วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

โรคข้อเข่าเสื่อม คือภาวะผิดปกติจากการเสื่อมตามอายุและการใช้งานของเนื้อเยื่อในข้อเข่า นำไปสู่การผิดรูปของกระดูกที่ประกอบเป็นข้อ และการตีบแคบของข้อในที่สุดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมที่สำคัญได้แก่ อายุที่มากขึ้นเพศหญิง การทำกิจกรรมที่ต้องงอเหยียดเข่าซ้ำๆ และการบาดเจ็บของข้อเข่ามาแต่เดิม ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมจะมีอาการปวดที่บริเวณเข่า ซึ่งจะรุนแรงขึ้นเมื่อมีการใช้งานหรือลงน้ำหนักที่เข่า บางครั้งมีอาการตึงหรือมีเสียงกรอบแกรบขณะขยับข้อ มีในผู้ที่มีอาการมาก อาจพบข้อเข่าบวม ทั้งบวมน้ำและบวมกระดูก และผิดรูป ทั้งแบบเข่าโก่งและเข่าฉิ่ง นำไปสู่การไม่สามารถใช้เข่าได้อย่างปกติ เช่น เดินลำบาก
การวินิจฉัยข้อเข่าเสื่อมทำได้จากการซักประวัติและการตรวจร่างกายพบอาการที่เกี่ยวข้องดังกล่าว รวมถึงการตรวจเอกซเรย์ข้อเข่าในท่ายืนเพื่อบอกระยะของความเสื่อม ซึ่งเป็นตัวกำหนดวิธีการรักษา โดยผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมระยะต้น(ระยะที่ 1 และ 2) ควรใช้วิธีการรักษาโดยไม่ใช้ยาเป็นหลัก หากมีข้อเข่าเสื่อมระยะกลาง (ระยะที่ 2 และ 3) อาจพิจารณาปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาใช้การรักษาด้วยยา เช่น ยาแก้ปวดรวมถึงยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อมอื่นๆ ทั้งชนิดรับประทานและชนิดฉีดตามความเหมาะสมร่วมด้วย สำหรับผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมระยะรุนแรง (ระยะที่ 4) ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมด้วย
ผู้ที่มีโรคเข่าเสื่อมหรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเข่าเสื่อม ควรปฏิบัติตัวดังนี้ 1) หากน้ำหนักตัวเกินปกติ ควรลดหรืออย่างน้อย ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากขึ้น, 2)งดเว้นการใช้เข่าที่อาจทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้น ได้แก่ การเดินขึ้นลงบันได การนั่งยองๆ นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบ การย่อตัวการกระโดด การยืนหรือเดินนานๆ โดยไม่มีความจำเป็น,
3) ออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบเข่า เพื่อให้กล้ามเนื้อเหล่านั้นทำหน้าที่แบ่งเบาแรงกดต่อข้อเข่า ทำให้อาการปวดลดลง หากต้องการออกกำลังกายแบบอื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงการวิ่ง เปลี่ยนเป็นการเดินเร็วแทน เพื่อลดแรงกระทำต่อข้อเข่า ตัวอย่างการท่าออกกำลังกายเพื่อชะลอการเสื่อมของข้อเข่า เช่น หากกำลังมีอาการปวด ให้เกร็งกล้ามเนื้อเข่าโดยไม่ต้องขยับเข่า โดยการกดเข่าลงกับพื้นพร้อมกับกระดกข้อเท้าขึ้น ค้างไว้ นับ 1-10 ท่านี้จะไม่ทำให้อาการปวดกำเริบจึงสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ หรืออย่างน้อย 10 ครั้ง3 เวลาหลังอาหารและก่อนนอน, หากอาการปวดทุเลาลงแล้ว ให้ออกกำลังกายแบบขยับเข่า เน้นให้ขยับเฉพาะช่วง 30 องศาก่อนเหยียดสุด โดยเริ่มจากงอเข่าประมาณ 30 องศา เหยียดเข่าขึ้นจนสุด กระดกข้อเท้าค้างไว้ นับ 1-10 ทำอย่างน้อยอย่างน้อย 10 ครั้ง 3 เวลาหลังอาหารและก่อนนอน หากหลังทำเริ่มมีอาการปวด อาจพิจารณาประคบด้วยความเย็นหลังทำการออกกำลังกายเหล่านี้เปรียบเสมือนการปลูกไม้ผล ช่วงแรกต้องใช้เวลาและความอดทนมาก โดยอาจยังไม่เห็นผลชัดเจนใน 2-3 เดือนแรก เมื่อเวลาผ่านไปหลัง 3 เดือน กล้ามเนื้อรอบเข่า
จะแข็งแรงขึ้น อาการปวดจะลดลงอย่างต่อเนื่องจนอาจหมดไป เปรียบเสมือนต้นไม้ที่ปลูกออกผล สามารถเก็บกินได้ทั้งปี
จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้อ่านทุกท่านอดทนออกกำลังกายและดูแลตัวเอง หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ สามารถปรึกษา
แพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูใกล้บ้านท่านเพิ่มเติมได้ครับ
ผศ.ดร.นพ.สินธิป พัฒนะคูหา
ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย
แพทยสภา

นายกฯ นั่งเรือมอบถุงยังชีพผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา ระหว่างติดตามสถานการณ์น้ำท่วม
'อดีตบิ๊ก ศรภ.'ฟันธง! ปัญหาตำรวจไม่เกี่ยวรัฐบาล ชี้ทางแก้ต้อง'กระจายอำนาจจับกุม' คืนหน่วยงานอื่น
'จีน'เดือดจัด! ยื่นหนังสือร้องเลขาฯยูเอ็น ฉะผู้นำญี่ปุ่นขู่ใช้กำลังแทรกแซงปมไต้หวัน
‘พีระพันธุ์’ เปิดวิสัยทัศน์ ชู‘การบริหารยุทธศาสตร์แบบองค์รวม’ สร้างอนาคตชาติ
‘ธรรมนัส’ ลุยวิกฤติน้ำท่วมหาดใหญ่ สั่งเร่งระบายน้ำลงทะเลสาบสงขลา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี