ในช่วงที่ฝนตกบ่อยจนมีปัญหาน้ำท่วมขัง มีความอับชื้นมาก และอากาศเย็นกว่าหน้าร้อน ก็จะก่อโรคภัยไข้เจ็บให้กับสัตว์เลี้ยงได้ สาเหตุเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องระมัดระวังสุขภาพของสัตว์มากกว่าปกติ
ขอย้ำว่าบริเวณที่น้ำขังจะเอื้อต่อการเจริญของเชื้อโรคสารพัดชนิด เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส และพาหะนำโรคจำพวกเห็บ หมัด และยุง ส่งผลให้สุนัขและแมวเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย โรคที่มักพบในหน้าฝนมักเกี่ยวข้องกับผิวหนัง ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร และโรคติดต่อจากสิ่งแวดล้อม หรือพาหะนำโรค ถ้าเจ้าของไม่ดูแลป้องกันสัตว์ตั้งแต่ต้น อาจทำให้สัตว์เลี้ยงป่วยขั้นรุนแรงจนเสียชีวิต
เรามาดูกันว่ามีโรคอะไรบ้างที่เกิดกับสัตว์ได้ง่ายในช่วงหน้าฝน
1. โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อราและแบคทีเรีย
โรคผิวหนังเป็นปัญหาที่พบบ่อยในช่วงหน้าฝน เพราะความชื้นและสภาพแวดล้อมที่เปียก จึงเอื้อต่อการเจริญของเชื้อราและแบคทีเรีย โดยเฉพาะในสุนัขพันธ์ุขนยาวหรือขนหนา อาการที่พบบ่อยคือ คัน ขนร่วง ผิวหนังแดง มีสะเก็ด หรือมีกลิ่นตัวแรง หากไม่ได้รับการรักษาที่ดี อาจลุกลามเป็นแผลเรื้อรัง
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ รักษาความสะอาดร่างกายสัตว์ให้แห้งเสมอ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำหรือหลังจากเปียกฝน ควรเป่าขนให้แห้งสนิททุกครั้ง หรือสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาโรคผิวหนังอยู่ เช่นในกลุ่ม Atopic dermatis ก็จะทำให้ในช่วงฤดูฝน มีความรุนแรงของโรคเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อปรับการให้ยา และแผนการดูแลให้สอดคล้องกับช่วงฤดูมากขึ้น
2. โรคระบบทางเดินหายใจ (หวัด, หลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบ)
ช่วงอากาศเย็นและความชื้นสูง จะส่งผลให้สัตว์เลี้ยงมีภูมิคุ้มกันลดลง มีโอกาสป่วยติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้ง่าย สำหรับแมวจะเสี่ยงกับโรคหวัด เช่น “Cat flu” ส่วนสุนัขก็เสี่ยงกับโรคระบบทางเดินหายใจ มักมีอาการไอ จาม น้ำมูกไหล เบื่ออาหาร และบางรายอาจป่วยเป็นปอดอักเสบ
การดูแลที่สำคัญ คืออย่าให้สัตว์เลี้ยงตากฝนโดยตรง จัดที่อยู่อาศัยให้อบอุ่นและแห้ง และพาไปตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ โดยเฉพาะสัตว์อายุน้อย และสัตว์สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การทำวัคซีนเป็นสิ่งที่สำคัญ สัตวแพทย์จึงบอกเสมอว่า เราเน้นป้องกันมากกว่ารักษา การป้องกันคือการพาสัตว์ไปรับวัคซีนให้ครบถ้วน หากสัตว์เลี้ยงได้รับเชื้อ ก็จะลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยได้
3. โรคระบบทางเดินอาหารและท้องเสีย
ในช่วงหน้าฝน เชื้อแบคทีเรียและโปรโตซัวเจริญได้ดีในอาหารและน้ำไม่สะอาด สัตว์เลี้ยงที่ดื่มน้ำขัง หรือน้ำฝนปนเปื้อนมักจะท้องเสีย อาเจียน หรืออาจมีเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดได้ เช่น Salmonella, E. coli, หรือ Giardia การป้องกันทำได้โดยให้น้ำสะอาดเท่านั้น เปลี่ยนน้ำและล้างชามทุกวัน หลีกเลี่ยงอาหารเปียกค้างคืน และหากมีอาการท้องเสียมากกว่า 1 วันควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
4. โรคเลปโตสไปโรซิส (Leptospirosis) หรือโรคฉี่หนู
เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบมากในฤดูฝน เนื่องจากเชื้อ Leptospira สามารถแพร่กระจายผ่านน้ำ ดิน หรือปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะ เช่น หนู เมื่อสุนัขสัมผัสหรือเลียน้ำที่ปนเปื้อนก็อาจติดเชื้อได้ อาการของโรคนี้ ได้แก่ มีไข้ ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน ตัวเหลืองจากตับอักเสบ และไตวายเฉียบพลัน
โรคนี้ติดต่อถึงคนได้ด้วย การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์สัมผัสน้ำขังหรือพื้นที่สกปรก ฉีดวัคซีนป้องกันโรคเลปโตสไปโรซิสเป็นประจำปีละครั้ง และดูแลสุขอนามัยอย่างเข้มงวด สัตว์ที่ป่วยด้วยโรคฉี่หนู หากได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วสามารถช่วยให้หายจากโรคนี้ได้ หรือในสัตว์เลี้ยงบางตัวเมื่อหายแล้วก็มีโอกาสพัฒนาไปเป็นโรคไตได้ ฉะนั้น เมื่อเจอความผิดปกติในสัตว์เลี้ยง ต้องพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
5. โรคพยาธิเม็ดเลือดและโรคหัวใจจากยุง (Heartworm)
ในหน้าฝนจะมีจำนวนเห็บ หมัด และยุงเพิ่มมาก ทำให้โรคที่ติดต่อผ่านแมลงเหล่านี้ระบาดหนัก เช่น โรคพยาธิเม็ดเลือดจากเห็บ ทำให้สัตว์มีภาวะโลหิตจาง ซึม เบื่ออาหาร หรือโรคพยาธิหนอนหัวใจจากยุง (Dirofilaria immitis) ที่อาจทำให้หายใจลำบาก ไอเรื้อรัง และเสียชีวิต
การป้องกันคือให้ยาหยดหรือยาป้องกันเห็บหมัดและยุงในหลาย ๆ รูปแบบ ที่มีมาตราฐานและปลอดภัย อย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ รวมทั้งดูแลสภาพแวดล้อมให้สะอาด ไม่ให้มีน้ำขัง ซึ่งเท่ากับลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
การดูแลป้องกันโดยรวมในช่วงหน้าฝน
เจ้าของต้องจัดที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้แห้ง อุ่น ไม่อับชื้น หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ชามอาหาร ที่นอน ของเล่น และควรเสริมอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน และตรวจสุขภาพ และพาสัตว์ไปฉีดวัคซีนตามกำหนด
ย้ำว่า หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอ จาม ท้องเสีย หรือซึม ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคทันที จะได้รักษาได้อย่างถูกต้อง ในส่วนของสัตวแพทย์ทุกคนมีความคาดหวังอยากรักษาสัตว์เลี้ยงให้หายจากการเจ็บป่วย เพราะเป็นความภูมิใจและสบายใจ ส่วนเจ้าของสัตว์เลี้ยงก็จะได้มีความสุขกับสัตว์เลี้ยงที่มีสุขภาพดี
ขอย้ำอีกทีว่า การที่สัตว์เลี้ยงเจ็บป่วย แล้วรักษาไม่หายนั้น ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่สัตวแพทย์อย่างเดียว แต่เจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องร่วมกันรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นคนสำคัญอย่างมากในการดูแลสัตว์ ดังนั้น ขอให้ทำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี