ปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ซ่อนไว้ด้วยเบื้องหลังขบวนการโกงที่ดินของคุณยายเนื่อม ปัญญาชาติศักดาที่ได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนเสียชีวิตบริจาคที่ดินย่านจ.ปทุมธานีเนื้อที่กว่า 700 ไร่ ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้วจนเมื่อคุณยายเนื่อมเสียชีวิตมีขบวนการโกงที่ดินของคุณยายเนื่อมซึ่งความจริงเป็นที่ธรณีสงฆ์ไปแล้วด้วยการใช้อำนาจทางการเมืองซิกแซ็กจนที่ธรณีสงฆ์ตกไปอยู่ในมือนักการเมืองแล้วมีการสร้างเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์และบ้านจัดสรรอย่างสุดอัปยศ

ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เป็นที่ดินอาถรรพ์ที่ซ่อนไว้ด้วยบาปกรรมและคำสาปแช่ง ซึ่งขบวนการโกงบางคนเริ่มใช้กรรมจากคำพิพากษาของศาล และบางคนแม้จะลอยนวลไปได้ แต่ก็คงไม่พ้นต้องไปใช้กรรมในนรก

คดีสุดอื้อฉาวที่ดินอัลไพน์มีการฟ้องร้องนายเสนาะ เทียนทอง เมื่อครั้งเป็นรมช.มหาดไทย ยุครัฐบาลบิ๊กจิ๋ว ได้ใช้อำนาจในทางมิชอบทำให้ที่ดินของ คุณยายเนื่อม ที่บริจาคให้วัดเปลี่ยนมือจากที่ธรณีสงฆ์กลายเป็นสนามกอล์ฟอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ นายเสนาะ กลับรอดตัวเนื่องจากคดีหมดอายุความอย่างเหลือเชื่อ

ช่วงที่ระบอบแม้วเรืองอำนาจสุดขีด นายเสนาะ ในฐานะเจ้าของสนามกอล์ฟอัลไพน์ได้ขายสนามกอล์ฟอาถรรพ์แห่งนี้ให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุก ในราคา 500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงมากในยุคนั้น จากนั้นนายเสนาะ และอดีตสส.พรรคความหวังใหม่ เกือบ 100 คน ก็ยกทีมไปสังกัดพรรคไทยรักไทย

คดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ยืดเยื้อมานานนับสิบปีจนเมื่อไม่นานมานี้ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลางพิพากษาจำคุก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อครั้งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา โดย นายยงยุทธ เป็นหนึ่งในตัวละครขบวนการโกงที่ดินของคุณยายเนื่อม

ปัญหาคดีสนามกอล์ฟอันไพน์ล่าสุดที่กำลังเป็นประเด็นร้อนก็คือการที่กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เตรียมผลักดันร่าง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ในฐานะผู้จัดการมรดกของคุณยายเนื่อม เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

ขณะที่ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาค้านสุดตัวโดยชี้ว่า การผลักดันกฎหมายลักษณะนี้จะเป็นการนิรโทษกรรมให้ผู้กระทำผิดทั้งหมด ทั้งๆ ที่ที่ดินของ คุณยายเนื่อม ตกเป็นที่ธรณีสงฆ์ทันทีตั้งแต่ คุณยายเนื่อม เสียชีวิต อีกทั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาแล้วว่า คำสั่งอธิบดีกรมที่ดินในอดีตที่ให้เพิกถอนการออกโฉนดแปรสภาพที่ธรณีสงฆ์เป็นของเอกชนมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเท่ากับเป็นการยืนยันว่าที่ดินเป็นธรณีสงฆ์อย่างชัดเจน ทางแก้ปัญหารัฐควรสำรวจว่ามีใครถือครองที่ดินดังกล่าวโดยสุจริตบ้าง แล้วจึงออกพ.ร.บ.เพื่อให้มีการเช่าซื้อแก่บุคคลที่ได้ที่ดินมาโดยสุจริต ไม่ใช่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยแบบเหมาเข่งให้วัดโอนที่ดินให้มูลนิธิเพราะเท่ากับว่าการโกงที่ดินของ คุณยายเนื่อม ตั้งแต่ต้นถูกต้องด้วยกฎหมาย คนที่โกงที่ดินวัดก็ไม่มีความผิดการออกกฎหมายลักษณะนี้จึงเหมือนช่วยเหลือบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง

หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ยังชี้ถึงผลกระทบการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่ดินอัลไพน์ว่า จะทำให้ นายยงยุทธ ได้รับผลพลอยได้ในการสู้คดีชั้นอุทธรณ์

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ต้องเบรกกฎหมายฉบับนี้ เพราะไม่อย่างนั้นอาจมองได้ว่ารัฐบาลสมรู้ร่วมคิดกับขบวนการโกงที่ดินวัดซึ่งจะกระทบต่อศรัทธาที่ประชาชนมีต่อคสช.เพราะกฎหมายฉบับนี้ไม่ต่างอะไรจากพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยในอดีต”

ที่ดินพื้นที่หลายร้อยไร่ที่ คุณยายเนื่อม ถูกโกงนอกจากนำไปสร้างเป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์แล้ว ยังมีการสร้างเป็นหมู่บ้านจัดสรรขายด้วยจึงทิ้งปมปัญหาใหญ่ไว้เพราะผู้ที่ซื้อบ้านจัดสรรหมู่บ้านอัลไพน์ตั้งแต่อดีตเครียดกลัวว่าบ้านและที่ดินจะถูกยึดคืนเป็นของวัด

จากปัญหานี้ทางออกที่ควรจะเป็นก็คือ ผู้ครอบครองที่ดินปัจจุบันควรรวมตัวกันฟ้องดำเนินคดีจากบริษัทเอกชนที่นำที่ธรณีสงฆ์มาสร้างเป็นสนามกอล์ฟและหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนเพื่อเรียกร้องเงินชดใช้คืน

ขณะเดียวกันภาครัฐโดยกระทรวงมหาดไทยและพศ.ควรทำทุกวิถีทางเพื่อนำที่ดินกลับมาเป็นธรณีสงฆ์ตามเจตนารมณ์ของ คุณยายเนื่อม ขณะเดียวกัน ควรยับยั้งการออกกฎหมายอัปยศ เพื่อแปลงที่ธรณีสงฆ์ให้มูลนิธิซึ่งเปิดช่องให้มีการเล่นแร่แปรธาตุได้ในอนาคต และส่งผลให้มีการนิรโทษกรรมขบวนการโกงที่ธรณีสงฆ์แบบเหมาเข่ง

เพราะฉะนั้นปัญหาที่ดินอัลไพน์สุดอื้อฉาวที่ยืดเยื้อมานานหลายสิบปีควรจะคืนความเป็นธรรมให้กับคุณยายเนื่อมได้แล้ว และที่สำคัญควรทบทวนกฎหมายที่เปิดช่องฟอกผิดให้กับขบวนการโกงที่ธรณีสงฆ์มิฉะนั้นจะถือเป็นตราบาปอัปยศสำหรับคสช.

ทีมข่าวการเมือง