วันเสาร์ ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / การเมือง.. เรื่องเงินๆ
การเมือง.. เรื่องเงินๆ

การเมือง.. เรื่องเงินๆ

พัสณช เหาตะวานิช
วันจันทร์ ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560, 02.00 น.
วิกฤติต้มยำกุ้ง 2540 เราเรียนรู้อะไรกันบ้าง

ดูทั้งหมด

  •  

 


เมื่อวานนี้ครบรอบเหตุการณ์ วิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ของประเทศไทย 20 ปี เมื่อ 2 กรกฎาคม 2540 เป็นเรื่องร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

สำหรับคอลัมน์วันเสาร์ที่ผ่านมาได้ถ่ายทอดเรื่องราวย้อนอดีตเพื่อมองสู่อนาคตกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรณ์ จาติกวณิช กันไปแล้ว (ลิงค์บทความ “เมื่อกรณ์บอกว่า.. สิ่งที่น่าห่วงกว่าวิกฤติเศรษฐกิจคือ ความเสี่ยงที่ไทยจะแข่งขันไม่ได้ จนเศรษฐกิจไม่โต !

“http://www.naewna.com/politic/columnist/30360 )

คุณกรณ์ได้แสดงความกังวลเอาไว้ว่า ในช่วงเวลานี้มีสิ่งที่น่ากังวลมากยิ่งกว่าการเกิดวิกฤติการเงินแบบเมื่อ 20 ปีก่อน นั่นคือ การที่เศรษฐกิจไทยจะไม่โตอันเนื่องมาจากการขาดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของไทย อันเนื่องมาจากรากปัญหาหลัก 3 เรื่องคือ 1.ความสามารถแรงงาน อันเนื่องมาจากปัญหาการศึกษา 2.ปัญหาระบบราชการ และ 3.สังคมผู้สูงอายุ

วันนี้เราย้อนไปดูกันกับคุณบรรยง พงษ์พานิช อีกครั้งครับว่า..เราเรียนรู้อะไรกันมาบ้างจากวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540

____________________________________

ในวันนี้เมื่อยี่สิบปีก่อน....2 กรกฎาคม 2540 ตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยเรียกประชุมนายธนาคารทุกแห่งในเวลาเช้าตรู่ 07.00 น. แล้วประกาศว่า ประเทศไทยจะใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบลอยตัว ให้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งหมายความว่า ธปท.จะไม่เป็นผู้กำหนดและจะไม่แทรกแซงขนาดหนักอย่างที่เคยทำมา (ซึ่งทุกคนก็รู้โดยทันทีเลยว่า ธปท.สารภาพว่าเงินทุนสำรองหมดเก๊ะแล้ว ไม่มีเค้าจะแทรกแซงได้อีก)

...และนั่นก็เท่ากับการประกาศจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของ“วิกฤติเศรษฐกิจ”ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยเคยมี ที่เราเรียกกันว่า“วิกฤติต้มยำกุ้ง” ซึ่งในที่สุดก็ลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาค มี Kimchi Crisis ของเกาหลี Abodo Crisis ของฟิลิปปินส์ Gado Gado Crisis ของอินโดนีเซีย และ Nasi Lemak Crisis ของมาเลเซีย ทยอยตามมาติดๆ

ผมว่าการที่ใช้อาหารประจำชาติมาตั้งฉายาให้วิกฤติเศรษฐกิจที่ลุกลามในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่เหมาะมากทีเดียว เพราะการลุกลามนั้นไม่ใช่เป็นการติดเชื้อโรคเท่านั้น

แต่เพราะสาเหตุที่แท้จริงนั้นมันเป็นเพราะต่างก็กินอาหารแสลงเหมือนๆ กัน นั่นก็คือการลงทุนที่ผิดพลาด(ลงในสิ่งที่มี
ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า) และใช้แหล่งเงินทุนที่ผิดพลาด(เอาเงินกู้ระยะสั้นสกุลต่างประเทศมาลงทุนระยะยาว)

สาเหตุ ความเป็นไป วิธีการแก้ปัญหา รวมทั้งเหตุการณ์ต่อเนื่องจากวิกฤติครั้งนั้น คุณบรรยงได้เคยเขียนบรรยายรายละเอียดไว้แล้วในบทความยาว 8 ตอน ที่เขียนเมื่อ 2 ก.ค. 2556-18 ก.ค. 2556 ใครสนใจไปหาอ่านได้ใน ThaiPublica นะครับ

....วันนี้จะพูดถึงบทเรียนที่ได้ กับผลจากการแก้ปัญหา และอุทาหรณ์อื่นๆ

การแก้ปัญหาวิกฤติครั้งนั้นของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน ไทย อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้ ต่างก็ขอเข้ารับความช่วยเหลือจาก IMF ขอเงินกู้ ($ 17, $42 และ $58 พันล้าน ตามลำดับ) โดยยอมตัวเข้าผูกพันตามโครงการปฏิรูปภายใต้บันทึกข้อตกลง(LOI) ขณะที่ฟิลิปปินส์มีปัญหาไม่มากนัก เงินสำรองมีมากและดุลการค้าก็ได้เปรียบ ถึงแม้ค่าเงินจะลดลงมาก แต่เศรษฐกิจก็ถดถอยเพียงเล็กน้อย(ต่ำกว่า 5% ขณะที่ประเทศอื่นๆ มากกว่า 10%) ฟิลิปปินส์จึงใช้แค่ Technical Assistance คำปรึกษาจาก IMF โดยไม่ต้องขอกู้ ...ส่วนมาเลเซียของนายกฯ มหาเธร์นั้นไปอีกแนว ประกาศไม่เอา IMF แถมด่ารายวัน แล้วก็มีการควบคุมการไหลเข้าออกของทุน (Capital Control) แถมกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนตายตัว (Fixed Exchange Rate) กึ่งๆ ปิดประเทศบางส่วน อาศัยว่ามีเงินทุนสำรองค่อนข้างมาก กับราคาน้ำมันซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักอันหนึ่งปรับตัว
ดีขึ้น ก็เลยรอดตัวพัฒนามาได้ 

วันนี้วิกฤติผ่านมายี่สิบปีเต็ม ต้องบอกว่าทุกประเทศต่างก็ผ่านวิกฤติมาได้ หลังจากต่างก็ชะงักงัน เศรษฐกิจติดลบไปแค่ปีสองปี ในที่สุดก็ตั้งหลักเดินต่อกันได้ ซึ่งแทบทุกประเทศกลับมามีอัตราเติบโตได้ดี ซึ่งถ้านับจากปี คศ.2000 ที่ต่างก็ตั้งหลักกันได้จนถึง คศ.2016 ส่วนใหญ่สามารถกลับมาเติบโตในอัตราที่น่าพอใจ ฟิลิปปินส์ เติบโตได้เฉลี่ย 4.95% ต่อปี ขณะที่อินโดนีเซีย ก็พัฒนาได้ดี เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยได้สูงถึง 5.3% ต่อปี แถมประชาธิปไตยเบ่งบาน เผด็จการถูกโค่นล้ม ธรรมาภิบาลก็พัฒนา คนโกงโดนลงโทษ ดัชนีคอร์รัปชั่นปรับขึ้นจาก 17 คะแนน มาเป็น 37 คะแนน อันดับพุ่งพรวดจาก 140 มาเป็นที่ 90 ของโลก...ด้านมาเลเซียที่ก่อนวิกฤติทำท่าจะโดนพี่ไทยแซงหน้า แต่พอหลังวิกฤติกลับเติบโตได้แข็งแรงเฉลี่ยปีละถึง 5.07% จนค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้เป็นประเทศพัฒนาแล้วเสือตัวที่ห้าแห่งเอเชียภายในปี 2020 นี้เป็นแน่...ข้างเกาหลีใต้นั้น แทบไม่ต้องพูดถึง แม้จะโดนวิกฤติอ่วมต้องพึ่งเงินช่วยจาก IMF ตั้งครึ่งแสนล้านเหรียญ แต่หลังแก้ไข กัดลูกปืนปฏิรูปหลายด้านจนเติบโตได้เฉลี่ยสูงถึง 4.19% นับว่าโตมากที่สุดประเทศหนึ่งในเหล่าประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย จนมีรายได้ต่อคนต่อปีเกือบ $28,000 ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 25 ของโลก

สรุปว่ามีเพียงประเทศเดียวที่แป๊กยาว คือ ประเทศไทยแลนด์ของเรานี่เอง ที่ 2000-2016 เศรษฐกิจเติบโตแบบต่ำเตี้ย เฉลี่ยแค่ 3.95% ต่อปี โดยที่หกปีหลัง (2010-2016) นี่โตแค่เฉลี่ยปีละ 2.98% ที่ไม่ใช่จะแค่ต่ำสุดในเหล่าประเทศที่โดนวิกฤติเท่านั้น แต่นับว่าต่ำสุดแห่งหนึ่งในโลกในเหล่าประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) เลยทีเดียว ซึ่งถ้าเทียบกับอัตราเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 9% ในช่วงสิบปี (1986-1996) ก่อนเกิดวิกฤติแล้ว นับว่า
เป็นฟ้ากะเหวเลยทีเดียว 

คุณบรรยงบอกว่า… อยากชวนวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมวิกฤติเมื่อยี่สิบปีก่อน ถึงได้เปลี่ยนสถานะเราจากหน้ามือกลายมาเป็นหลังตีน จากประเทศดาวรุ่งคั่วตำแหน่งเสือตัวใหม่กลายมาเป็นประเทศติดกับดักฉายา “คนป่วยแห่งเอเชีย”ได้ขนาดนี้ ซึ่งผมขอตั้งประเด็นเป็นข้อๆ เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์วิจัยกันต่อนะครับ

1.ในวิกฤติต้มยำกุ้งของไทยนั้น เป็นวิกฤติในภาคเอกชน ที่ลงทุนเกินตัว โดยใช้แหล่งเงินผิดประเภท คือไปกู้ระยะสั้นมาจากต่างประเทศ พอเราถูกบังคับให้ลดค่าเงิน ผู้กู้ก็ล้มระเนระนาด แต่ก็เป็นเพียงพวกพ่อค้าคนรวยส่วนใหญ่ คนทั่วไปถึงจะเดือดร้อนจากการที่เศรษฐกิจหดตัวรุนแรง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น แถมลักษณะสังคมไทยที่ใครเดือดร้อนตกงานก็ยังโอบอุ้มช่วยเหลือ ไม่มีใครอดตาย ทำให้เราไม่มีวิกฤติสังคม ไม่มี Social Unrest...พอเราลดค่าเงินลงมาก สินค้าเกษตรก็ราคาพุ่งขึ้น เกษตรกรกลายเป็นดีขึ้นมาก สินค้าส่งออกอื่นๆ ก็พุ่งขึ้นอย่างมากเพราะมีexternal price adjustment (ลดค่าเงิน) ขนานใหญ่ มีการลงทุนมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมส่งออกเพิ่มมาก คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์

2.ประเทศไทยมีวินัยการคลังต่อเนื่องกันมายาวนาน เราจึงมีระดับหนี้สาธารณะที่ต่ำ รัฐบาลจึงมีทางเลือกทางนโยบายที่จะใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ค่อนข้างมาก นอกจากนั้นจากการที่เรามีรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เน้นการกระจายอำนาจและทรัพยากร กับการให้รัฐบาลมีอำนาจบริหารมากขึ้น ทำให้เกิดนวัตกรรมประชานิยม ที่เอาทรัพยากรส่วนกลางไปใช้จ่ายแจกได้ในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งการขยายตัวของบทบาทและขนาดของรัฐอย่างมากผ่านรัฐวิสาหกิจ และนโยบายแทรกแซงตลาดแบบต่างๆ (เช่น การค้ำประกันราคาพืชผล) ทำให้ในระยะสั้น ยังทำให้เศรษฐกิจพอจะขยายตัวไปได้

3.จากสองข้อข้างต้น ทำให้เราผ่านวิกฤติมาได้โดยค่อนข้างง่าย ไม่มีแรงกดดันให้ต้องปฏิรูปขนานใหญ่ใดๆ เอกชนมีการเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มผลิตภาพน้อย เพราะไม่มีความจำเป็น สังเกตได้จากTotal Factor Productivity ของภาคอุตสาหกรรมที่แทบไม่เพิ่มเลย การลงทุนเพื่อ upgrade productivity มีน้อย แถมการขยายตัวอย่างมากของรัฐ เท่ากับว่าเอาทรัพยากรจำนวนมากไปอยู่ในภาคที่ประสิทธิภาพ และผลิตภาพต่ำ และส่งเสริมให้การคอร์รัปชั่นขยายตัวเต็มที่

4.พอเสถียรภาพค่าเงินกลับมา มีการเกินดุลการค้าและดุลการชำระเงินต่อเนื่อง ค่าเงินย่อมถูกกดดันให้แข็งค่าขึ้น ความได้เปรียบด้านราคาย่อมหมดไป แถมประเทศเกิดใหม่รุ่นใหม่อื่นๆเริ่มมีประสิทธิภาพการแข่งขัน มีผลิตภาพมากขึ้น อุตสาหกรรม
ส่งออกเราก็เลยเริ่มมีปัญหา ไม่สามารถแข่งขันได้ ในขณะที่หนี้สาธารณะทั้งที่อยู่ในระบบ และที่แอบแฝงอยู่(เช่น ขาดทุนจำนำข้าว ขาดทุนธนาคารรัฐ ฯลฯ) ก็เริ่มที่จะมีเพดานข้อจำกัด การขยายตัวแบบ“รัฐแอบอัด”ก็เริ่มจะถึงทางตัน

คุณบรรยงได้สรุปตอนท้ายไว้ว่า..

เราเรียนรู้จากวิกฤติ“ต้มยำกุ้ง”น้อยมาก เราแทบไม่ได้ใช้โอกาสจากวิกฤติในการปฏิรูปใดๆ เลย สิ่งที่ทำก็ดูเหมือนจะเป็นแค่สร้างเสถียรภาพความมั่นคงให้กับสถาบันการเงิน(แต่ก็ด้วยต้นทุนที่สูงลิ่ว) แต่ผลิตภาพที่แท้จริงของระบบเศรษฐกิจดูจะมีเพิ่มน้อยมาก พอปัจจัยต่างๆ เริ่มจำกัด เช่น การเข้าสู่สังคมสูงอายุ(แรงงานเริ่มจำกัด) เพดานหนี้เริ่มปริ่มทั้งหนี้รัฐ หนี้เอกชน หนี้ครัวเรือน ฯลฯ เราก็เลยติดกับดักลึกลงไปทุกที

ยี่สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว...แน่นอนครับ เรามีโอกาสน้อยมากที่จะเจอวิกฤติแบบเดิมอีก แต่สิ่งที่น่าจะเจอมากกว่า จะกลายเป็นความหนืด ความอืด ที่เศรษฐกิจจะไม่เติบโต หรือโตช้า ซึ่งหลายคนบอกว่า นั่นอาจจะเป็นเครื่องป้องกันวิกฤติที่ดีได้อย่างหนึ่ง (วิกฤติมักจะตามการเติบโตที่ร้อนแรง) แต่ที่ผมกลัวมากกว่าก็คือ ประวัติศาสตร์สอนว่า ในยามที่เศรษฐกิจเติบโตช้า ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งทวี (เรื่องนี้ Thomas Picketty ดูจะเขียนไว้ชัดในหนังสือ Capital in 21st century ของเขา ว่า ระบบ Capitalism ใน Low growth economy จะค่อยๆ ถ่ายโอนสมบัติจากคนจนไปสู่คนรวย ทำให้ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นไปเองตามธรรมชาติของระบบทุนนิยม) ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แม้ไม่มีวิกฤติเศรษฐกิจก็อาจมีวิกฤติสังคม ซึ่งถ้าเป็นไปอย่างรุนแรง ก็อาจจะล้มล้างระบบไปเลยอย่างที่เคยเกิดในรัสเซีย จีน เวียดนาม กัมพูชา 

ซึ่งถ้าเกิดวิกฤติสังคม เกิดสงครามชนชั้น มีสงครามกลางเมืองขึ้นมาจริง เราคงไม่ได้ฟื้นง่ายๆ เหมือนตอนปี 2540 หรอกครับ คงต้องใช้เวลาหลายสิบปีทีเดียว

- ขอขอบคุณคุณบรรยง พงษ์พานิช มา ณ โอกาสนี้ครับ -

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:11 น. 'คุณหญิงสุดารัตน์' จี้นายกฯ รีบออกแถลงการณ์บอกชาวโลก ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก
21:42 น. รุมจวก'อิ๊งค์' ห่วงศึก 'อิหร่าน-อิสราเอล' แต่เขมรหันปืนใส่เงียบ
21:31 น. 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร'ถูกไล่ออกข้าราชการ เซ่นปมฮั้วประมูลก่อสร้างในแก่งกระจาน
21:15 น. ภัยสังคม! พ้นโทษคดียาบ้า ตามถีบจยย.พยาบาลฝึกงาน หวังขืนใจ ทำมาแล้ว3ครั้ง
21:02 น. เลขเด็ดพญาบึ้งมาแล้ว! นักเสี่ยงโชคแห่ขอเลข ลุ้นรวยงวดนี้
ดูทั้งหมด
ยึดตกเป็นของแผ่นดิน! เปิดมูลค่าทรัพย์สิน'อดีตพระพรหมเมธี'คดีเงินทอนวัด
หนาวทั้งบาง! จับตาสิ้นเดือนกรกฎาคม‘ล้างบางการเมืองสีเทา’ เขย่า‘ทำเนียบฯ-รัฐสภา’
'ฮุน เซน'โพสต์ท้าไทย! ส่งตัวนักเคลื่อนไหวคนดังให้กัมพูชา หากไทยไม่ได้สมคบคิดด้วย
กำนันผู้ใหญ่บ้านนนทบุรีผนึกกำลัง! เกือบพันคนรวมพลังหนุนกองทัพแก้ปัญหากัมพูชารุกล้ำชายแดน
ยกให้เป็นคนดีศรีอุดร! ชื่นชมแม่ทัพภาค 2 ศิษย์เก่าบ้านดุงวิทยา ส่งใจเชียร์ปกป้องชาติ
ดูทั้งหมด
‘Caregiver’ขาดแคลน ‘สูงวัย’ยอดพุ่งใครดูแล?
หุ้นเด่น : 14 มิถุนายน 2568
แวดวงอสังหาฯ : 14 มิถุนายน 2568
สงครามน้ำเงิน-แดง จบแบบเจ๊ากันไป เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายฆ่าตัวตายทางการเมือง
ผลประโยชน์ชินวัตร เหนือผลประโยชน์แห่งรัฐ
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ภัยสังคม! พ้นโทษคดียาบ้า ตามถีบจยย.พยาบาลฝึกงาน หวังขืนใจ ทำมาแล้ว3ครั้ง

เลขเด็ดพญาบึ้งมาแล้ว! นักเสี่ยงโชคแห่ขอเลข ลุ้นรวยงวดนี้

เศร้า! พ่อ'เก๋ไก๋ สไลเดอร์' เสียชีวิตในบ้านพัก คาดโรคประจำตัวกำเริบ

คนอุดรฯทำถึง แห่ส่งกำลังใจถึงแม่ทัพ-แนวหน้า ขึ้นจอLEDกลางอุดรฯ

'นายกฯ'ขอบคุณทีมเจรจา JBC มั่นใจจะหาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของประเทศได้

กต. เผย 'อิสราเอล-อิหร่าน' ยังโจมตีกัน เตือนคนไทยหลีกเลี่ยงไปในพื้นที่

  • Breaking News
  • \'คุณหญิงสุดารัตน์\' จี้นายกฯ รีบออกแถลงการณ์บอกชาวโลก ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก 'คุณหญิงสุดารัตน์' จี้นายกฯ รีบออกแถลงการณ์บอกชาวโลก ไทยไม่รับอำนาจศาลโลก
  • รุมจวก\'อิ๊งค์\' ห่วงศึก \'อิหร่าน-อิสราเอล\' แต่เขมรหันปืนใส่เงียบ รุมจวก'อิ๊งค์' ห่วงศึก 'อิหร่าน-อิสราเอล' แต่เขมรหันปืนใส่เงียบ
  • \'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร\'ถูกไล่ออกข้าราชการ เซ่นปมฮั้วประมูลก่อสร้างในแก่งกระจาน 'ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร'ถูกไล่ออกข้าราชการ เซ่นปมฮั้วประมูลก่อสร้างในแก่งกระจาน
  • ภัยสังคม! พ้นโทษคดียาบ้า ตามถีบจยย.พยาบาลฝึกงาน หวังขืนใจ ทำมาแล้ว3ครั้ง ภัยสังคม! พ้นโทษคดียาบ้า ตามถีบจยย.พยาบาลฝึกงาน หวังขืนใจ ทำมาแล้ว3ครั้ง
  • เลขเด็ดพญาบึ้งมาแล้ว! นักเสี่ยงโชคแห่ขอเลข ลุ้นรวยงวดนี้ เลขเด็ดพญาบึ้งมาแล้ว! นักเสี่ยงโชคแห่ขอเลข ลุ้นรวยงวดนี้
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ประกันรายได้ชาวสวนยาง-ปาล์ม‘นโยบาย 5 คูณ 2’!!

ประกันรายได้ชาวสวนยาง-ปาล์ม‘นโยบาย 5 คูณ 2’!!

19 ม.ค. 2562

‘โฉนดสีฟ้า’

‘โฉนดสีฟ้า’

12 ม.ค. 2562

‘ปาบึก’

‘ปาบึก’

5 ม.ค. 2562

ประชาธิปัตย์‘ปะ-ฉะ-ดะ’ยาเสพติด ไม่เกรงใจใคร!

ประชาธิปัตย์‘ปะ-ฉะ-ดะ’ยาเสพติด ไม่เกรงใจใคร!

29 ธ.ค. 2561

ปชป.‘ยกระดับความเป็นอยู่’  ประกันรายได้คนไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ปชป.‘ยกระดับความเป็นอยู่’ ประกันรายได้คนไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

22 ธ.ค. 2561

‘การศึกษา’ประชาธิปัตย์ประเดิมเปิดตัวนโยบายแรก

‘การศึกษา’ประชาธิปัตย์ประเดิมเปิดตัวนโยบายแรก

15 ธ.ค. 2561

สรุปแผนปฏิรูปภาษี ปี 2562 โดย ลงทุนแมน

สรุปแผนปฏิรูปภาษี ปี 2562 โดย ลงทุนแมน

8 ธ.ค. 2561

ใคร่ครวญอนาคตประเทศไทย กับคุณบรรยง

ใคร่ครวญอนาคตประเทศไทย กับคุณบรรยง

1 ธ.ค. 2561

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved