เชื่อว่าหลายท่านคงสงสัยนะครับว่าทำไมแมวชอบให้เราเกาที่คางให้แมวส่วนใหญ่เวลาเราเอามือไปเกาที่คางเบาๆ มันจะยิ่งยื่นหน้ามารับแถมหลับตาพริ้ม และครางเบาๆ ด้วยท่าทาง “ฟิน” ดูมีความสุขเหลือเกินวันนี้ผมมีเหตุผลที่น่าสนใจจาก ผศ.ร.ท.หญิง สพ.ญ.ดร.เนาวรัตน์ สุธัมนาถพงษ์ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาฝากครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะครับว่า ถ้าแมวแสดงอาการ “ไม่ก้าวร้าว”ตั้งแต่ “แรกพบกัน” แล้ว รับรองได้ว่า “การเกาและการลูบไล้” เป็นวิธีการผูกมิตรกับแมวได้เป็นอย่างดี ซึ่งทาสแมวทุกคนจะทราบดีครับ
แต่ก็ต้องเตือนไว้เลยว่า ถ้าหากต้องการจะผูกมิตรกับแมวด้วยการเกาการสัมผัสแล้ว แต่ไปทำผิดตำแหน่งเข้า ไปทำในตำแหน่งที่เขาไม่ชอบขึ้นมาล่ะก็อาจทำให้เจอปฏิกิริยาตอบสนองที่น่ากลัว ทำให้เราได้ศัตรูและบาดแผลมาแทนก็ได้ครับ
ก่อนอื่นมาดูจุดบนร่างกายที่เขาชอบให้เกาหรือลูบไล้กันก่อน นั่นคือที่“คาง หน้าผาก และแก้ม”
@ทำไมแมวจึงชอบให้ลูบหรือเกาบริเวณนี้ ?
สาเหตุที่เจ้าแมวชอบให้ลูบหรือเกาที่บริเวณคางและหัวส่วนที่กล่าวมานั้นก็เนื่องจาก บริเวณหน้าผาก แก้ม และคางของแมว มีต่อมประเภท “Scent glands” ที่คอยสร้างฟีโรโมน (pheromone) ซึ่งฟีโรโมนเป็นสารเคมีตามธรรมชาติที่มีบทบาทในการสร้างกลิ่นที่คุ้นเคยในสิ่งแวดล้อมที่แมวอาศัยอยู่ ทำให้แมวรู้สึกปลอดภัยและสงบสุข (calming scent)
ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่า โดยปกติแมวมีพฤติกรรมชอบเอาคางไปถูไถกับคนหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ อยู่เสมอ นั่นก็เพื่อเป็นการทำเครื่องหมายแสดงอาณาเขต (mark territory) โดยการปล่อยกลิ่น ซึ่งเป็นการประทับตราไว้บริเวณนั้น ส่วนสาเหตุที่แมวชอบให้คนเกาคางนั้น ก็เพื่อปล่อยกลิ่นทำเครื่องหมายบนตัวมนุษย์นั่นเอง เนื่องจากหลังจากที่เราลูบคางของแมวก็พบว่าจะมีฟีโรโมนติดอยู่บนมือของเรา โดยมนุษย์ไม่สามารถรับรู้กลิ่นที่แมวใช้ในการทำเครื่องหมายนี้ แต่แมวสามารถรับรู้ได้ และใช้มันเพื่อจดจำสมาชิกทุกคนในครอบครัว หรืออีกนัยหนึ่ง ก็เพื่อประกาศว่า เจ้ามนุษย์คนนี้ ได้เป็น “ทาส” ของข้าแล้ว นอกจากนี้ กลิ่นดังกล่าว ยังทำให้แมวผ่อนคลายและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี(bonding experience) ระหว่างมนุษย์กับแมวขึ้นอีกด้วย
อีกเหตุผลหนึ่งที่แมวชอบให้ลูบไล้บริเวณคางและหน้า ก็คือโดยปกติแล้ว แมวเป็นสัตว์ที่ชอบเลียขนทำความสะอาดตัวเอง (grooming) แต่บริเวณหัวและคางนั้น เป็นจุดที่แมวไม่สามารถเลียทำความสะอาดได้ถึง ดังนั้นแมวจึงชอบให้คนมาลูบคางให้เพราะเหมือนมีเพื่อนมาช่วยทำความสะอาดตัวให้ นอกจากนั้น ยังเป็นการเตือนให้แมวนึกถึงความทรงจำใน “วัยเด็ก” ที่มีแม่แมวคอยดูแลเลียขนให้ด้วยความรักอีกด้วย ดังนั้นการมีคนมาลูบหน้าและเกาคางให้จึงทำให้แมวรื่นรมย์และผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แมวทุกตัวจะชอบให้คนมาลูบคาง เกาหน้าหรือสัมผัสตัวนะครับ แมวบางตัว (ที่ถือตัวมากๆ) ก็ไม่ชอบให้ใครมาโดนตัวเลย(คงเห็นว่าอยู่คนละชั้นกันกับเขา) แมวบางตัวยอมให้จับได้เฉพาะบางบริเวณ เช่น ลูบหลังได้บ้าง แต่ถ้าไปโดนส่วนอื่น ก็จะไม่สบอารมณ์ ก็จะหันมางับซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจจะเกิดจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ที่แมวแต่ละตัวเรียนรู้จากอดีตที่อาจโดนแกล้งหรือทำร้ายจนระแวง จึงต้องระมัดระวังเพื่อความอยู่รอดก็เป็นได้
@ ส่วนไหนของแมวที่พอจะเข้าไปเล่นได้
สำหรับบริเวณที่เราพอจะลูบไล้ได้ในบ้าง แต่ไม่รื่นรมย์เท่าที่คางและหน้า (แต่ก็มีเจ้าเหมียวบางตัว ไม่แฮปปี้ที่จะถูกสัมผัสนัก) นั่นคือ บริเวณลำตัวด้านบน ขาหน้า ซึ่งขึ้นอยู่กับ (อารมณ์) ของเจ้าแมวแต่ละตัวด้วย บางตัวอาจจะยอมให้จับได้ แต่บางตัวก็ไม่ยอมให้มาแตะเลยทีเดียว
@ บริเวณต้องห้าม ที่ไม่ควรเข้าไปลูบเล่นมีจุดไหนบ้าง
ส่วน “บริเวณต้องห้าม” ที่ไม่ควรจับ ไม่ควรไปลูบไล้เด็ดขาดเลย (ถ้าไม่สนิทสนมกันจริงๆ) นั่นคือ “ส่วนท้องและขาหลัง” แล้วถ้าไปจะต้องเข้าแล้ว ถ้าอาจจะถูกข่วน ถูกตะปบ หรือถูกงับให้ได้แผลเลยทีเดียว เพราะเป็นจุดที่ละเอียดอ่อน บอบบาง และไวต่อการระแวงว่าจะถูกศัตรูทำร้ายด้วย โดยเฉพาะท้อง ซึ่งมีอวัยะภายในที่ไวต่อความรู้สึกบรรจุอยู่ ถูกปกคลุมด้วยกล้ามเนื้อบางๆ เท่านั้น จึงเป็นจุดที่ “Sensitive” สำหรับเจ้าเหมียวมากด้วย
สิ่งที่สำคัญที่อยากเตือนไว้ ก็คือ ในกรณีที่เป็นแมวจรจัด ที่เราไม่ทราบประวัติการทำวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าแล้วละก็ ควรเลี่ยงการเข้าไปสัมผัส (อย่างชะล่าใจ) เนื่องจากเหตุผลที่ได้เคยคุยกันไปแล้ว นั่นก็คือ นอกจากความเสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว ยังควรระมัดระวังการติดเชื้อโรคชนิดอื่นใน “แมวที่มีสุขอนามัยไม่ดี” ด้วย เช่นโรคแมวข่วน (Cat scratch disease) ปัญหาจากหมัดแมว ที่อาจทำให้เกิดการคันผิวหนังจากการแพ้น้ำลายหมัด รวมถึงอาจนำพยาธิตืดจากหมัดแมวอีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
• Atkinson T 2018. Practical feline behavior: understanding cat behavior and improving welfare. 1st ed. CABI 286pp.
• Feldman HN. 1994. Methods of scent marking in the domestic cats. Canadian journal of zoology. 72: 1093-1099.
• Rodan I and Heath S. 2015. Feline Behavioral Health and Welfare. Saunders. 480pp.
• Soennichsen S and Chamove AS. 2002. Responses of cats to petting by human. Anthrozoös. 15(3): 258-265.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี