l ในปีที่ผ่าน ปู่จิ๊บมีโอกาสตามไปดูกระบวนการยุติธรรมที่คนดีและนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยถูกคดี ได้เห็นคนดีที่ใช้สิทธิเสรีภาพประชาธิปไตย ทำเพื่อความถูกต้องเป็นธรรมเพื่อบ้านเมือง ได้รับการชื่นชมยกย่องสนับสนุนจากมวลประชามหาชน แต่รัฐกลับเฉย ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมว่าไป ทั้งที่สังคมไทยได้รับรู้ถึงข้ออ่อนบกพร่องและจำกัด ที่จำเป็นจะต้องปฏิรูปด่วนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
l ปู่จิ๊บจะนำเพื่อนทั้งหลาย ตามไปดูกระบวนการยุติธรรมที่มีขั้นตอนต่างๆ จากตำรวจ อัยการและศาล มาเริ่มจากท้ายสุด คือปลายน้ำของกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นผู้ชี้ขาดของคดี คือ ศาล เรามาเริ่มดู ที่ห้องพิจารณาคดี และกระบวนการที่เกิดขึ้นในห้องนี้
l ห้องพิจารณาคดี ที่ดูศักดิ์สิทธิ์ ที่ทุกคนทั้งจำเลย โจทก์ ทนายอัยการ ต้องยืนเคารพเมื่อผู้พิพากษาปรากฏ และต้องนั่งนิ่ง สำรวมในขณะรับฟังกระบวนการดำเนินคดีในศาล ห้ามโทร. ถ่ายรูป ฯลฯ เพื่อเป็นการเคารพ และต้องยืนเคารพ เพื่อรับทราบข้อสรุปคดีของผู้พิพากษาเจ้าของคดี ก่อนที่จะเดินออกประตูหลังซ้าย ด้านขวามีอีกประตูหนึ่งสำหรับจ่าศาลนำผู้ต้องคดีเข้าออกฯ
l ที่นั่งภายในห้อง จัดไว้ที่ใดและสำหรับใครบ้าง
1.ที่นั่งบนสุด จะยกสูงกว่าของคนอื่นๆ คือ บัลลังก์ซึ่งผู้พิพากษาทำหน้าที่พิจารณา พิพากษาคดี
2.โต๊ะหน้าบัลลังก์ศาล(เสมียนศาล) : เจ้าหน้าที่ ทำหน้าที่ให้การช่วยเหลือผู้พิพากษาและพิมพ์บันทึกข้อมูล
3.ที่นั่งด้านซ้าย : ทนายความฝ่ายโจทก์ ทำหน้าที่ว่าความให้แก่โจทก์ หรือพนักงานอัยการโจทก์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทนายความแผ่นดิน ในคดีอาญาแทนผู้เสียหาย
4.ที่นั่งด้านขวา : ทนายความฝ่ายจำเลย ทำหน้าที่ว่าความแก้ต่างให้แก่จำเลย
5.ตรงกลางห้อง แท่นยืนนั่ง สำหรับผู้ขึ้นให้การฯ (คอกพยาน) จำเลยโจทก์และพยานของทั้งสองฝ่าย บนแท่นจะมีกระดาษเป็น “คำสาบาน” ที่พยานจะต้องสาบานก่อนให้การ(พุทธ คริสต์ อิสลาม)
6.ถัดไป ด้านซ้าย เป็นที่นั่งของโจทก์และพยานโจทก์ ด้านขวาเป็นที่นั่งของจำเลยและพยานจำเลย
7.ที่นั่งท้ายสุด ผู้เข้าร่วมฟังการพิจารณาฝ่ายโจทก์และจำเลย พยานมีหน้าที่เบิกความต่อศาลถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับคดี โจทก์คือผู้ที่เป็นฝ่ายฟ้องคดี ส่วนจำเลยคือผู้ที่ถูกฟ้องคดี จำเลย และผู้ที่มานั่งฟังการพิจารณาฝ่ายจำเลย
l ที่หน้าห้อง จะมีการติดป้ายหมายเลขห้องพิจารณา(เพราะมีหลายห้อง) และชื่อของผู้เกี่ยวข้องต่างๆ
1.บนสุด : ชื่อศาลจังหวัด ……
2.บรรทัดถัดมา : ชื่ออัยการเจ้าของคดี
3.ล่างสุด : เป็นเอกสารที่ให้รายละเอียด
ศาลประจำจังหวัด...... บัญชีนัดความ ประจำวันนัดพิจารณาที่ วัน...... เดือน...... ปี......คดีที่.....เลขที่คดีดำแดงที่.....เวลานัด......ชื่อผู้พิพากษา....ชื่อโจทก์....จำเลย....ข้อหา....สาเหตุนัด....
l กระบวนการพิจารณา
เมื่อทุกคนพร้อม โจทก์ จำเลย อัยการ ทนายโจทก์ ทนายจำเลย (จะสวมชุดครุยประจำตำแหน่งฯ) เสมียนหน้าบัลลังก์จะติดต่อ
ไปยังผู้พิพากษา แล้วจะเดินขึ้นมาทางประตูหลังด้านขวาของบัลลังก์ ทุกคนจะต้องยืนขึ้นทำความเคารพศาล ผู้พิพากษาจะกล่าวถึงคดีความที่จะพิจารณา และเชิญจำเลยโจทก์หรือพยาน มายืนบนแท่น โดยผู้พิพากษาจะเป็นผู้เริ่มต้นในการถาม “ผู้ขึ้นให้การ : ชื่อ ที่อยู่.....
ในฐานะโจทก์จำเลยหรือพยาน”
l แล้วขอให้ “ผู้ที่ยืนอยู่บนแท่น” (โจทก์จำเลยหรือพยาน) กล่าวคำสาบาน
1.คำสาบานสำหรับผู้ถือศาสนาพุทธ ให้พนมมือไหว้
ข้าพเจ้า ขอสาบานตนต่อพระแก้วมรกต พระสยามเทวาธิราช เจ้าพ่อหลักเมือง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาล ด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำความเท็จมากล่าวแม้แต่น้อย ขอให้ภัยอันตรายและความวิบัติทั้งปวง จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัวโดยพลัน หากข้าพเจ้านำความจริงมากล่าว ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว จงประสบแต่ความสุขความเจริญ
2.คำสาบานสำหรับผู้ถือศาสนาอิสลาม
ข้าพเจ้า ขอสาบานตนต่อพระอัลเลาะห์ว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาล ด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำความเท็จมากล่าว ขอองค์พระอัลเลาะห์ทรงโปรดลงโทษข้าพเจ้า หากข้าพเจ้ากล่าวความจริงต่อศาล ขอพระอัลเลาะห์ทรงโปรดตอบแทนข้าพเจ้า ด้วยความดีงามทั้งหลาย
3.สำหรับผู้ที่ชาวต่างด้าวพูดไทยไม่ได้ มีฉบับภาษาอังกฤษ
The Oath for those who can not speak Thai
The evidence that I shall give to the Court shall be the truth the whole true
And nothing but the truth. (So heip me God)
l เอาเรื่อง “คำสาบานนี้” เพื่อนทั้งหลายคิดอย่างไร
โดยปกติ “คำสาบานที่จะพูดความจริง ไม่กล่าวเท็จ” คนดีมีคุณธรรมจะพูดความจริงอยู่แล้ว เพราะเมื่อเขากระทำความดี ทำสิ่งที่ถูกต้องทั้งทางใจและทางโลก ซึ่งคือ การยึดกฎหมายสูงสุด คือ รัฐธรรมนูญ และหรือ เคารพการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับคนไม่ดี ไม่มีคุณธรรม ก็จะพูดความจริงในส่วนที่เขาได้ประโยชน์ และพูดความเท็จ ในส่วนที่เขาผิด สำหรับทนายความทั้งของโจทก์และจำเลย จะมีโอกาสพูดไม่จริงมาก เพราะเขาหวังชนะ เพราะเขาทำหน้าที่(ทนาย) ที่ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนจากโจทก์หรือจำเลย
แต่ที่น่าตั้งเป็นข้อสังเกต คือ “อัยการ” ที่ทำหน้าที่เป็นโจทก์สำหรับคดีอาญาของหน่วยงานรัฐ เขาไม่ใช่ทนายที่ถูกว่าจ้างโดยโจทก์หรือจำเลย และได้รับค่าตอบแทน แต่เขาเป็นอัยการ หรือทนายของแผ่นดิน ได้เงินตอบแทนจากแผ่นดินคือ การเสนอหรือซักถามเพื่อให้แผ่นดินได้ประโยชน์ คือ ความถูกต้องเป็นธรรมของคดี (ไม่ว่าโจทก์หรือจำเลย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี