หลายท่านคงทราบดีว่าเล็บของสุนัขและแมวนั้น ไม่ได้มีไว้ตกแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงามเหมือนในคน แต่มีประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น ไว้ป้องกันตัว ยึดเกาะ ตะกุย ขุดดินทำโพรงเพื่อพรางตัว ฯลฯ จะเห็นว่าสุนัขและแมวใช้ประโยชน์จากเล็บมากมาย ดังนั้นเรามีวิธีการดูแลเอาใจใส่เล็บของสุนัขกับแมวตัวโปรดของเราอย่างไรบ้าง วันนี้ผมมีข้อมูลจาก คุณหมอกวางสัตวแพทย์หญิง ดร.ฉัตรวลี บุญธรรม มาฝากกันครับ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าเล็บคืออะไรมีประโยชน์อย่างไร
เล็บ เป็นอวัยวะปกคลุมร่างกายชนิดหนึ่งที่พบบริเวณปลายนิ้วทั้งเท้าทั้ง 18 นิ้ว (เท้าหน้าข้างละ 5 นิ้ว เท้าหลังข้างละ 4 นิ้ว)
เล็บเป็นส่วนสำคัญของร่างกายในสุนัขและแมว หน้าที่หลักๆ ของเล็บคือใช้ขุดคุ้ย ยึดเกาะ ปีนป่าย และการต่อสู้ นอกจากนั้น ยังช่วยให้การเดินหรือวิ่งเป็นไปอย่างสมบูรณ์อีกด้วย เนื่องจากเล็บสามารถงอกยาวได้ตลอดเวลาเราจึงต้องมีการดูแลเล็บอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจากการงอกยาวของเล็บจนไปทำให้เกิดแผลที่นิ้วได้
ปัญหาที่เกิดจากเล็บที่สามารถพบบ่อย ได้แก่ การที่เล็บยาวจนทำให้โค้งมากดให้เกิดแผลที่ใต้นิ้วเท้า หลายครั้งที่เจ้าของไม่ทันได้สังเกตจนทำให้เกิดแผลติดเชื้อจนเป็นหนอง หลายรายกว่าจะทราบเมื่อมีกลิ่นเหม็นจากแผลหนองที่เกิดขึ้นเสียแล้ว ซึ่งทำให้ต้องมีการรักษาที่ใช้เวลานาน และทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเจ็บปวดมาก
ส่วนในสุนัขและแมวบางรายเล็บที่ยาวมากอาจไม่โค้งไปจิกผิวหนังแต่จะดันพื้นทำให้เกิดการอักเสบบริเวณโคนเล็บ หรือในบางรายเล็บที่ยาวมากจะสัมผัสพื้นแล้วบิดไปทางด้านข้าง ทำให้การวางตัวของนิ้วหรือเท้ารวมถึงการเดินผิดปกติไป
การดูแลเล็บและการตรวจสุขภาพเล็บแบบคร่าวๆ ควรทำอย่างไร
สำหรับการดูแลรักษาเล็บในสุนัขและแมว มีความจำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการตรวจสุขภาพเล็บแบบคร่าวๆ การตัดเล็บ การตะไบลับคมเล็บ เป็นต้น โดยขั้นตอนต่างๆ นั้น ผู้เลี้ยงสัตว์สามารถเรียนรู้และทำได้เองโดยอาจไม่จำเป็นต้องเข้าร้านตัดแต่งขนสุนัข หรือพาไปพบสัตวแพทย์ก็ยังได้
ส่วนการตรวจสุขภาพเล็บแบบคร่าวๆ นั้น เราสามารถทำได้โดยการตรวจเช็คเล็บด้วยตาเปล่า ว่ามีปัญหาที่ต้องแก้ไขหรือไม่ โดยปัญหาที่มักพบ ได้แก่ เล็บหัก เล็บฉีก เล็บงุ้มงอ เล็บยาวงอจนฝังเข้าไปในผิวหนัง เล็บติดเชื้อราโคนเล็บเป็นฝีหนอง เป็นต้น
นอกจากนี้ ในการตรวจสุขภาพเล็บนั้น ผู้เลี้ยงควรตรวจเช็คสิ่งผิดปกติบริเวณอุ้งเท้าด้วย หากพบปัญหาบริเวณเล็บและอุ้งเท้า ก็ควรรีบพาสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรีบแก้ไขโดยด่วนเพราะปัญหาที่บริเวณเล็บและอุ้งเท้าก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก เนื่องจากเป็นจุดรับน้ำหนักตัวขณะยืนหรือเดิน
เราต้องตัดเล็บให้บ่อยแค่ไหน
เรื่องที่เป็นคำถามยอดฮิตจากผู้เลี้ยงสัตว์คือ ต้องตัดเล็บบ่อยแค่ไหน? ขอตอบแบบเข้าใจง่ายๆ ว่าเราควร “ตัดเมื่อเล็บยาว” โดยความถี่ในการตัดเล็บในสุนัขและแมวนั้นขึ้นกับหลายปัจจัย สุนัขและแมวที่ต้องตัดเล็บบ่อยๆ เล็บยาวเร็วมักจะเป็นสุนัขและแมวที่ถูกเลี้ยงในบ้าน ที่มีลักษณะพื้นบ้านเป็นพื้นปูนซีเมนต์ขัดเรียบ หรือพื้นกระเบื้อง พื้นหินแกรนิต หรือบริเวณที่ไม่มีพื้นที่สำหรับลับคมเล็บ
นอกจากนี้ สุนัขและแมวอายุมากก็เช่นเดียวกัน มักพบปัญหาเล็บยาวและงอจนฝังเข้าไปในผิวหนัง เนื่องจากเล็บยาวเร็วจากการไม่ค่อยลุกเดินหรือกิจกรรมในชีวิตประจำวันลดลง ผู้เลี้ยงจึงจำเป็นต้องคอยสังเกตความยาวของเล็บอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดปัญหาเล็บยาวงอจนเกินไป ส่งผลให้มีปัญหาในเรื่องการยืน การเดิน เล็บที่ยาวจนฝังเข้าไปในผิวหนังทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เป็นหนอง เกิดกลิ่นเหม็น กลายเป็นเผลเรื้อรังที่ยากต่อการรักษาได้
อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดเล็บมีอะไรบ้าง
อุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดเล็บมีเพียงกรรไกรตัดเล็บ ตะไบลับคมเล็บกระดาษทิสชูหรือผงห้ามเลือด (กรณีตัดเล็บแล้วเลือดไหล) และสิ่งที่ขาดไม่ได้ฅคือ “ของรางวัล” ที่จะให้สุนัขและแมวหลังจากตัดเล็บเสร็จ
สำหรับกรรไกรตัดเล็บสุนัขและแมวจะมีหลากหลายแบบในท้องตลาด เช่นเดียวกันกับตะไบลับคมเล็บ ซึ่งในปัจจุบันมีตะไบลับคมเล็บไฟฟ้าที่ใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น
วิธีการตัดเล็บที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
การตัดเล็บที่ถูกต้องนั้น ต้องไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดต่อสุนัขและแมวโดยผู้เลี้ยงต้องสังเกตจุดตัดระหว่างเนื้อสีชมพูและเล็บที่มีสีขาวขุ่น ในส่วนที่เป็นเนื้อสีชมพูนั้นเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและเส้นเลือดจำนวนมากหากตัดเข้าไปในบริเวณนี้จะทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีเลือดไหล
การตัดเล็บที่ถูกต้องคือ บริเวณเนื้อเล็บที่มีสีขาวขุ่น (ในสัตว์ที่เล็บสีขาว) (ไม่ใช่โคนเล็บที่มองเห็นภายในเป็นสีชมพู) โดยควรตัดทำมุมเฉียงประมาณ 45 องศา ในกรณีน้องหมาที่มีเนื้อเล็บสีดำจะสังเกตจุดตัดเล็บได้ค่อนข้างยาก ผู้เลี้ยงควรตัดด้วยความระมัดระวังโดยค่อยๆ เล็มทีละนิดเพื่อสังเกตดูว่าใกล้ถึงเนื้อสีชมพูแล้วหรือยัง หรืออาจใช้วิธีการตะไบเล็บแทน
หากเกิดเลือดออกขณะตัดเล็บจากการพลาดไปตัดโดนบริเวณเนื้อสีชมพู ให้ใช้ทิสชูหรือสำลีกดแช่ไว้เพื่อห้ามเลือดสัก 1-3 นาที ถ้ามีผงห้ามเลือด ก็ให้แตะผงห้ามเลือดบริเวณปลายเล็บเพื่อปิดปากแผลและกดไว้ ก็จะช่วยทำให้เลือดแข็งตัว
ขั้นตอนสุดท้ายคือการตะไบเล็บ เพื่อลับหรือลดความคม ป้องกันไม่ให้เกิดบาดแผลบริเวณผิวหนังหรือดวงตาจากการเกาของสุนัขและแมวภายหลังการตัดเล็บใหม่ๆ
อย่าลืมว่า เมื่อตัดเล็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต้องให้รางวัลกับสัตว์เลี้ยงเพื่อให้เขารู้สึกไม่ต่อต้านการตัดเล็บในครั้งต่อๆ ไป และต้องสังเกตด้วยว่าสัตว์เลี้ยงยืนหรือเดินเป็นปกติ โดยไม่มีอาการเกา กัด แทะ ดึง หรืองับบริเวณเล็บภายหลังการตัดเล็บด้วย
เมื่อผู้อ่านทราบถึงปัญหาและวิธีการดูแลเบื้องต้นแล้ว ก็อย่าลืมหมั่นสังเกตสุขภาพของเล็บของสัตว์เลี้ยงของเราเป็นประจำ เพื่อให้เจ้าเหมียวและเจ้าตัวของเราเป็น “สุนัข” หรือ “ผู้ที่มีเล็บงาม” (ตามความหมายในภาษาบาลี-สันสกฤตที่ว่า “สุ” หมายถึง ดี งาม ส่วน “นัข” หมายถึง เล็บ) กันนะครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี