วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ตลอดเวลา 8 ปีที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่บริหารประเทศ มีแต่เสียก่นด่าว่าพล.อ.ประยุทธ์โง่ ส่วนฝ่ายค้านโดยเฉพาะนางโฆษกพรรคเพื่อไทยที่แถลงข่าวครั้งใดก็จะพูดตอกย้ำว่า “4 ปีไม่มีผลงานอะไร 5 ปีไม่มีผลงานอะไร” พูดย้ำอยู่อย่างนี้ทุกปีจนปีที่ 8 ก็ยังพูดเหมือนเดิมเหมือนสมองตาย!
เป้าหมายที่พูดอย่างนี้ก็เพราะต้องการให้คนฟังบ่อยๆ เมื่อฟังบ่อยก็จะเชื่อไปเอง เพราะคนไทยไม่ชอบศึกษาหาข้อมูล ชอบพูดชอบฟังแล้วก็เชื่อง่ายยิ่งใครพูดบ่อยก็ยิ่งเชื่อว่าเป็นความจริง แม้แต่นางโฆษกพรรคเพื่อไทยที่ทั้งพูดทั้งฟังตัวเองก็คงเชื่อว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีผลงานจริง!
ผมจึงนำเอาผลงานของพล.อ.ประยุทธ์แปะไว้ในคอลัมน์นี้ เมื่อมีใครพูดก็จะได้ใช้เป็นยันต์แปะหน้าผากกลับไป
รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ได้วางโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เชื่อมโยงความเจริญไปสู่ทุกภาคในประเทศไทย ทั้งพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง, เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ในพื้นที่จังหวัดตาก มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา เชียงราย หนองคาย นครพนม กาญจนบุรี และนราธิวาส, และระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้แก่ 1.ภาคเหนือในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง 2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย 3.ภาคกลาง – ตะวันตกในจังหวัดนครปฐมพระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี และ 4.ภาคใต้ในจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อาทิ
- ทางอากาศ ปรับปรุงและสร้างสนามบินเพิ่มทั่วประเทศ รองรับนักท่องเที่ยวและการขนส่ง เช่น อาคารเทียบเครื่องบิน สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบิน สนามบินเบตง สนามบินกระบี่ สนามบินขอนแก่น สนามบินตรัง สนามบินนครพนม สนามบินสกลนคร
- ทางน้ำ โดยพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง
- ทางบก พัฒนาทางถนนเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 12,000 กิโลเมตร และมอเตอร์เวย์ 3 สายบางปะอิน-โคราช, บางใหญ่-กาญจนบุรี, พัทยา-มาบตาพุด รวม 260 กิโลเมตร, สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา และสะพานเชื่อมไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน, รถไฟฟ้า 12 สาย, โครงข่ายทางรถไฟ 4,044 กิโลเมตรครอบคลุม 47 จังหวัด แบ่งเป็น ทางคู่ 14 เส้นทาง ระยะทางประมาณ 2,500 กิโลเมตร, ทางรถไฟสายใหม่ 10 เส้นทาง, รถไฟความเร็วสูง 8 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,507 กิโลเมตร, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในเขต EEC และล่าสุด คือ ถนนสายเศรษฐกิจเส้นประวัติศาสตร์เชื่อมต่อ 4 ประเทศอาเซียนเข้าด้วยทางหลวงหมายเลข 12 รองรับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สายเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor–EWEC)
นอกจากนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังส่งเสริมผลักดันโครงการพัฒนาอย่างครบถ้วนทุกมิติ เห็นชัดจากถนนหนทางที่เพิ่มมากขึ้น ระบบรางรถไฟทั้งทางคู่และรถไฟความเร็วสูง-รถไฟฟ้าเชื่อมต่อกรุงเทพฯและปริมณฑล การปรับปรุงและเพิ่มสนามบิน-กู้วิกฤตสายการบินแห่งชาติ การวางเครือข่ายโทรคมนาคมและดิจิทัล อินเตอร์เนต-5G ครบวงจร ระบบพร้อมเพย์ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้านดาวเทียมและอวกาศ เช่น THEOS-2 ดาวเทียมสำรวจดวงแรกของไทยในระดับ Industrial Grade เตรียมส่งขึ้นสู่อวกาศเดือนกันยายน 2566 และในเดือนตุลาคม 2566 สำหรับ THEOS-2A แล้ว ยังส่งเสริมโครงการ “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” ด้วยเครื่องโทคาแมคเครื่องแรกของไทยเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสะอาด เป็น 1 ใน 5 ประเทศทั่วโลกที่มี และเร่งขับเคลื่อนนโยบายอวกาศให้เป็นรูปธรรมโดยศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างจัดตั้งท่าอวกาศยานในประเทศไทย เพื่อเป็นฐานสำหรับการส่งและรับยานอวกาศ หรือ spaceport พร้อมกับมุ่งเป้าเปลี่ยนทิศการขนส่งโลกมาไทยด้วยโครงการ “แลนด์บริดจ์” ในอนาคตอีกด้วย
ผลสำเร็จของการวางโครงสร้างพื้นฐานทั้ง ล้อ-ราง-เรือ-อากาศ-ดิจิทัล โทรคมนาคม และเครือข่ายอินเตอร์เนต 5G ที่ผ่านมาทำให้มีการสร้างความเจริญและการพัฒนาที่ยั่งยืนไปยังทุกจังหวัดทั่วทุกภาคในประเทศไทยจนธนาคารโลกจัดอันดับจากดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ประจำปี 2566 (LPI 2023) ในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้วยคะแนน 3.7 ทำให้ไทยอยู่อันดับ 9 ของโลกร่วมกับอีกหลายประเทศ เช่น กรีซ อิสราเอล มอลตา อังกฤษ
การดำเนินการพัฒนาประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2562 ไทยเป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียน 4 ปีซ้อน (อันดับที่ 44 ของโลก) และดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index -HDI) ของไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนามนุษย์ “ระดับสูงมาก” ของ UNDP ต่อเนื่องมา 3 ปี โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้เป็นทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ดำเนินการอย่างโปร่งใส ไร้การทุจริตคอร์รัปช่ัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น “มรดกแห่งความเจริญ” ที่ผลิดอกออกผลให้คนไทยได้รับประโยชน์ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
ประการสำคัญนอกเหนือจากความสำเร็จของทศวรรษแห่งการพัฒนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังวางโครงสร้างอนาคตของชาติด้วยการสะสมความมั่งคั่งและมั่นคงให้ประเทศชาติมาโดยตลอด เช่น ในปี 2565 ไทยอยู่ในอันดับที่ 12 ของโลก จากจำนวนสะสมเงินสำรองระหว่างประเทศและซื้อทองคำเข้าทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มมากที่สุดในเอเชีย ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมามีทองคำเพิ่มจาก 152.41 ตันมาอยู่ที่ 244.16 ตัน ทำให้ทุนสำรองที่เป็นทองคำเพิ่มขึ้นถึง 60.20% ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือของประทศไทยจากการจัดอันดับของทั้ง Fitch Moody’s และ S&P ให้มุมมองความน่าเชื่อถือ “ระดับมีเสถียรภาพ” และคงความน่าเชื่อถือไทย BBB+ สำหรับ Fitch และ S&P และ Baa1 สำหรับ Moody’s อย่างต่อเนื่อง
“ทศวรรษแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้เดินหน้าและพัฒนาความเจริญอย่างมีเสถียรภาพมาเกือบ 10 ปี สิ่งเหล่านี้คือการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างตรงไปตรงมา เพื่อขยายความเจริญไปทุกภูมิภาค และส่งผลถึงการจ้างงานการค้าขายทำธุรกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อประเทศไทยของเราทุกคน”
วิมล ไทรนิ่มนวล

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี