โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
การโจมตีของกองทัพอากาศอินเดียต่อค่ายฝึกกองกำลังก่อการร้ายที่บาลากอต ในเขตแดนของปากีสถาน เป็นการโจมตีแบบรวดเร็วฉับไว มาเร็วจบเร็ว
เป็นการโจมตีทางอากาศของอินเดียครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามระหว่างทั้งสองชาติในปี 1971 ซึ่งเป็นสงครามเพื่อเอกราชของประเทศเกิดใหม่คือ บังคลาเทศ
หลังการโจมตีครั้งนั้น อินเดียออกมาแถลงข่าวว่า ตนเองประสบความสำเร็จในการทำลายค่ายฝึกสอนผู้ก่อการร้ายในเขตปากีสถาน
(บาลากอต ซึ่งอยู่ในปากีสถานใกล้พรมแดนอินเดีย(สีเทา)-ภาพจากวิกิพีเดีย)
ขณะเดียวกัน ปากีสถานก็ออกมาประกาศเช่นกันว่า เครื่องบินรบของอินเดียทิ้งระเบิดลงในพื้นที่ป่าเนินเขาที่ไม่มีผู้อาศัยในเขตของเมองบาลากอต และบอกว่า ตนเองเป็นฝ่ายประสบความสำเร็จในการปกป้องตัวเอง และ สามารถยิงเครื่องบินรบของอินเดียจนตกได้
เป็นลักษณะของสงครามจิตวิทยาต่อกันมากกว่า
การโจมตีทิ้งระเบิดที่บาลากอต ในปี 2019 เพื่อเป็นการตอบโต้การใช้ระเบิดคาร์บอมสังหารหน่วยรักษาความปลอดภัยของอินเดีย และเป็นการทำลายฐานปฎิบัติการของผู้ก่อการร้ายในดินแดนปากีสถาน มีผลทำให้ความเคลื่อนไหวของฝ่ายก่อการร้ายเงียบลงไปมากทีเดียว
โดยเฉพาะในรัฐแคชมียร์
จะเห็นว่า หากประเทศใดๆก็ตามต้องการจะขจัดภัยก่อการร้ายของตัวเอง ไม่ว่าภัยนั้นจะหนักหนาร้ายแรงขนาดไหน ก็สามารถปราบปรามลงได้ ถ้าเอาจริง
แต่แผนการของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี จากพรรคภารติยะ ชันนะตะ ไม่ได้หยุดเพียงแค่กำหราบพวกก่อการร้ายตรงชายแดนรัฐแคชเมียร์เท่านั้น เขามีแผนที่ยิ่งใหญ่และยากที่จะทำให้สำเร็จรออยู่ในมือแล้ว
ภารกิจสำคัญที่ว่าก็คือ การยกเลิกมาตรา 370 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลเนห์รู ของพรรคคองเกรสในอดีตเมื่อเกือบ 70ปีที่แล้วได้วางยาพิษเอาไว้ให้แก่ประเทศอินเดีย
(ราจีฟ คานธี นายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของพรรคคองเกรส จากตระกูลเนห์รู ก่อนถูกสังหาร-ภาพจากวิกิพีเดีย)
แน่นอนว่า อินเดียภายใต้รัฐบาลเสียงข้างมากจากพรรคคองเกรสที่ครองอำนาจมาตลอดตั้งแต่ปี 1947 เรื่อยมาจนกระทั่ง ราจีฟ คานธี ทายาททางการเมืองคนสุดท้ายของอินทิรา คานธีถูกสังหารในปี 1984 เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ เพราะหากยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ก็เท่ากับว่า พรรคคองเกรสยอมรับว่าบรรพบุรุษของเขาได้ทำการที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศ
หรือแม้กระทั่งหลังจากปี 1984 ที่รัฐบาลเปลี่ยนหน้าการคุมอำนาจจากพรรคคองเกรส สลับให้พรรคโน้นพรรคนี้ ขึ้นบริหารประเทศเป็นช่วงๆ ก็ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใดที่คิดจะยกเลิกกฎหมายฉบับนี้
หรืออาจจะคิด แต่เจอทางตัน
จนพรรคภารติยะ ชันนะ ได้รับฉันทามติจากประชาชนให้เป็นผู้บริหารประเทศโดยมีนายนเรนทรา โมดี เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่การเลือกตั้งสมัยแรกในปี 2014 เขาจึงนำความคิดนี้มาทำให้เกิดผลอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากพรรคภารติยะ ชันนะ ไม่ได้รับฉันทามติให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ในปี 2018 แนวความคิดนี้ก็อาจไม่เกิดก็ได้
เชิญร่วมเดินทางเจาะลึกอียิปต์แบบ 'ทัวร์พรีเมี่ยม' โรงแรมดี ล่องเรือระดับ 5 ดาว อาหารดีตามโรงแรม 5 ดาว และโปรแกรมครบครัน บรรยายชมโดยผู้เชี่ยวชาญทัวร์อียิปต์มากว่า 40 ปี และ เป็นผู้เขียนหนังสือไกด์บุ๊ค 'อียิปต์-กรีซ-ตุรกี' บรรยายชมอย่างละเอียด ไม่ใช่ปล่อยให้เดินดูเอง มีเพียง 3 ทริป คือ ตุลาคม , ธันวาคม และกุมภาพันธ์ปีหน้า สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID - 14092498
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี