(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช) เป็นกองทุนที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับผู้ที่ทำงานอิสระ เช่น เกษตรกร อาชีพรับจ้างรายวัน ฯลฯ ซึ่งแต่เดิมคนกลุ่มนี้จะไม่ได้สวัสดิการเหมือนกับพนักงานเอกชนหรือข้าราชการที่จะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ซึ่งจะได้รับการสมทบจากนายจ้างหรือรัฐ เพราะฉะนั้นคนที่มีสิทธิ์ในการได้รับสิทธิประโยชน์เต็มขั้นจากกองทุนนี้ คือ “ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนที่ได้รับการสมทบจากนายจ้างหรือรัฐ” ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่ประกอบอาชีพอิสระ กอช. จะให้ส่งเงินเข้ากองทุนได้ตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี ถึง ๖๐ ปี
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครกองทุนการออมแห่งชาติ
๑.เป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ ๑๕ ปี ถึงไม่เกิน ๖๐ ปีบริบูรณ์
๒.ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข)
๓.ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร
๔.ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น
๕.ไม่เป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม
๖.ไม่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
๗.ไม่เป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
๘.ไม่เป็นสมาชิกกองทุนอื่นหรืออยู่ในระบบบำนาญอื่นตามที่จะกำหนดกฎกระทรวง
การจ่ายเงินสะสมเมื่อเป็นสมาชิกและเงินสะสมของภาครัฐ
สมาชิกกองทุนการออมจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนไม่ต่ำกว่าเดือนละ ๕๐ บาท และไม่เกิน ๑๓,๒๐๐ บาท ต่อปี โดยรัฐจ่ายสมทบให้ตามสัดส่วนดังนี้
๑.อายุ ๑๕-๓๐ ปี รัฐจ่ายให้ ๕๐% ของเงินสะสมแต่ไม่เกิน ๖๐๐ บาท ต่อปี
๒.อายุ ๓๐-๕๐ ปี รัฐจ่ายให้ ๘๐% ของเงินสะสมแต่ต้องไม่เกิน ๙๖๐ บาท ต่อปีและ
๓.อายุมากกว่า ๕๐ ปี แต่ไม่เกิน ๖๐ ปี รัฐจะสมทบจ่ายให้ ๑๐๐% ของเงินสะสม แต่ไม่เกิน ๑,๒๐๐ บาท ต่อปี
การจ่ายเงินให้แก่สมาชิก มี ๒ กรณีคือ
๑.กรณีที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ จะได้รับบำนาญจากเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์จากเงินดังกล่าว ไปตลอดอายุขัย และคืนเงินให้กับผู้มีสิทธิ์รับผลประโยชน์ หากยังมีเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีของสมาชิกผู้นั้น
๒.กรณีที่สมาชิกทุพพลภาพก่อนอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์สมาชิกจะขอรับเงินสะสมและผลประโยชน์ ของเงินสะสมทั้งหมดหรือบางส่วนจากกองทุนก็ได้ โดยให้ขอรับได้เพียงครั้งเดียว ส่วนเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบจะจ่ายเป็นบำนาญให้สมาชิกเมื่ออายุครบ ๖๐ ปี ซึ่งในกรณีที่สมาชิกคงเงินไว้ในกองทุนทั้งหมดหรือบางส่วน จะนำเงินที่คงไว้นี้มาคำนวณจ่ายบำนาญด้วย
กรณีที่สมาชิกเปลี่ยนงานและทำให้สมาชิกได้รับความคุ้มครองหรือหลักประกันทางรายได้เพื่อการชราภาพตามกฎหมายอื่นที่มีรัฐหรือนายจ้างจ่ายสมทบเข้ากองทุน หรืออยู่ในระบบบำนาญใดๆ สมาชิกสามรถคงเงินไว้ในกองทุนและคงการเป็นสมาชิกต่อไป โดยไม่ต้องจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนและรัฐไม่ต้องจ่ายเงินสมทบให้
ทั้งนี้ รัฐบาลจะรับประกันให้สมาชิกได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการนำเงินสะสมและเงินสมทบไปลงทุนไม่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท ๑๒ เดือนโดยเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์แห่งใหญ่ ๕ แห่ง ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยจะคำนวณเปรียบเทียบผลตอบแทนที่ได้รับกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำดังกล่าวในวันที่สมาชิกสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปี หรือเสียชีวิต
สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ ๑.ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ ๒.ธนาคารออมสิน ทุกสาขาทั่วประเทศ ๓.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทุกสาขาทั่วประเทศ
หลักฐานการสมัคร บัตรประจำตัวประชาชน
๖.ประเด็น “การส่งเสริมการออมในชุมชน” โดย ผู้แทนกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์ในพื้นที่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงมีแนวคิดในการนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างหนึ่ง เรียกว่าการระเบิดจากข้างใน คือ การพัฒนาชุมชนให้อยู่รอด พอมีพอกิน เข้มแข็ง และพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงเสียก่อน จากนั้นจึงขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสร้างความเข้มแข็ง เริ่มจากในระดับหมู่บ้าน ให้เป็นรูปธรรมโดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ โดยกลุ่มออมทรัพย์ที่จะนำเสนอคือ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โดยเริ่มการทดลองจัดตั้งกลุ่มการออมนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดสตูล โดยเริ่มแรกนั้นปัญหาที่พบคือ ชาวบ้านขาดการรวมตัว ขาดการออมขาดเงินทุนสำหรับการประกอบอาชีพ และพบปัญหาหนี้นอกระบบเป็นจำนวนมาก จากปัญหาที่พบเหล่านั้น กรมการพัฒนาชุมชนได้ลงพื้นที่ชุมชนเพื่อสอนการเรียนรู้และจัดตั้งกลุ่มและบริหารงานโดยคณะกรรมการ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในชุมชน และสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมในระดับพื้นที่ของประเทศให้มีความเข้มแข็ง แล้วก็จะขยายผลในวงกว้างออกไปสู่ระดับจังหวัด ภูมิภาค และระดับประเทศต่อไป
ตัวอย่างกลุ่มออมทรัพย์ที่กรมการพัฒนาชมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ส่งเสริมและสร้างวินัยการออมให้กับชุมชนที่ประสบความสำเร็จ คือ
๑.กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เป็นการรวมตัวกันของประชาชนเพื่อช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยการประหยัดทรัพย์แล้วนำมาสะสมทีละเล็กทีละน้อย เป็นประจำสม่ำเสมอ เรียกว่า “เงินสัจจะสะสม” เพื่อใช้เป็นทุนให้สมาชิกที่มีความจำเป็นกู้ยืมไปใช้ในการลงทุนประกอบอาชีพหรือเพื่อสวัสดิการของตนเองและครอบครัว
ปัจจุบันมีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต จำนวน ๒๖,๓๖๘ กลุ่ม มีสมาชิก จำนวน ๓,๘๓๒,๒๙๐ คน
และเงินสัจจะสะสม จำนวน ๓๐,๘๑๘.๔๙ ล้านบาท
๒.กองทุนชุมชนหนุนเสริมสัมมาชีพ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับครัวเรือนในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงมีรายได้สูงกว่าเกณฑ์ จปฐ.
๓.ศูนย์จัดการกองทุนชุมชนบริหารจัดการหนี้ไปสู่๑ ครัวเรือน ๑ สัญญา มีเป้าหมายเพื่อเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการเงินทุนในหมู่บ้าน/ชุมชน ให้มีประสิทธิภาพ โดยเน้นเรื่องการจัดการไม่ได้เน้นเรื่องการรับฝากเงิน แต่เวลาดำเนินงานอาจมีกิจกรรมรับฝากเงินด้วย เจตนานำเงินไปบริหารจัดการกลุ่มไม่ได้มีเจตนาเพื่อนำไปให้กู้ยืม
ข้อสังเกต เนื่องจากกองทุนการออมของหมู่บ้านที่กรมการพัฒนาชุมชนให้การดูแลสนับสนุนนั้น ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก หากกองทุนการออมแห่งชาติจะเข้าไปพัฒนาร่วมกัน จะเป็นผลดีต่อผู้สูงอายุและจะเป็นการส่งเสริมการออมอีกทางหนึ่ง
ข้อคิดเห็น “แรงงานนอกระบบกับการออมเพื่อสร้างหลักประกันรายได้ (บำนาญ) ในวัยสูงอายุ” เป็นข้อคิดเห็นจากวิทยากรได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี มีเป้าหมายการพัฒนาประเทศภาพรวม คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุขเศรษฐกิจพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สังคมเป็นธรรม ฐานทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน” ซึ่งมีคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ๖ ด้าน คือ ความมั่นคง การสร้างความสามารถในการแข่งขันการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม การสร้างการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
(อ่านต่อฉบับหน้า)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี