ไม่ใช่แต่คนไทยเท่านั้นที่หลอกผี หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ฝั่งตะวันตกก็พบว่ามีการกระทำที่เรียกว่า “หลอกผี” มากมาย คฤหาสน์หลังหนึ่งในอเมริกาถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกผีเช่นกัน คฤหาสน์หลังพิสดารที่สุดในโลกชื่อวินเชสเตอร์ เป็น 1 ในบ้านที่ได้รับการโหวตให้เป็นบ้านที่น่ากลัวและลึกลับพิศวงที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา
ย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 19 ที่รัฐคอนเนติคัต โอลิเวอร์ วินเชสเตอร์ พ่อของวิลเลี่ยม วินเชสเตอร์ คิดค้นปืนแบบใหม่ซึ่งสามารถบรรจุกระสุนได้ทีเดียว 13 นัดจากที่เดิมยิงได้เพียงทีละนัด นับเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่สำหรับปืนไรเฟิลเลยทีเดียว
ความสำเร็จในการประดิษฐ์ปืนไรเฟิลรุ่น ปี 1873 ของวินเชสเตอร์ ทำให้วิลเลียม เวิร์ต วินเชสเตอร์ ผู้เป็นลูกชายขายปืนให้รัฐบาลอเมริกา และถูกนำไปใช้ในทางการทหารจนแพร่หลายไปทั่วโลกส่งผลทำให้ตระกูลวินเชสเตอร์ร่ำรวยมหาศาลชั่วพริบตา
ปี ค.ศ.1862 วิลเลี่ยมแต่งงานกับซาราห์ หลังจากแต่งงานได้ 4 ปี เธอให้กำเนิดลูกสาวคนแรกชื่อแอน ต่อมาแอนเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุหลังคลอดเพียงหกเดือน การตายของลูกสาวคนเดียวทำให้ซาราห์เสียสติใช้เวลาบำบัดนานถึง 10ปี จึงจะกลับมาปกติอีกครั้ง
ต่อมาสามีผู้เป็นทายาทคนเดียวของบริษัทผลิตปืนไรเฟิลเสียชีวิตลง ทิ้งเธอไว้กับมรดกก้อนโตแต่ดูเหมือนว่าเงินจะไม่ได้ช่วยอะไร ซาราห์โศกเศร้าเสียใจที่สุด ประกอบกับเป็นคนค่อนข้างเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ จึงไปปรึกษาคนทรงที่บอกว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณของสามีได้โดยบอกว่าที่สามีและลูกสาวตายเกิดจากวิญญาณของผู้เสียชีวิตด้วยปืนไรเฟิลที่ผลิต ทำให้วิญญาณเหล่านั้นตามรังควาน พรากชีวิตคนที่เธอรักไปทีละคนและคนถัดไปคือซาราห์นั่นเอง
วิธีแก้ไขคือให้ย้ายบ้านไปอยู่ทางฝั่งตะวันตกแทน ที่สำคัญจะต้องสร้างบ้านไปเรื่อยๆ โดยไม่มีวันหยุดและให้เกิดเสียงดังตลอดเวลา เพราะเสียงค้อนตอกตะปูในเวลาสร้างบ้านจะทำให้ปีศาจไม่กล้ามารบกวน ซาราห์เป็นคนเชื่อเรื่องโชคลางมาก จึงทำตามที่คนทรงแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยการจ้างช่างก่อสร้างให้ก่อสร้างและต่อเติมบ้านหลังนี้อย่างต่อเนื่องไมมีวันหยุดแม้แต่วันเดียว
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ประหลาดที่สุดในโลก จากบ้านเดิมที่มี 17 ห้อง บนเนื้อที่ 162 เอเคอร์ แต่ซาราห์ต่อเติมจนบ้านนี้กลายเป็นบ้าน 7 ชั้น มีห้อง 160 ห้อง โดยสร้างเต็มเนื้อที่ 4 .5 เอเคอร์ ประกอบด้วยห้องนอน ใหญ่ 40 ห้อง ห้องน้ำ 13 ห้อง ห้องจัดเลี้ยงและบอลรูม 2 ห้อง ห้องครัว 6 ห้อง ในบ้านมีบันได 40 แห่ง หลายแห่งสร้างไปชนเพดานเพื่อเป็นการหลอกผี มีตู้เสื้อผ้าหลายใบ เมื่อเปิดออกเจอแต่กำแพง แถมประตูบานหนึ่ง เมื่อเปิดออกจะตกลงไปในอ่างล้างชามห้องครัว
ซาราห์สร้าง "ห้องสีฟ้า" อันเป็นห้องลับสุดยอดที่เธอจะใช้ติดต่อกับวิญญาณ เพื่อช่วยคุ้มครองและแนะนำการต่อเติมบ้านให้เธอ ซาราห์เชื่อว่าพวกผีแต่ละตนแตกต่างกัน จึงให้สร้างประตูลับ ประตูกล บันไดหลอกและประตูปลอมเอาไว้มากมาย เพื่อไม่ให้วิญญาณมารังควานเธอ บ้านหลังนี้มีห้องนอนมากมายที่เธอจะแอบเข้าไปนอนโดยไม่บอกใครว่าคืนนี้จะนอนห้องไหน
เรื่องแปลกอีกอย่างในคฤหาสน์วินเชสเตอร์คือ หมายเลข 13 เป็นหมายเลขที่มีการใช้กันอยู่ทั่วไป เช่น ซาราห์จะนั่งกินโต๊ะอาหารค่ำของเธอตอนช่วงเที่ยงคืนพอดี โดยโต๊ะอาหารค่ำจะต้องจัดเอาไว้สำหรับ 13 คนทั้งๆที่มีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น และจัดเอาไว้แบบนี้มากว่า 30 ปี
เลข 13 ยังเป็นตัวเลขจำนวนห้องอาบน้ำ ขั้นบันได และสิ่งก่อสร้างอีกมากมาย เช่น บันไดบ้าน มี 13 ขั้น หน้าต่างมีช่องกระจก 13 ช่อง ต้นไม้ที่ปลูกสองทางเข้าบ้านนั้นมี 13 ต้น เชิงเทียนที่ปกติออกแบบให้ใส่เทียนได้ 12 เล่ม แต่ซาราห์สั่งทำใหม่ให้ใส่เทียนได้ 13 เล่ม ตู้เสื้อผ้าที่มีตะขอแขวนผ้าได้ 13 ชิ้นต่อตู้ บานกระจกที่มีแบ่งกรอบกรอบละ13 ส่วน
ห้องน้ำทุกห้องในคฤหาสน์จะมีประตูที่ทำจากแก้วเท่านั้น เพราะเธอเชื่อว่าวิญญาณกลัวภาพสะท้อนของตัวเองจึงต้องทำประตูกระจกเอาไว้หลอกวิญญาณ
นอกจากนี้ยังห้องจัดเลี้ยงให้วิญญาณเป็นพิเศษอีกห้องหนึ่ง ซาราห์รักเล่นเปียโนและออร์แกน จึงมักจะมาเล่นเปียโนในห้องนี้เพื่อให้ความเพลิดเพลินแก่บรรดาปีศาจในบ้าน มีเรื่องเล่ากันว่าหลังจากซาราห์เสียชีวิต วันดีคืนดีก็มีเสียงเปียโนดังแว่วมาจากห้องนี้หลังเที่ยงคืน
แม้ว่าจะหลอกผีได้เรื่อยๆ แต่ซาราห์ก็หลอกความตายไม่สำเร็จ เมื่อเข้าสู่ปีที่ 84 แห่งชีวิต ซาราห์นอนตายอย่างสงบบนเตียงนอน นาทีที่เสียชีวิต ช่างทุกคนถูกเลิกจ้างทันที เสียงตอกตะปูและก่อสร้างที่ดังต่อเนื่องมานานกว่า 36 ปี หยุดสนิทพร้อมกับจำนวนเงินมหาศาลกว่า 20 ล้านเหรียญหมดไปกับคฤหาสน์แห่งนี้
บ้านหลังนี้มีมูลค่า 5,500,000 ดอลล่าร์สหรัฐ มีห้องทั้งหมด 160 ห้อง สูง 4 ชั้นจากเดิม 7 ชั้น ห้องใต้ดิน 2 ชั้น ประตู 950 บาน หน้าต่างประมาณหมื่นบาน เตาผิง 47 เตาบันได 40 เตา และห้องจัดเลี้ยงอีก 2 ห้อง บ้านของเธอถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งจนสุดท้ายตกมาเป็นสมบัติของชาติ มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ.1973 และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ.1984
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี