หลังจากที่เราพบว่ามีปลาที่เริ่มแสดงอาการป่วยแล้ว วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการเตรียมปลาออกมาเพื่อปฐมพยาบาลกันครับ
@ สิ่งที่เราต้องเตรียมสำหรับการแยกปลาออกมา
1. ภาชนะสำหรับแยกปลาป่วย แยกปลามารักษาโดยเฉพาะ ถ้าเป็นปลาขนาดเล็กถึงขนาดกลางก็นิยมใช้ตู้กระจกที่มีความจุน้ำอย่างต่ำสัก 50 ลิตร ถ้าเป็นปลาใหญ่ๆ ก็อาจใช้ตู้ขนาด 150 ลิตรขึ้นไปหรือไม่ก็บ่อปลา อาจเป็นบ่อพลาสติกหรือบ่อปูนก็ตามแต่สะดวก
2. ตำแหน่งการวางตู้หรือบ่อพยาบาล ควรวางในบริเวณที่มีแสงส่องสว่างเพียงพอ เพราะเราต้องคอยสังเกตอาการปลาอย่างใกล้ชิดด้วย ที่สำคัญ บริเวณนั้นต้องไม่อยู่ในจุดที่ทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากนัก จะให้ดีก็หาฮีเตอร์มาใช้ควบคุมอุณหภูมิอีกสักตัว ไม่ให้น้ำเย็นเกินไปก็จะเป็นการดีครับ
3. ทำความสะอาดภาชนะก่อน ด้วยน้ำเกลือเข้มข้น หรือใช้ด่างทับทิมเจือจาง และล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
4. เตรียมน้ำ ต้องเป็นน้ำปราศจากคลอรีน มีอุณหภูมิเท่ากันกับตู้เลี้ยงที่กำลังจะแยกปลาป่วยออกมา เพื่อไม่ให้ปลาช็อกจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
5. จัดหาวัสดุให้ปลาหลบซ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาเกิดอาการเครียด เช่น ขอนไม้ ต้นไม้ หรือก้อนหิน แต่อย่าวางให้รกจนเกินไปนัก การจัดวางควรจัดบริเวณกลางไปจนถึงหลังตู้ ไม่ควรปูกรวดหรือทรายที่พื้นตู้ เพราะจะเป็นที่สะสมฟักตัวของเชื้อโรคและพยาธิหลายชนิด
6. ติดตั้งตัวกรองขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้น้ำสะอาด ไหลเวียนดีและมีปริมาณออกซิเจนเพียงพอ
7. ค่อยๆ จับปลาป่วยออกมาจากตู้ การจับต้องไม่ใช้กระชอนไล่ควานอย่างบ้าคลั่ง เพราะจะทำให้ปลาช็อกตายเสียก่อน ควรค่อยๆ ทำอย่างละมุนละม่อม โดยใช้กระชอนสองอันที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวปลาหลายๆ เท่า ค่อยๆ ต้อนจนเข้ามุมแล้วจึงช้อนออกมาใส่ถุงพลาสติกหรือกะละมัง
8. นำถุงพลาสติกหรือกะละมังไปลอยไว้ในน้ำของตู้พยาบาล (ลอยทั้งถุงเลย ยังไม่เทปลาลงในบ่อนะครับ) เพื่อปรับอุณหภูมิให้เท่ากันดีเสียก่อน ใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาที จากนั้นค่อยเอากระชอนช้อนเฉพาะตัวปลาลงตู้พยาบาลอีกที “อย่า”เทน้ำที่ได้จากตู้เดิมลงไปด้วย
ถึงตอนนี้ปลาก็พร้อมสำหรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไปแล้วครับ
@ แล้วควรจะทำอย่างไรกับตู้เลี้ยงเดิมที่ยังมีปลาที่ไม่ป่วยอยู่ล่ะ??
ง่ายที่สุดก็เปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-25% และสังเกตอาการของปลาต่อไปอีกสักระยะ เพื่อหาดูว่าตัวไหนมีอาการผิดปกติเพิ่มเติมอีกหรือไม่ หากมีก็จะได้เอามารักษาได้ทันท่วงทีครับ
ต้องจำไว้ว่า “เมื่อเห็นปลาป่วย อย่าเพิ่งใส่ยาด้วยตนเอง จนกว่าจะวินิจฉัยอาการของโรคและเตรียมภาชนะสำหรับรักษาให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อนครับ”และที่สำคัญควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อการวินิจฉัยให้ตรงกับโรคหรือความผิดปกติจริงๆ เสียก่อนครับ
สัปดาห์หน้าเรามารู้จักช่องทางการให้ยาสัตว์น้ำกันครับ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก “หน่วยวิจัยโรคติดเชื้อของปลา” (Fish infectious diseases Research Unit) คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี