การตรวจหาคราบแคลเซียม(หรือหินปูน)ในหลอดเลือดหัวใจ คือ การตรวจวัดระดับการสะสมของแคลเซียมในผนังหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เฉพาะทางหัวใจ การสะสมแคลเซียมบ่งบอกถึงการมีอยู่ของคราบไขมันในหลอดเลือดหัวใจ (atherosclerosis) ซึ่งคราบไขมันนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ไปทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบแคบและลดการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ หากมีการสะสมของแคลเซียมในปริมาณมาก ก็จะยิ่งบ่งบอกว่าหลอดเลือดหัวใจเรามีคราบไขมันสะสมมาก การสะสมของแคลเซียมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจจะเกิดขึ้นช้า ๆ เป็นเวลานานหลายปี การสะสมเพิ่มขึ้นจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดต่างๆ ปริมาณแคลเซียมที่สูงบ่งบอกระดับความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดที่สูง การตรวจวิธีนี้สามารถใช้ทำนายโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ก่อนจะเกิดอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด การตรวจวิธีนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่ออื่น ๆ ดังนี้
• Coronary artery calcium (CAC) test
• Coronary calcium CT scan
• Heart CT calcium scan
วัตถุประสงค์ของการตรวจวิธีนี้
วัตถุประสงค์โดยรวมเพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอื่น ๆ ดังนี้
1. ช่วยวางแผนหรือปรับวิธีการรักษาเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
2. เพื่อกำหนดเป้าหมายในการรักษา ในกรณีที่ยังมีความไม่ชัดเจนว่าควรจะต้องให้การรักษาเข้มงวดแค่ไหน
3. เพื่อให้แพทย์และผู้เข้ารับการรักษาได้เห็นคราบ (plaque) ที่ผนังหลอดเลือดหัวใจซึ่งเกิดจากการสะสมของแคลเซียมปะปนกับ ไขมันและสารอื่นๆ และมีความเข้าใจตรงกันในตัวโรคระยะเริ่มแรกที่ซ่อนอยู่
แนะนำให้ตรวจกับผู้ใดบ้าง?
1. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันตั้งแต่อายุน้อย
2. ผู้ที่มีความเสี่ยงระดับปานกลางในการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (ไม่ต่ำหรือสูงชัดเจน)
3. ผู้ที่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือไม่แน่ใจในการใช้ยา ที่ต้องการทราบระดับความเสี่ยงที่แน่ชัดเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีรักษา
ไม่แนะนำการตรวจกับผู้ใดบ้าง?
1. ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอยู่แล้ว
2. ผู้ที่เคยผ่านการผ่าตัดบายพาส (coronary bypass surgery) หรือใส่ขดลวดหัวใจ (heart stent) เนื่องจากมีวิธีตรวจอื่นที่เหมาะสมกว่าสำหรับผู้ป่วยที่รับการรักษามาแล้ว
ข้อควรทราบสำหรับการตรวจวิธีนี้
1. ไม่ใช้เป็นวิธีการตรวจคัดกรองทั่วไปสำหรับโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
2. ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการเพื่อประเมินความจำเป็นในการตรวจ
3. ผลการตรวจจะช่วยวางแผนการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงต่ำถึงปานกลางหรือยังไม่ทราบชัดเจน
ข้อมูลข้างต้นได้มาจากหนังสือสุขภาพครอบครัวจาก Mayo Clinic (หนังสือ Mayo Clinic Family Health Book)
ประเด็นอื่น ๆ ที่ควรทราบสำหรับการตรวจและแปลผล calcium score ที่เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
1. CAC เป็นวิธีการตรวจที่มีประโยชน์และมีการใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
2. Calcium score สามารถใช้บอกได้ว่า เริ่มมีคราบไขมันสะสมอยู่บ้างหรือไม่ในหลอดเลือดหัวใจและมีปริมาณมากน้อยเพียงใด
3. Calcium score บ่งบอกปริมาณหินปูนที่มาเกาะสะสมอยู่ที่บริเวณที่มีคราบไขมัน หมายความต่อว่า สามารถบ่งชี้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตันในอนาคตได้ และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับการตรวจแบบที่ไม่ต้องเจ็บตัวมากนัก
4. Calcium score เท่ากับ ๐ บ่งบอกว่า ยังไม่มีคราบไขมันสะสมอยู่ในหลอดเลือดหัวใจ หรือยังสะสมไขมันในระยะเวลาไม่นานพอให้ตัวหินปูนเข้ามาจับได้
5. Calcium score เท่ากับ ๐ ยังสามารถเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันได้ถ้าเป็นคราบที่เกิดจากการสะสมใหม่ ๆ ของไขมันที่ยังไม่นานพอจะมีคราบหินปูนเข้ามาเกาะ
6. Calcium score เท่ากับ ๑,๐๐๐ ยังไม่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันก็ได้
7. Calcium score อย่างเดียว จึงไม่ได้เป็นตัวบอกว่า มีหรือไม่มีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
8. Calcium score ใช้บอกความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันว่า สูงหรือต่ำ และช่วยกำหนดความเข้มข้นในวิธีการลดความเสี่ยงว่า จะต้องทำอย่างไรบ้าง
9. Calcium score ช่วยให้คนไข้ได้เห็นว่า หลอดเลือดหัวใจของเขาเริ่มมีปัญหาหรือยัง? ช่วยให้คนไข้ตัดสินใจร่วมรักษามากขึ้น กินยาได้สม่ำเสมอขึ้น ปรับพฤติกรรมได้ดีขึ้น
10. Calcium score สามารถตรวจได้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงปานกลาง ที่ไม่แน่ใจระดับความเสี่ยงที่แน่นอน (คำแนะนำของUS และ EU)
11. Calcium score สามารถตรวจได้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ ในกรณีที่คนไข้ต้องการทราบระดับความเสี่ยงของตนเองเป็นกรณีพิเศษ (คำแนะนำของ EU)
12. CAC อาจถูกพิจารณาให้ทำในกลุ่มความเสี่ยงสูงที่ยังไม่มีโรคหัวใจ แต่เป็นประเภทไม่เข้าใจความเสี่ยงของตนเองและไม่ยอมรักษาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง (ถ้าได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำ CAC)
13. CAC ไม่ควรส่งทำในคนที่มีอาการผิดปกติ เหนื่อยหรือเจ็บหน้าอก ผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้ส่งทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะทำงานหนัก (Exercise Stress Test ย่อว่า EST) หรือการตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (Coronary CT Angiography ย่อว่า CCTA) หรือการสวนหลอดเลือดหัวใจและฉีดสี (Coronary Angiography ย่อว่า CAG) ไปตามระดับความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
14. Calcium score ไม่ใช้เป็นเครื่องมือในการส่งคนไข้ที่ไม่มีอาการไปสวนหัวใจและฉีดสี หรือแม้กระทั่งการวิ่งสายพาน ผู้ใดที่ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แต่มี Calcium score สูง สามารถเข้ารับคำปรึกษาและลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ก็เพียงพอแล้ว… อย่างไรก็ตาม ท่านอาจจะถูกซักถามอย่างละเอียดมากขึ้นหากผล CAC กลับมาค่อนข้างสูง และหากการซักถามเพิ่มเติมนี้นำไปสู่ข้อสงสัยว่า ท่านอาจจะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ท่านอาจจะถูกส่งไปตรวจตามข้อ ๑๓ เพิ่มเติม จึงอยากให้เข้าใจตรงกัน
การตรวจหาคราบหินปูนสะสมที่ผนังหลอดเลือดแดงของหัวใจ (Coronary Artery Calcium Scan หรือ CAC) เป็นการใช้คอมพิวเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีเอกซเรย์พิเศษที่เรียกว่า Multidetector Row หรือ Multislice Computerized Tomography (CT) ซึ่งสแกนภาพหลายภาพของคราบหินปูนที่สะสมอยู่ที่ผนังหลอดเลือด การทดสอบการถ่ายภาพจะดูที่ระดับของคราบหินปูนที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดแดงของหัวใจ
การสวนหลอดเลือดหัวใจทางหลอดเลือดแดง (Coronary Artery Angiography - CAG) คือการใส่สายสวนเข้าไปทางหลอดเลือดแดง โดยสามารถทำได้ที่หลอดเลือดแดงที่แขนและขาหนีบ และฉีดสารทึบรังสีเข้าไปดูหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจว่า มีการตีบหรือตันของหลอดเลือดหัวใจหรือไม่ หรือมีการตีบตันมากน้อยเพียงใด
นพ.ปริญญ์ วาทีสาธกกิจ
หน่วยโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อมร ลีลารัศมี
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี