เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้คุยกันถึงชนิดของยากำจัดเห็บในรูปแบบของยาหยดหลัง สเปรย์กำจัดเห็บ ปลอกคอกำจัดเห็บ และแชมพูกำจัดเห็บไปแล้ว วันนี้เรามาคุยกันถึงยากำจัดเห็บชนิดอื่นรวมถึงข้อดี-ข้อเสียของแต่ละชนิดกันครับ
5.แป้งกำจัดเห็บ :
ใช้โรยบนตัวสุนัข เพื่อกำจัดเห็บหมัดที่อยู่บนตัวสุนัขเหมาะในลูกสุนัข หรือช่วงที่อากาศเย็นๆ ระยะเวลาป้องกันได้ค่อนข้างสั้นเพียง 3-7 วัน หรือจนกว่าผงแป้งจะหลุดจากตัวสุนัข เห็บหมัดมักจะตายในทันที เนื่องจากสัมผัสโดยตรง (ถ้าชนิดของยาในแป้งนั้นได้ผล) แป้งกำจัดเห็บจะมีราคาถูกมาก ใช้ง่าย และสะดวกในการใช้
แต่ยาชนิดนี้มีข้อจำกัดคือ อาจได้ผลไม่ดีนัก เนื่องจากเห็บจะดื้อยาในกลุ่มนี้ได้ง่าย ระยะป้องกันได้จะค่อนข้างสั้น และถ้าคนหรือสัตว์สูดผงแป้งเข้าไป จะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้
นอกจากนี้ สุนัขอาจเกิดอาการแพ้เป็นผื่นแดงได้ ถ้าโรยตอนที่ตัวเปียกหรือมีแผลถลอกที่ผิวหนัง
6.ยาฉีดกำจัดเห็บ :
เป็นยาที่ใช้ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง (เหมือนการฉีดยาหรือวัคซีนทั่วๆ ไป) เพื่อให้ตัวยาถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดและไปมีผลเมื่อเก็บดูดกินเลือดสุนัข วิธีนี้ค่อนข้างได้ผลดี จะเห็นผลว่าเห็บตายภายในไม่กี่วันหลังได้รับการฉีดยา สามารถควบคุมเห็บได้ประมาณ 1 เดือน หรือต่ำกว่า ขึ้นกับประสิทธิภาพในการขจัดสารออกจากร่างกายของสัตว์แต่ละตัว
ยาฉีดนี้มีข้อจำกัดคือ ตัวยาที่ฉีดค่อนข้างระคายเคือง สุนัขจะแสบมากเวลาฉีด และที่สำคัญต้องคำนวณตามน้ำหนักตัวสุนัข ตัวยาออกฤทธิ์จะมีผลต่อการทำงานของไตและระบบประสาทได้
โดยเฉพาะสัตว์ที่มีปัญหาสุขภาพ หรือใช้ยาในปริมาณสูงหรือใช้ติดต่อกันระยะยาว จึงควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนใช้ และมีข้อห้ามในสุนัขบางสายพันธุ์ เช่น คอลลี่ อัฟกันฮาวนด์ และเช็ทแลนด์ชีพด็อก เป็นต้น
7.ยากำจัดเห็บชนิดกิน :
มักจะเป็นตัวยาในกลุ่มเดียวกับยาฉีดในข้อ 6 เพื่อหวังให้ยาถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดไปมีผลต่อเห็บที่ดูดเลือดบนตัวสุนัข ซึ่งจะมีข้อจำกัดเช่นเดียวกันคือ เรื่องปริมาณยาต่อน้ำหนักสุนัขและสายพันธุ์ของสุนัข และปริมาณยาที่แตกต่างกันตามน้ำหนักตัวสุนัข ส่วนข้อดีและข้อเสียจะเหมือนกับยาชนิดฉีดที่ได้กล่าวไปแล้ว (แต่ปัจจุบันก็จะมียากินที่เป็นกลุ่มใหม่ขึ้นมา ซึ่งออกฤทธิ์ได้นานขึ้นถึง 3 เดือน)
ยากำจัดเห็บในรูปของยากินนี้ จะใช้สะดวกในกรณีที่สุนัขกินยาง่าย เนื่องจากในปัจจุบันมีการปรุงแต่งกลิ่นเพื่อให้สุนัขสามารถเคี้ยวกินเองได้เลย แต่ต้องระวังต้องเก็บให้ห่างจาก “ปากสุนัข” (รวมทั้งห่างจากมือเด็กด้วย) เพราะสุนัข (หรือเด็ก) อาจคิดว่าเป็นขนมแล้วกินเล่นจนได้รับยาในปริมาณที่มากเกินจนเกิดอันตรายได้
8. ยาผสมน้ำแช่ตัวสัตว์ :
การแช่หรือจุ่ม เป็นอีกวิธีที่ใช้กันทั่วไปสำหรับสุนัข สามารถกำจัดเห็บได้ดี ทั้งบนตัวสัตว์ และใช้กับสภาพแวดล้อมได้ด้วย
ยาประเภทนี้มีข้อจำกัดคือ อัตราส่วนของตัวยาและน้ำที่ผสมต้องถูกต้องตามที่กำหนด เพราะถ้าเข้มข้นเกินไปจะมีผลเสียต่อสุนัข หรือเจือจางเกินไปก็จะไม่ได้ผล มักจะเสียเวลา และเลอะเทอะ เนื่องจากต้องให้สุนัขยืนแช่ในอ่าง และใช้เวลาเพื่อให้ยาออกฤทธิ์เพราะจะได้กำจัดเห็บที่อยู่ตามซอกนิ้วเท้า และต้องควรตักน้ำยาราดให้ทั่วตัวสุนัขด้วย และที่สำคัญต้องระวังไม่ให้เข้าตาและไม่ให้สุนัขเลีย เพราะจะทำให้น้ำลายไหลหรืออาเจียน และมีผลต่อตับได้
ทั้งหมดทุกประเภทที่กล่าวมานี้ เป็นการกำจัด “เห็บที่ตัวสุนัข” ครับ ในการกำจัดเห็บนั้น นอกจากการกำจัดที่ตัวสุนัขแล้ว สภาพแวดล้อมที่สุนัขอยู่ก็เป็นแหล่งซ่อนตัวเป็นอย่างดีของเห็บ เพราะฉะนั้น การกำจัดเห็บหมัดให้ได้ผลดีที่สุด จึงต้องทำที่สภาพแวดล้อมของสุนัขด้วย อาจใช้ยาหลายประเภทร่วมกัน เช่นใช้ยาหยดหลัง/ ปลอกคอ/ ยาฉีด/ ยากิน (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ร่วมกับการใช้สเปรย์กำจัดเห็บ ฉีดพ่น ตามซอก มุมห้อง และบริเวณที่นอนของสุนัขด้วย หรืออาจทำรวมกับการใช้น้ำยาที่ผสมแช่ตัวสัตว์ราดตามพื้นกรง พื้นถนน หรือบริเวณสนามที่สุนัขอาศัยด้วย การกำจัดเห็บหมัดก็จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี