วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
โดยทั่วไปภาวะสูญเสียการได้ยินมักจะเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุเป็นลำดับแรก แต่ในปัจจุบันพบอุบัติการณ์ได้ 1 ใน 2 รายของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน (ช่วงอายุ 12-35 ปี) มากกว่า 1 พันล้านคน มีความเสี่ยงที่จะประสบภาวะการได้ยินบกพร่องจากพฤติกรรมการฟังเสียงที่ไม่ปลอดภัย ด้วยอัตราการเติบโตของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้มีการสื่อสารและรับข้อมูลผ่านระบบออน์ไลน์โดยใช้อุปกรณ์หูฟังมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการสัมผัสเสียงดังจากกิจกรรมนันทนาการและสถานบันเทิง เช่น การดูหนัง ฟังเพลง เชียร์กีฬา ร่วมคลาสออกกำลังกาย ยังไม่นับรวมความเสี่ยงจากการสัมผัสเสียงดังในสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันและหลายครั้งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น เสียงดังจากบริเวณสถานที่ทำงาน หรือ เสียงรบกวนจากการคมนาคม เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่มีส่วนทำให้เกิดภาวะการได้ยินบกพร่อง
ภัยเงียบจากการสัมผัสเสียงดังที่มีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปและใช้ระยะเวลาในการถดถอยของประสาทหู ในช่วงแรกประสาทหูจะถูกทำลาย ณ จุดที่รับความถี่เสียงสูง จากนั้นจะค่อยๆ เสื่อมถอยไปยังจุดรับความถี่กลางและต่ำ ตามลำดับ ซึ่งเป็นช่วงความถี่ที่ใช้สื่อสาร ส่งผลให้การฟังมีความผิดเพี้ยนและมีความยากลำบากในการฟังเข้าใจความหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมา มีการสวมใส่หน้ากาก และเว้นระยะห่างทำให้ผู้ที่มีภาวะการได้ยินบกพร่อง ประสบความยากลำบากมากขึ้นจากการฟังที่ไม่ชัดเจนและไม่สามารถใช้การฟังร่วมกับการอ่านปากร่วมได้ ภาวะสูญเสียการได้ยินไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการสื่อสาร แต่ยังส่งผลต่อระดับคุณภาพชีวิตทั้งมิติทางสังคมและจิตใจรวมถึงความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัย การได้ยินเสียงที่ลดลงทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะไม่ได้ยินเสียงจากสิ่งแวดล้อมและเสียงเตือนต่างๆ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2593 จะมีประชากรของโลกจำนวน 2.5 พันล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรทั่วโลกทั้งหมด ประสบปัญหาหูตึงระดับต่างๆ ไปจนถึงหูหนวก และมีจำนวนประมาณ 700 ล้านคนที่ต้องเข้ารับการรักษาและฟื้นฟู เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินอย่างรุนแรง เราควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสเสียงดังอย่างต่อเนื่อง และดูแลการได้ยินที่ดีให้อยู่กับเราไปให้นานที่สุด“To hear for life, listen with care”
วิธีการป้องกันภาวะสูญเสียการได้ยิน
l จำกัดระยะเวลาที่สัมผัสเสียงดัง ใน 1 สัปดาห์เราไม่ควรสัมผัสเสียงดัง 80dB เป็นระยะเวลามากกว่า 40 ชั่วโมง
l ปรับลดเสียงไม่เกิน 60% ของระดับความดังสูงสุด หรือ ต่ำกว่า 80dB หรือเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีระบบตัดเสียงรบกวน
l หลีกเลี่ยงการสัมผัสเสียงดังโดยใช้อุปกรณ์ป้องกันที่มีคุณสมบัติลดทอนเสียง เช่น ที่ครอบหู หรือ ที่อุดหู (Ear plug)
l ควบคุมระดับความดังของเสียงและระยะเวลาที่สัมผัสเสียงผ่าน application ในโทรศัพท์มือถือ
.jpg)
ดร.รมิดา ดินดำรงกุล
สาขาวิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงลานครินทร์

'สส.พลากร'ยันไม่เกี่ยวเว็บพนันออนไลน์ หลัง'อัจฉริยะ'ปูดโยงพาดพิง
'ธรรมนัส'ลงพื้นที่ปัตตานี ลั่นพิสูจน์คำพูด ดันลูกหลานมุสลิมเป็นรัฐมนตรีสำเร็จ
เคลียร์ชัด! 'มาดามแป้ง' ให้ 'อ.สกล' โค้ชฟุตบอลทีมหมอนทองวิทยา ปรึกษามานานแล้ว ไม่ใช่ตั้งตามกระแส
'สมคิด' ย้อน 'อนุทิน' ควรมั่นคงในแนวทางตัวเองก่อน ดักทาง อย่ายุบสภาฯ หนีซักฟอก
ยึดไอซ์100กิโล! ทหารปะทะเดือด ‘แก๊งขนยา’ เผ่นหนีข้ามแม่น้ำรวก จับได้ 1 คน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี