ในที่สุด ประเทศไทยก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เรียบร้อยแล้ว คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย งานนี้อาจจะมีคนรู้สึกคั่งแค้น ถึงขนาดต้องบินไปตั้งหลักถึงตะวันออกกลางส่วนจะกลับมาตามที่ลั่นวาจาไว้หรือไม่ ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเขียนต้นฉบับนี้ล่วงหน้า

ก่อนจะลงคะแนนเลือกนายกฯ ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็เปิดโอกาสให้สส.ได้โชว์ฝีปากกันพรรคใหญ่ฝ่ายที่จะหมดอำนาจก็แน่นอนว่า อึดอัดในหัวอก ต้องระบายออก พรรคเพื่อไทยส่งบรรดาทวยทาสรุ่นเก่าแก่มาโจมตี เน้นหนักไปที่พรรคประชาชนที่ตกลงจะหนุน อนุทิน ไม่ยอมหนุน นายชัยเกษม นิติสิริ

อาการที่แสดงออกมา พอจะรวมนิทานอีสปเรื่อง “หมาจิ้งจอกกับองุ่นเปรี้ยว” และ “หมาจิ้งจอกหางด้วน” เข้าด้วยกันได้

การโจมตีพรรคประชาชนถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นทางโซเชียล มีเดียยุคนี้ ก็ต้องบอกว่า “ไปใส่ใจอะไรกับเขานักหนา” แต่ถ้าเป็นภาษาบ้านๆ ก็คือ “ไปเสือกอะไรกับเขาก็ไม่รู้” พรรคไหนจะตัดสินใจยังไงก็เป็นสิทธิ์ของเขา

ส่วนหัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ก็ไม่ได้ดีเด่กว่ากันเท่าไหร่ โดยเฉพาะตอนอภิปรายว่า “วันนี้พรรคประชาชน ไม่ได้เลือก คุณอนุทิน มาบริหารประเทศ เราเลือก คุณอนุทิน ชาญวีรกูล มายุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใต้กรอบเวลาที่ตกลงกันและเปิดประตูสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

อ้าวเฮ้ย! ไม่ให้นายกฯบริหารประเทศแล้วจะมีนายกฯไว้ทำซากอะไร

ผมลองอ่านหนังสือทางจิตวิทยาผสมกับความจริงทางการเมืองในบ้านเรา คนที่พูดแบบนี้ในที่สาธารณะได้นั้น พอจะประเมินได้ว่า น่าจะมีสาเหตุอยู่สองสามประการ คือ มีปมบางอย่างกดทับทางจิตใจ, เห็นแก่ตัวถึงขั้นสุด, มีจิตใจเป็นเผด็จการฝังอยู่ หรือได้รับคำบัญชาจากเจ้าของพรรค อย่างใดอย่างหนึ่ง คิดนอกเหนือจากนี้ได้ยาก

แต่คงไม่ใช่เพี้ยนแน่ๆ เพราะคนที่ก้าวขึ้นมาเป็นถึงหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ก็ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น

สรุปแล้ว พอกันหมด

เอาล่ะ! เลิกให้ความ “ใส่ใจ” กับคนพวกนี้หันมาดูแสงสว่างสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งผมเก็บความมาจากสำนักข่าว ดับเบิ้ลยูไอโอเอ็น ของอินเดีย,อาร์ที นิวส์ ของรัสเซีย และเพจหมอของไทยเรา เอาแบบย่อๆ เพราะเจอศัพท์ทางแพทย์เข้าไปก็มึนตึ้บแล้ว

ตอนนี้รัสเซียได้พัฒนาวัคซีนชื่อ เอนเทอโรมิกซ์ (Enteromix) เป็นวัคซีนชนิดแรกที่มีพื้นฐานเดียวกับเทคโนโลยี mRNA ที่ใช้ในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเขาบอกว่าการพัฒนามีผลดีและปลอดภัย 100% หลังจากทำการวิจัยและทดลองในมนุษย์แล้ว พบว่าช่วยลดขนาดก้อนเนื้องอกและทำลายเซลล์มะเร็งได้จริง

เอนเทอโรมิกซ์ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์วิจัยรังสีวิทยาทางการแพทย์แห่งชาติของกระทรวงสาธารณสุขรัสเซีย ร่วมด้วย สถาบันชีววิทยาโมเลกุลเอนเกลฮาร์ดท์ แห่ง สถาบันวิทยาศาสตร์รัสเซียน ได้พัฒนาวัคซีนที่แตกต่างจากคีโมหรือฉายแสงแบบดั้งเดิม ใช้การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และมีการทดลองใช้ระยะแรกไปบ้างแล้วที่ศูนย์เนื้องอกหลายแห่งในรัสเซีย

อีกแง่มุมที่สำคัญของวัคซีนตัวนี้คือ ไม่มีรายงานว่า เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงระหว่างวิจัยในผู้ป่วย

คนได้รับประโยชน์จากวัคซีน เอนเทอโรมิกซ์ก็คือผู้ป่วยด้วย มะเร็งปอด, ทรวงอก, ลำไส้ใหญ่ หรือ ตับอ่อน ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในกลุ่มมะเร็งทางพันธุกรรม และผู้ไม่ตอบสนองต่อการรักษาคีโม ก็สามารถใช้วัคซีนได้ รวมถึงคนป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องไม่สามารถทนทานต่อการรักษาแบบดั้งเดิม

แต่มีข่าวระยะหลังจากโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นออกมา เทคโนโลยี mRNA ก็มีผลข้างเคียง ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (pericarditis) ผมก็เลยไปอ่านข้อมูลของ อ.นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รายละเอียดไม่ต้องไปรู้ เพราะรู้แล้วก็จำไม่ได้อยู่ดี บางตอนบอกว่า

“วัคซีนแต่ละชนิดนั้น จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย วัคซีนกลุ่ม mRNA จากการวิจัยพบว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีผลข้างเคียงที่มีคนเริ่มกังวลในวัคซีนกลุ่มนี้ ได้แก่ การเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเจอได้มากขึ้น

“สาเหตุยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าตัววัคซีนเองหรือสารประกอบ ทำให้ภูมิต้านทานของเราไปทำร้ายกล้ามเนื้อหัวใจ เป็นผลให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ แต่อุบัติการณ์ในการเกิดพบน้อยมาก โดยพบจากผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA ประมาณเฉลี่ย 12 คนในล้านคน”

อาจจะเป็นเพราะช่วงโควิด-19 ระบาด เร่งรีบทำกันมากเกินไปหน่อย ยังไม่ครบถ้วน หรืออาจยังไม่ได้ทดลองในมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่หลังจากผ่านมา 5 ปี ตอนนี้อาจจะเป็นคนละเรื่อง

ข่าวจาก อาร์ที นิวส์ บอกว่า ตอนนี้วัคซีนเอนเทอโรมิกซ์ แค่รอคอยการอนุมัติสุดท้ายจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเปิดตัวและปล่อยออกมาให้ใช้กันทั่วไป

และถ้าเป็นจริงตามที่สำนักข่าวใหญ่ระดับโลก 2 สำนักว่ามา คนป่วยโรคมะเร็งนับล้านๆในโลกนี้ก็จะได้พบความหวัง โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานกับการฉีดคีโมและฉายแสงเสียที

ทิวา สาระจูฑะ