(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
ผลการศึกษา ภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ริเริ่มกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ ออกกฎหมาย ดำเนินการตามแผนงานและมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง แต่ยังประสบปัญหาในหลายด้าน ซึ่งในอนาคตจะส่งผลกระทบเป็นภาระต่อประเทศในภาพรวมหลายด้าน การศึกษาครั้งนี้ จึงนำเสนอแนวทางปฏิรูปการสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ โดยปรับปรุงการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ปรับปรุงการจ่ายเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ปรับความสมดุลกองทุนชราภาพและภาระบำนาญระบบประกันสังคม การสร้างการออมภาคบังคับของแรงงานในระบบและแรงงานนอกระบบ การปรับเพิ่มอายุเกษียณ การขยายและส่งเสริมสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ ตลอดจนมาตรการต่างๆ ทางภาษี โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑.การน้อมนำ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชา” รายได้ของผู้สูงอายุเป็นปัญหาที่สำคัญในการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ตลอดจนงบประมาณการเงินการคลังของประเทศ ทุกภาคส่วนสังคม ควรน้อมนำ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชา” ในพระบาทสมเด็จ
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรเป็นแนวทางในการดำเนินงานและการดำเนินชีวิต สู่สังคมผู้สูงอายุที่สงบสุข ร่มเย็น มั่นคง มั่งคั่ง และ ยั่งยืน สืบไป
๑.๑ การบริหารจัดการและการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางสายกลางเพื่อการจัดการ การบริหาร การพัฒนา อยู่บนพื้นฐานแห่งความไม่ประมาท ทั้งความคิดและการกระทำ สามารถสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน อย่างมีสติ มีความกล้าหาญ จิตใจที่เข้มแข็ง ตัดสินใจและลงมือปฏิบัติ ลด ละ เลิก แนวทางที่เป็นต้นเหตุแห่งความเสื่อมทั้งหลายทั้งปวง เช่น กิเลส อบายมุข วัตถุนิยมบริโภคนิยม เป็นต้น หลักการปฏิบัติที่สำคัญ คือ คิดดีคิดอย่างเป็นระบบ ตัดสินใจ และ ลงมือปฏิบัติ มีความรับผิดชอบ อดทน อดกลั้น อดออม และ มีวินัย จึงจะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
๑.๒ ในช่วงวัยสูงอายุจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ทุกคนต้องเตรียมความพร้อมของตนเอง ในการดำเนินชีวิตในทุกช่วงวัย ตามแนว “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เป็นภาระต่อสังคมส่วนรวม
๑.๓ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ของประเทศ ดำรงชีวิตอยู่ในชนบท มีพื้นฐานอาชีพภาคการเกษตร ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะสร้างหลักประกันรายได้ให้เกษตรกรให้ดีขึ้น ภาครัฐและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการสนับสนุนส่งเสริม แก้ปัญหาเรื่องดิน น้ำ การตลาด เป็นต้น อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผู้สูงอายุมีรายได้ในการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงในอนาคต
๒.รายได้ผู้สูงอายุเป็นปัญหาสำคัญของประเทศทั้งในระยะสั้นและในอนาคต ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญด้านนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาและดำเนินการทันที
๒.๑ รัฐต้องเร่งปฏิรูประบบการศึกษา ความรู้และการเรียนรู้ของประชาชน เป็นการสร้างโอกาสให้แรงงานมีรายได้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบเศรษฐกิจการสร้างโอกาส การกระจายรายได้ กระจายความเจริญสู่ระดับภูมิภาคและชนบทของประเทศ
๒.๒ ผลจากการศึกษา มาตรการ “การสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ” คือ มาตรการขยายและส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ มาตรการการออม และ มาตรการทางภาษี ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ตามระบบและธรรมชาติของระบบ
รัฐต้องส่งเสริมและมีมาตรการการออมทั้งภาคสมัครใจและภาคบังคับ ให้มีการกระจายและครอบคลุมอย่างทั่วถึงทุกกลุ่มแรงงาน โดยให้คำนึงถึงความจำเป็นทั่วถึงและเป็นธรรม เพียงพอสำหรับเป็นหลักประกันรายได้ของผู้สูงอายุ
๒.๓ การขยายอายุเกษียณและการส่งเสริมสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ หลักการขยายอายุเกษียณ หรือเพิ่มอายุการจ้างงาน เป็นหลักการที่ทุกประเทศเริ่มนำมาใช้ เป็นการลดภาระช่วงเวลาการจ่ายบำนาญ ช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ลดภาระการพึ่งพิงสังคมของผู้สูงอายุ อีกทั้งภาครัฐต้องดำเนินมาตรการส่งเสริมสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ต้องศึกษาและดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบต่อไป
๒.๔ ระบบเงินงบประมาณในการดูแลผู้สูงอายุต้องมีความพอเพียง มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม มีความยั่งยืนดังนั้น แหล่งเงินงบประมาณจึงมีความสำคัญ รัฐบาลจะต้องพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสม เช่น ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นต้น
กระทรวงการคลัง หน่วยงานภาครัฐซึ่งรับผิดชอบระบบงบประมาณ การเงินการคลังของประเทศ ต้องให้ความสำคัญ รณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน และ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “หลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ” อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
๓.ปรับปรุงการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นหลักประกันรายได้ที่สำคัญ รัฐบาลควรปรับเปลี่ยนจากระบบ สวัสดิการ เป็น สวัสดิการกึ่งสงเคราะห์ โดยปรับเบี้ยยังชีพที่จ่ายให้กับทุกคน เป็นการจ่ายเบี้ยยังชีพโดยพิจารณาถึงความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เนื่องจากในอนาคตจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อความมีประสิทธิภาพและไม่เป็นภาระด้านงบประมาณของประเทศในระยะยาว โดยการดำเนินการต้องไม่กระทบต่อผู้มีสิทธิ์ในปัจจุบัน เช่น การกำหนดระยะเวลาล่วงหน้า เป็นต้น
๔.หน่วยงานภาครัฐ มีหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ คือ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน และ กองทุนการออมแห่งชาติ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังควรบูรณาการ ประสานงานกัน กำหนดกรอบยุทธศาสตร์เป้าหมาย แผนการดำเนินงาน ที่สอดคล้องชัดเจน เพื่อสร้างระบบหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุของประเทศที่มั่นคง ยั่งยืนสืบไป
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคมหรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี