดไม่ถูกตั้งใจจะบอกว่าเน้นการส่งออกประชาธิปไตยเพื่อบีบไข่ชาติอื่นใหทำตามภายใต้ยี่ห้อประชาธิปไตยแบบอเมริกันสินะ )และการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แปลง่ายๆ แบบบ้านๆคงต้องสรุปว่ายุทธศาสตร์ชาติแห่งอเมริกาฉบับนี้พุ่งเป้าไปที่การแข่งขันกับจีนโดยตรง เพราะเป็นคู่แข่งขันเพียงรายเดียวของอเมริกาไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงระเบียบระหว่างประเทศใหม่การเพิ่มพูนอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจ การทูต การทหาร และเทคโนโลยีสรุปคือจากนี้ไปไอ้นกอินทรีหัวล้านจะเลี๊ยะพะกับพญามังกรทุกด้านเพื่อชิงความเป็นเจ้ายุทธจักรนั่นเองและการตั้งฐานทัพที่ปินส์ก็คือหนึ่งในยุทธศาสตร์การเมืองที่ว่านั้น
................................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี