วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แม้ผ่านมา 24 ปีแล้ว นับแต่ปี 2553 – ถึงปัจจุบันที่คุณทักษิณตั้ง “พรรคไทยรักไทย” เพื่อนำตนเองเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ผมยังจำภาพอันตื่นตาตื่นใจในช่วงการรณรงค์หาเสียงได้ดี ว่ายิ่งใหญ่และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในการหาเสียงได้อลังการมาก
คุณทักษิณไม่ใช่คนหน้าใหม่ในวงการเมือง แต่เพราะความเป็นเศรษฐีจึงมีคนชื่นชมและเลือกเขา แม้จะมีเสียงต่อต้านเพราะหวั่นว่าเขาจะ “โกง”ตามแบบฉบับการทำธุรกิจในการเมือง แต่ก็มีคนออกมาโต้ว่า “เขารวยแล้ว เขาไม่โกง”
คุณทักษิณเองก็ประกาศว่าตนรวยแล้ว จึงต้องการทำประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชน ก็แปลได้เช่นกันว่า “รวยแล้วไม่โกง” ผู้คนปลื้มกันมาก และผลของการเลือกตั้งก็คือพรรคไทยรักไทยได้เป็นรัฐบาลและคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ตลอดช่วงเวลา 4 ปีที่พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาลนั้นก็มีข่าวโกงมาตลอด โดยโกงจากโครงการใหญ่ๆ ที่มีการก่อสร้างและจัดซื้อจัดจ้างด้วยงบประมาณมหาศาล และรวมทั้งนโยบายต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสให้โกงรวมถึงมีการกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบด้วย
การโกงนั้นคนทั่วไปได้รับรู้แล้ว แต่พวกเทิดทูนเศรษฐีก็ออกมาสวนว่า “โกงไม่เป็นไรขอให้ประชาชนได้ประโยชน์”
ผลประโยชน์ของประชาชนที่ว่าก็คือนโยบายประชานิยม “ลด แลก แจก แถม”
แต่ก็ต้องบอกด้วยว่าหลายนโยบายของพรรคไทยรักไทยนั้นมีประโยชน์ แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายนั้นไม่คุ้มกันเลย หลายนโยบายล้มเหลว แต่ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ไม่ควรมีการโกงเกิดขึ้น
เลือกตั้งสมัยที่ 2 พรรคไทยรักไทยได้คะแนนเสียงมากกว่าครั้งแรก และแน่นอนว่าได้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง คุณทักษิณมั่นใจกับความสำเร็จและยิ่งใหญ่ของตนมากขึ้น นโยบายต่างๆ ก็มีทั้งเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ และมีนโยบายที่เปิดโอกาสให้มีการโกงมากขึ้นอย่างน่าวิตก
ผู้คนที่ต่อต้านคุณทักษิณก็มีมากขึ้นและเตือนว่า “นโยบายประชานิยมและการโกง” จะทำให้ประเทศชาติล่มจม มันมาปรากฏผลในยุค “พรรคเพื่อไทย” ด้วยนโยบายจำนำข้าว แม้ไม่ล่มจมแต่ก็ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างหนัก
วันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมด แต่พรรคเพื่อไทยก็ได้เป็นรัฐบาลอีกครั้ง คุณทักษิณที่เป็นนักโทษก็ได้กลับเมืองไทยอย่างเท่ๆ โดยไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่วันเดียว!
คนไทยจำนวนมากซูฮกเศรษฐีกันอย่างจริงจังจนดูเป็นค่านิยมไปแล้ว เศรษฐีจะทำอะไรก็มีคนปลื้ม พูดอะไรก็มีคนเชื่อ
เพราะคนในยุคเก่าเชื่อกันว่าเศรษฐี “เป็นผู้มีบุญ เป็นคนดี มีศีลธรรม” มาถึงปัจจุบันที่เป็นยุคของคนรุ่นใหม่ก็เชื่อกันว่าเศรษฐีนั้น“เก่ง ฉลาด ทันโลก มีความรู้ความสามารถ”
ความเชื่อของผู้คนจำนวนมากนั้นจึง “ปิดกั้น-กดทับลูกตา” ของพวกเขาเอง จนมองไม่เห็นว่าเศรษฐีนั้นมีทั้งคนดี–คนเลว กระทั่งชั่วจนไร้ที่ติก็มี!
ผลที่เศรษฐีมีอำนาจปกครองบ้านเมืองก็คือ บ้านเมืองแทบล้มละลาย เพราะการโกงสารพัดวิธี
สำหรับเศรษฐีนั้นไม่มี “ธุรกิจ” อะไรที่จะสร้างอำนาจและความมั่งคั่งได้รวดเร็วได้เท่ากับ “ธุรกิจการเมือง” แถมยังขยายอำนาจและผลประโยชน์ให้ธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่นอกการเมืองของตนได้ดีอีกด้วย
พอถูกจับได้ไล่ทันและมีคดีฟ้องศาล เศรษฐีออกมาโวยวายว่า “พวกอำนาจเก่ารวมหัวกันกลั่นแกล้ง” และ “ศาลไม่ยุติธรรม” พวกเทิดทูนเศรษฐีก็แห่แหนพูดตามกันและอวยให้กำลังใจกันอย่างมืดบอด
ตอนนี้ก็มีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์กับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
นโยบายซอฟต์พาว์เวอร์นั้นเป็นการตำน้ำพริกละลายน้ำ ส่วนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ก็ถูกทำให้ซับซ้อน เช่นเงิน 5 แสนล้านบาท ที่จะแจกนั้นต้องเปลี่ยนเป็นเงินดิจิทัลโดยเสียค่าใช้จ่าย 3 เปอร์เซ็นต์ แล้วแจกเป็นเงินดิจิทัล จากนั้นก็ต้องเปลี่ยนเงินดิจิทัลเป็นเงินบาทอีก ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายอีก 3 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงินบาทรวมแล้วก็ 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ก็ยังมีค่าสร้างแอปที่รัฐบาลเรียกว่า “ซูเปอร์แอป”อีก 12,000 ล้านบาท จากตัวเลขข้างบนนั้นรวมแล้วค่าใช้จ่ายก็อยู่ที่ประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท
ตัวเลขทั้งหมดนี้ยังไม่แน่นอน เป็นข่าวที่มาจากหลายแหล่ง และยังมีการเปลี่ยนแปลงได้อีก แต่ผมนำมาเป็นตัวอย่างให้เห็นว่านโยบายต่างๆ นั้น เปิดช่องให้โกงได้ทั้งนั้นยังไม่ได้กล่าวหาใครว่าโกง
พวกเทิดทูนเศรษฐีนี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้ประเทศชาติถูกโกง ส่วนคนโกงก็เสวยอำนาจต่อไป ไม่ต้องติดคุก พวกที่สนับสนุนคนโกงก็ได้รับผลประโยชน์เป็นเงินลด แลก แจก แถม
“รวยแล้วไม่โกง เมื่อโกงแล้วก็แบ่งกัน”
ประชาธิปไตยนั้นดี แต่ต้องไม่มีเศรษฐีฉลาดโกง และต้องไม่มีผู้เลือกตั้งโง่และโลภ
วิมล ไทรนิ่มนวล

ทลายรัง 'สแกมเมอร์' กลางเมืองสระแก้ว ยึดเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์
'กองทัพรัฐฉาน'ลดธงชาติไทใหญ่ แสดงความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
‘สีหศักดิ์’ ประชุมรมต.อาเซียน และเวทีประชาคมการเมืองฯอาเซียน
'อาร์ต พศุตม์'ประกาศรวมพลจิตอาสา ขับรถรับส่งประชาชน เริ่มวันพรุ่งนี้!
มท.สั่งด่วน! ผู้ว่าฯทุกจังหวัด จัดพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ'พันปีหลวง'

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี