เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราได้รู้จักตับอ่อนและปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับโรคตับอ่อนอักเสบกันไปบ้างแล้ว วันนี้เรามาคุยกันต่อเกี่ยวกับการตรวจวินิจฉัย การรักษา การดูแล และการป้องกันโรคนี้กันครับ
@การตรวจวินิจฉัย
สุนัขที่ป่วยด้วยโรคตับอ่อนอักเสบมักแสดงอาการไม่จำเพาะ ดังนั้นในการตรวจวินิจฉัยโรคตับอ่อนอักเสบ จึงจำเป็นต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้แยกโรคจากความผิดปกติอื่น เช่น การถ่ายภาพรังสี หรืออัลตราซาวนด์ช่องท้อง การตรวจค่าโลหิตวิทยา การตรวจค่าทางเคมีของเลือด โดยเฉพาะค่าเอนไซม์ตับอ่อน ได้แก่ อะไมเลส (amylase) ไลเปส (Lipase) ซึ่งค่าเอนไซม์ทั้งสองตัวนี้มีความไว (sensitivity) สูง แต่มีความจำเพาะ (specific) ต่อการเกิดตับอ่อนอักเสบน้อย เนื่องจากสามารถสร้างจากอวัยวะอื่นๆ ได้ด้วย
ปัจจุบันมีชุดตรวจโรคตับอ่อนอักเสบ โดยการตรวจค่า serum pancreatic lipase immunoreactivity (cPLI) ซึ่งสะดวกมาก ให้ผลจำเพาะ (specific) ต่อการเกิดตับอ่อนอักเสบสูงเพราะสร้างจากตับอ่อนเองโดยตรง และที่สำคัญ สามารถรู้ผลรวดเร็วภายใน 10-15 นาทีเท่านั้น
@การรักษา
สุนัขที่ป่วยเป็นโรคตับอ่อนอักเสบมักจะมีอาการหลากหลาย ซึ่งไม่เป็นอาการจำเพาะ ซึ่งเราสามารถแบ่งระดับอาการและการรักษาออกตามความรุนแรงอย่างง่ายได้ 3 ระดับคือรุนแรงน้อย รุนแรงปานกลาง และรุนแรงมาก
-รายที่แสดงอาการรุนแรงน้อยนั้น มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนสัตวแพทย์มักจะให้สารน้ำและฉีดยารักษาตามอาการ และให้เจ้าของดูแลสุนัขได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ทั้งนี้จะนัดมาติดตามผลเป็นระยะ
-ในรายที่แสดงอาการป่วยระดับรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก มักพิจารณารับตัวไว้รักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ง่าย เช่น อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ ไตวายเฉียบพลัน เกิดภาวะลิ่มเลือดแพร่กระจายในหลอดเลือด หรือ disseminated intravascular coagulation (DIC) การทำงานของอวัยวะภายในร่างกายล้มเหลวและเกิดภาวะช็อก จนอาจทำให้สุนัขเสียชีวิตได้ จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากสัตวแพทย์ ซึ่งวิธีการรักษาส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นที่การรักษาแบบประคองและรักษาตามอาการเป็นหลัก ซึ่งต้องคอยเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนอย่างใกล้ชิด
@การดูแลสัตว์ที่ป่วยเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
เจ้าของต้องป้อนยาให้สุนัขอย่างเคร่งครัด ซึ่งยาที่กินมักเป็นกลุ่มยาระงับอาเจียน ยาลดกรด ยาแก้ปวด และอาจมียาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อด้วย
ในช่วง 24 ถึง 48 ชั่วโมงแรก มักจะให้ “งดอาหาร” เพื่อให้การทำงานของตับอ่อนและทางเดินอาหารได้พักหรือทำงานลดลง เพราะหากให้อาหารในช่วงนี้ จะยิ่งเป็นการไปกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งเอนไซม์ออกมาย่อยทำลายตัวเอง (autodigestion) มากขึ้น
จากนั้นจะปรับเป็นการป้อนอาหารอ่อนหรืออาหารเหลวรักษาโรค โดยให้ทีละน้อย แบ่งให้ 4-6 มื้อต่อวัน เพื่อให้ตับอ่อนค่อยๆ ปรับสภาพ
งดอาหารที่มีไขมัน ให้อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง และโปรตีนปานกลาง อาจปรับให้อาหารสำเร็จรูปเฉพาะโรค เป็นสูตร Gastro-Intestinal Low Fat ซึ่งมีไขมันต่ำ (6-7%) แทน
@การป้องกันโรคตับอ่อนอักเสบในสุนัข
-ควบคุมน้ำหนักตัวของสุนัข ไม่ให้อ้วนเกินไป โดยการจำกัดปริมาณพลังงานในอาหารที่กินเข้าไป
-ให้สุนัขออกกำลังกายเป็นประจำ
-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารจำพวกของทอดต่างๆ และอาหารที่ผัดด้วยน้ำมัน
จะเห็นว่า ตับอ่อนอักเสบในสุนัขนั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับสุนัขทุกตัว โดยเฉพาะสุนัขอ้วนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานกินอาหารที่ไขมันสูงเป็นประจำ มีระดับไขมันในกระแสเลือดสูงดังนั้นเจ้าของสุนัขควรควบคุมลักษณะอาหารที่ให้สุนัขกิน และหมั่นสังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติก็พาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย หากพบว่าป่วยเป็นโรคตับอ่อนอักเสบจะได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี