โจรสลัดมีมาตั้งแต่โลกยุคโบราณ โดยเจริญรุ่งเรืองสุดขีดระหว่างศตวรรษที่ 16-18 เมื่ออั้งม้อทำการไล่ล่าเมืองขึ้นอย่างกระหน่ำและทวีปอเมริกาทั้งเหนือใต้เปิดประตูให้ผู้คนแห่ไปตั้งหลักปักฐาน

ครั้นโลกโคจรเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม อาชีพโจรสลัดก็กลายเป็นอาชีพล้าหลัง การชัก “ธงกะโหลกขาว กระดูกไขว้” โหนเชือกกระโดดขึ้นเรือของเหยื่อ แล้วปล้นฆ่าอย่างเมามันเป็นอัน “ตกยุค”

โจรสลัดสูญหายไปยาวนาน จู่ๆ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาชีพโจรสลัดได้กลับมาอีกครั้งอย่าง “เหลือเชื่อ”

โดยกลับมาแบบ “โจรสลัดไฮเทค” ใช้เรือพิฆาตที่ทันสมัย มีอาวุธสงครามร้ายแรง มีเรดาร์จับความเคลื่อนไหวของเหยื่อได้ เป้าหมายในการปล้นคือ เรือขนน้ำมัน เรือพาณิชย์ และเรือขนอาวุธ

“โจรสลัดยุคใหม่” ที่ขอย้อนยุคกลับไปเล่นเพลงโบราณแบบ “โก๋หลังวัง” ที่สุดดังครั้งนี้ ได้แก่ “โจรสลัดโซมาเลีย” ที่อาละวาดอย่างสุดโหดแถบชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก เรือทุกประเภทจะผ่าน “ทะเลแดง” เป็นถูกปล้นโดยขุนโจรไม่เพียงแต่ริบทรัพย์และสูบเอาน้ำมัน ยัง “จับคนและยึดเรือไว้เรียกค่าไถ่จำนวนเงินมหาศาล” อีกต่างหาก

เล่นเอาเรือรัสเซีย เรือญี่ปุ่น เรือเกาหลีใต้ และเรือไทย รวมถึงเรือชาติอื่นๆ อีกจำนวนมากต่างต้องเจอะหายนะด้วย “เดชโจรสลัดโซมาเลียหลายกลุ่ม”

ในที่สุด ชาติต่างๆ ก็ได้ “ลงขัน” รวมกำลังส่งทหาร และเรือรบไป “รุมกินโต๊ะ” โจรสลัด โดยมีเรือรบไทยและทหารไทยร่วมปฏิบัติการ จน “ปิดชุมโจร” ลงได้อย่างราบคาบ

หลังจาก “โจรสลัดโซมาเลีย” สูญพันธุ์ไป จนกลายเป็นตำนานที่ถูกเก็บใส่ลิ้นชัก ก็ไม่มีโจรสลัดกลุ่มไหนออกมาเขย่าโลก

แต่จู่ๆ “สลัดกลุ่มย่อยรายกระเปี๊ยกเล็ก” กลับมาปรากฏตัวในน่านน้ำเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ทั้งเรือไทยเรืออินโดนีเซีย และเรือชาติอื่นๆ ถูกสลัดไร้สัญชาติปล้นเป็นประจำแต่เป็นการ “ปล้นแบบจิ๊บๆ” เช่น สูบน้ำมันไปจากเรือ และขนปลาไปจนเกลี้ยงเรือ เป็นต้น

ล่าสุดเรือไทยชื่อ CP41 ซึ่งขนน้ำมัน 3 ล้านลิตร ก็ถูกโจรสลัดทำการปล้น ในน่านน้ำมาเลเซีย จนสูบน้ำมันไปถึง 1.5 ล้านลิตร

ตำนานโจรสลัดที่มีมาตั้งแต่โลกโบราณ จนต่อท่อมาถึงวันนี้ กลายเป็น “ตำนานที่ควรจบ” แต่ไม่ยอมจบ

กมลศักดิ์ ตั้งธรรมนิยม