สวัสดีครับ เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายท่าน คงเคยเกิดความสงสัย เมื่อพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์ แล้วได้ยามาป้อน และเมื่ออ่านซองยาก็พบว่า ยาบางชนิดให้ป้อน “ก่อนอาหาร” บางชนิดให้ป้อน “หลังอาหาร” บางชนิดก็ให้ป้อน “พร้อมอาหาร” หรือ “หลังอาหารทันที”
ยาเหล่านี้มีข้อแตกต่างกันอย่างไร ทำไมจึงต้องป้อนในเวลาที่แตกต่างกัน วันนี้ผมมีข้อมูลดีๆ จากภาควิชาเภสัชวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับความแตกต่างของยาแต่ละชนิดในสัตว์เลี้ยงมาฝาก ซึ่งเราจะคุยกันทีละประเภทนะครับ
ประเภทที่ 1 ยาก่อนอาหาร
โดยปกติ เราจะป้อนยาก่อนอาหารให้สัตว์เลี้ยง “ตอนท้องว่าง” (คือตอนที่ไม่มีอาหารในกระเพาะอาหารนั่นเอง) นั่นคือ ควรป้อนยา “อย่างน้อย 30 นาที ก่อนที่ท่านจะให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยง”เนื่องจากในช่วงท้องว่างนี้ ความเป็นกรดในกระเพาะและทางเดินอาหารของสัตว์เลี้ยงนั้นจะน้อยกว่าเมื่อสัตว์ได้รับอาหาร (ช่วงหลังอาหารนั้น กระเพาะอาหารจะมีความเป็นกรดสูงกว่า เนื่องจาก อาหารที่กินจะกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารออกมาย่อยอาหารนั่นเอง)
@ ทำไมยาชนิดนี้ต้อง “ก่อนอาหาร” ?
เหตุผลที่ต้องให้ยาแก่สัตว์ในช่วงท้องว่างนั้นมีหลายอย่าง ได้แก่
- ยาบางชนิดอาจถูกทำลายหรือทำให้การออกฤทธิ์ของยาลดน้อยลง เมื่อยาสัมผัสกับกรดใน (ที่ถูกหลั่งออกมาหลังมื้ออาหาร) ในปริมาณมาก ดังนั้นการให้ยาสัตว์เลี้ยงในช่วงที่ท้องว่างนี้ทำให้ยาไม่ถูกทำลายซึ่งทำให้การออกฤทธิ์ของยายังคงอยู่ได้
- ยาบางชนิดถูกทำลาย หรือถูกดูดซึมได้น้อยลง เนื่องจากอาหารและส่วนประกอบของอาหารบางอย่างไปทำปฏิกิริยากับยา หรือไปขัดขวางการดูดซึมของยาเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ระดับยาในเลือดไม่สูงพอที่จะรักษาอาการต่างๆ ของสัตว์เลี้ยงได้ เช่น ยาต้านจุลชีพ ยาฆ่าเชื้อในกลุ่ม enrofloxacin และกลุ่ม doxycycline ดังนั้นการให้ยาประเภทนี้แก่สัตว์เลี้ยงในช่วงที่ท้องว่าง จึงเป็นการลดโอกาสการเกิดปัญหาดังกล่าว ทำให้ยาถูกดูดซึมได้ตามปกติ และยาออกฤทธิ์ได้ตามที่ควรจะเป็น
- ยาหลายชนิดมีผลต่อการเคลื่อนไหวและการทำงานของระบบทางเดินอาหาร เช่น ยาลดกรด ยาระงับอาการอาเจียน รวมทั้งยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะออกฤทธิ์ ดังนั้นการป้อนยาให้สัตว์เลี้ยงของท่านก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาที จึงเป็นเสมือนการเตรียมพร้อมให้ระบบทางเดินอาหาร ก่อนที่สัตว์จะกินอาหาร
@ แล้วถ้าสัตว์เลี้ยงกินอาหารไปแล้ว แต่เราลืมป้อนยาก่อนอาหารล่ะ เราจะทำอย่างไร?
หากเกิดกรณีนี้ขึ้นให้ท่านป้อนยาดังกล่าวให้สัตว์เลี้ยง “หลังจากให้กินอาหารไปแล้วอย่างน้อย 2 ชั่วโมง” แทน นั่นคือเพื่อให้ได้รับยาเมื่ออาหารที่กินเข้าไปถูกผลักออกจากกระเพาะไปแล้ว หรือในตอนที่ท้องว่างแล้วนั่นเอง (ดังนั้นอย่าให้ “ยาก่อนอาหาร” ทันทีที่นึกขึ้นได้หลังจากสัตว์กินอาหารไปแล้วล่ะครับ)
@ เมื่อได้ป้อนยาก่อนอาหารแล้ว มีจำเป็นไหมที่ต้องให้สัตว์เลี้ยงกินอาหารหลังจากกินยา
มีหลายท่านสงสัยว่า เมื่อสัตวแพทย์จ่ายยาก่อนอาหารให้สัตว์กิน วันละ 2-3 ครั้ง ถ้าเป็นอย่างนี้ เราต้องให้กินอาหารหลังกินยาวันละ 2-3 มื้อเลยหรือไม่???
โดยทั่วไปยาที่ให้ก่อนอาหารนั้นสามารถให้ได้โดย “ไม่เกี่ยวกับมื้ออาหาร” เพียงแต่ต้องให้ตอน “ท้องว่าง” เท่านั้น
ยาที่ให้ก่อนอาหารและมีความจำเป็นที่จะต้องให้อาหารหลังจากได้รับยา มีเพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่ กลุ่มของยาที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวและการทำงานของระบบทางเดินอาหาร เช่น ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ยาระงับอาการอาเจียน หรือยาที่ออกฤทธิ์เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเป็นต้น ซึ่งท่านเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถปรับลักษณะการให้อาหารสัตว์ในช่วงที่ต้องป้อนยาได้ โดยแบ่งให้อาหารเป็น 2-3 มื้อตามที่สัตวแพทย์สั่งยา และปริมาณอาหารรวมในแต่ละวันที่ได้เท่ากับปริมาณอาหารเดิมที่เคยให้ต่อวัน (สัตว์เลี้ยงจะได้กินอาหารในปริมาณเท่าเดิมเพียงแต่กระจายออกเป็นจำนวนหลายมื้อเท่านั้นเองครับ)
เรื่องราวเกี่ยวกับยา ยังไม่หมดแค่นี้ครับสัปดาห์หน้าเรามาติดตามกันต่อว่ายาหลังอาหาร ยาพร้อมอาหาร และยาหลังอาหารทันทีนั้นมีวิธีการกินและข้อจำกัดอย่างไร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี