หลายครั้งที่ผมเขียนถึงการแทรกแซงจากประเทศต่างๆ ต่อประเทศไทยเรา และแสดงความรู้สึกว่า ไม่ไว้วางใจใครเลย ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างใกล้ๆ นี้ก็คือ การเข้ามาเป็นคนกลางของมาเลเซียในกรณีสงครามย่อยระหว่างไทยกับเขมร แม้ผู้นำมาเลเซียจะทำได้ในฐานะเป็นประธานอาเซียนที่เวียนมาตามวาระ แต่ผมคิดว่า มาเลเซียไม่ได้สนใจหรอกใครจะเป็นจะตาย เพราะเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นที่ชายแดนติดกับประเทศของตน เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาหรือจีนที่ส่งคนมาร่วมนั่งฟังการเจรจาหยุดยิง
ผมเชื่อโดยสุจริตใจว่าสิ่งที่ประเทศเหล่านี้สนใจคือผลประโยชน์ของตนในกัมพูชามากกว่า
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมามีการพูดถึง New World Order กันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ได้หมายถึงทีมมวยปล้ำชื่อดังในอเมริกา หรือทฤษฎีสมคบคิดที่ว่ายิวไซออนนิสต์จะควบคุมโลก แต่เป็นระเบียบโลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นจริงๆ
ตอนนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงในโลกพร้อมๆกันหลายด้านทั้งด้านความคิดทางการเมือง, ดุลอำนาจ และแนวคิดที่ว่าด้วยการจัดการปกครองทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายแหล่เหล่านี้
ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ, การค้า,การลงทุน และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในโลกซึ่งไม่มีประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถทำได้ตามลำพัง
จะเห็นได้ว่า ประเทศต่างๆ พยายามแสวงหาพันธมิตร ทั้งด้านการทหารและการปกครอง มีการตั้งกลุ่มประเทศพันธมิตรขึ้นมามากมายหลายกลุ่ม เพื่อการมีอำนาจต่อรอง
อเมริกาที่ทำตัวเป็นผู้คุมกฎของโลกมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยกำลังทางทหาร,การแทรกแซงทางการเมืองต่อประเทศต่างๆ ที่ไม่ยอมศิโรราบให้, การเป็นผู้กำหนดการเงินโลกด้วยดอลลาร์ รวมถึงป้อนใส่วัฒนธรรมและการบริโภคสู่พื้นที่อื่นๆ ตอนนี้ก็กำลังเสื่อมถอยอำนาจ
จีนทะยานขึ้นมาอย่างรวดเร็วตั้งแต่ยุคเติ้ง เสี่ยวผิง เรืองอำนาจ รัสเซียแม้จะแตกเป็นประเทศย่อยๆ หลังการยุบตัวลงของสหภาพโซเวียต แต่ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จากทรัพยากรที่มีอยู่มากมาย และการสร้างเสริมกำลังทางทหาร ขนาดประเทศตะวันตกรวมหัวกันแซงก์ชั่นมาจะ 20 ครั้งแล้วก็ดูเหมือนว่ายังทำอะไรรัสเซียไม่ได้ ประเทศที่ร่วมแซงก์ชั่นเองกลับกำลังหัวปักทางเศรษฐกิจ
แล้วน้องหนูที่น่าเอ็นดูอย่างไทยแลนด์จะทำยังไงดี
นึกถึงรายการเรียลิตี้โชว์ทางโทรทัศน์รายหนึ่งในอดีตชื่อ “กำจัดจุดอ่อน” ถ้าประเทศไทยเป็นคนที่เข้าแข่งขันในรายการ คงตกรอบแรกเพราะจุดอ่อนยุ่บยั่บเต็มไปหมด
อันที่จริง ประเทศไทยเรามีจุดแข็งอยู่มิใช่น้อย แต่ก็ถูกบดบังด้วยจุดอ่อนไปเสียหมด โดยเฉพาะการคอร์รัปชั่นที่มีอยู่ทุกระดับ ตั้งแต่นักการเมือง, ข้าราชการ และมาเฟียผู้มีอิทธิพล ทำให้การบังคับใช้กฎหมายย่อหย่อน การโยงใยของคนเหล่านี้สร้างปัญหาทั้งมวลที่เกิดขึ้นในประเทศ และอาจจะทำให้ไทยเสียประโยชน์ในสากล
ในความเปลี่ยนแปลงใหญ่ ซึ่งเป็นที่มาของระเบียบโลกใหม่ ผมผ่านตาบทความและบทวิจัยหลายชิ้น มักมีข้อแนะนำคล้ายๆ กัน ในด้านการดำรงอยู่ในโลกว่า ประเทศไทยต้องดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับทุกประเทศ, รักษาดุลแห่งอำนาจ ไม่ปล่อยให้มหาอำนาจฝ่ายใดมากดดัน, ต้องรักษาสถานะพี่ใหญ่ของอาเซียน, ต้องเป็นทางเลือกสำคัญของนานาประเทศในด้านการค้าและการลงทุน ฯลฯ อะไรทำนองนี้
อ่านบทความหรือบทวิจัยแล้วก็ชวนเคลิบเคลิ้ม แต่จะทำได้จริงหรือ? เมื่อเรายังมีนักการเมืองห่วยๆ ขึ้นมามีอำนาจรัฐ
ผมไม่ได้ฉลาดเท่าคนพวกนี้หรอกเป็นแค่ประชาชนคนหนึ่งที่เชื่อว่า ทุกประเทศต้องการนักการเมืองที่มีฝีมือ ฉลาดพอที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความก้าวหน้า ขณะเดียวกัน ก็ต้องการ
นักการเมืองที่ซื่อสัตย์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ และเป็นตัวอย่างที่ดีงามให้สังคม
ถ้าคนส่วนใหญ่ของเรามีสำนึกในเลือกคนดีๆ ปัญหาที่มีอยู่ ไม่ว่าระดับนานาชาติหรือภายในชาติ แม้จะไม่หมดไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็จะเบาบางลง พอให้หายโล่งมากขึ้น
เมื่อก่อนยังพอมองเห็นคนที่พอจะฝากความหวังไว้ได้บ้าง แต่ตอนนี้ไม่เห็นสักตัว
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี