ขณะนี้กำลังเกิดเรื่องฮือฮาใหญ่โตขึ้นในวงการพระพุทธศาสนาอีกแล้ว คือมีผู้ตั้งลัทธิความเชื่อกลุ่มใหม่ขึ้นมา กล่าวหาคณะสงฆ์ไทยและมหาเถรสมาคมว่าหย่อนยาน ทำลายพระพุทธศาสนา ดังนั้นจึงต้องกอบกู้สถานการณ์เพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่
สื่อมวลชนได้นำข้อมูลข่าวสารมาเปิดเผยให้เป็นที่ตื่นตระหนกตกใจกันทั้งประเทศว่า คณะผู้ถือความเชื่อนี้มีผู้คนเข้าร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก และทำมานานแล้ว แต่กลับไม่เคยมีข่าวคราวปรากฏก่อนหน้านี้เลย
มีการกล่าวอ้างว่าได้บรรลุธรรมถึงขั้นเป็นพระอรหันต์ สามารถติดต่อรับคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ สามารถติดต่อกับพระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ดับขันธ์ไปแล้วได้ และกล่าวอ้างด้วยว่าไม่ต้องบวช ไม่ต้องโกนหัว ไม่ต้องห่มจีวร ก็สามารถบรรลุมรรคผลขั้นสูงได้
มีการกล่าวอ้างว่าหนทางปฏิบัติที่สามารถบรรลุมรรคผลของตนนั้นคือแบบแผนที่เรียกว่าเตโชวิปัสสนากรรมฐาน แต่แทนที่คนทั้งหลายจะทำความรู้ความเข้าใจว่าการบรรลุธรรมตามที่อ้างก็ดี แบบแผนการปฏิบัติที่เรียกว่าเตโชวิปัสสนากรรมฐานก็ดีนั้น เป็นธรรม เป็นวินัยและเป็นแบบแผนการฝึกฝนอบรมในพระพุทธศาสนาหรือไม่ กลับไปหลงทางโต้แย้งถกเถียงกันว่าฆราวาสธรรมดาจะบรรลุมรรคผลนิพพานได้จริงหรือ ซึ่งเข้าทางตีนของเขาด้วยความไม่เข้าใจ
ก็บอกให้รู้ทั่วกันว่าฆราวาสอย่างเราท่านก็สามารถบรรลุธรรมบรรลุมรรคผลในบางระดับได้ โดยเฉพาะบรรลุมรรคผลชั้นพระอริยะระดับพระโสดาบันหรือสูงกว่านั้น แต่ถ้าบรรลุถึงขั้นพระอรหันต์แล้วจะไม่สามารถดำรงอยู่ในฆราวาสวิสัยได้ จะต้องเข้ารับเพศบรรพชิตในเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นวิสัยของผู้บรรลุเช่นนั้นเหมือนนกที่ปีกขนงอกแล้วก็ย่อมบินไปในอากาศฉันใด ผู้ที่บรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์ก็ย่อมรับอุปสมบทตามเวลาฉันนั้น
อย่าไปโง่เถียงกับเขาในเรื่องนี้ เพราะชาวพุทธแท้ย่อมรู้ดีว่าตัวอย่างมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว ที่พระเจ้าพิมพิสารก็ดี พระนางมหาปชาบดีโคตมีก็ดี ล้วนบรรลุมรรคผลเป็นพระอริยะระดับต้นๆและยังครองเพศฆราวาสอยู่จนกระทั่งสิ้นชีวิต
ที่จะต้องทำความเข้าใจกันก็คือ ธรรมที่อ้างว่าบรรลุนั้นคืออะไร? เพราะสิ่งที่เรียกว่าธรรมนั้นมีทั้งกุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากตธรรม แม้กระทั่งโจรที่ออกปล้นสะดมเขาก็มีธรรมแต่เป็นอกุศลธรรมที่มีบาปเป็นครรลองและมีอบายเป็นวิบาก
ดังนั้นเมื่อมีการอ้างว่าบรรลุธรรม ก็ต้องถามกันให้ชัดว่าธรรมอะไร ธรรมของใคร
สำหรับพระพุทธศาสนานั้น ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศ ทรงอบรมสั่งสอน คือธรรมที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อความดับสิ้นเชิงแห่งทุกข์และเพื่อพระนิพพานธรรมอย่างอื่นนอกจากนี้ไม่ใช่ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอน เป็นเรื่องนอกพระพุทธศาสนา
ดังนั้นการอวดอ้างว่าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า หรือไปพบพระอริยเจ้าที่ดับขันธ์ไปแล้วก็ดี สามารถส่งกระแสจิตติดต่อกันได้ก็ดี ถ้าไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์และเพื่อพระนิพพานแล้วก็เป็นเรื่องนอกพระพุทธศาสนา เพียงประการนี้ประการเดียวก็ชี้ขาดได้แล้วว่าที่เป็นข่าวคราวนั้นเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนาหรือนอกศาสนาหรือเพื่อบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาซึ่งแน่นอนว่าอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติและศีลธรรมอันดีของประชาชนด้วย
นอกจากธรรมที่จะเป็นเรื่องชี้ขาดว่าเป็นเรื่องในพระพุทธศาสนาหรือไม่แล้ว ก็ต้องดูว่าแบบแผนการฝึกฝนปฏิบัตินั้นเป็นแบบแผนฝึกฝนอบรมปฏิบัติในพระพุทธศาสนาหรือไม่ ซึ่งต้องรู้ต้องเข้าใจว่าแบบแผนปฏิบัติที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวาง ทรงกำหนดให้เป็นแม่บทแม่แบบนั้นมีเพียง 36 แบบ
คือกสิณ 10 แบบ อสุภกรรมฐาน 10 แบบ อนุสติ 10 แบบอัปปมัญญา 4 แบบ อาหาเรปฏิกูลสัญญา 1 แบบ และจตุธาตุววัฏฐานอีก 1 แบบ
ส่วนที่สำนักวิมุตติมรรคเพิ่มขึ้นเป็น 38 แบบ และสำนักวิสุทธิมรรคเพิ่มขึ้นเป็น 40 แบบนั้น ส่วนที่เพิ่มไม่ใช่แบบแผนการปฏิบัติ แต่เป็นผลของการปฏิบัติ คือรูปฌานสี่ ที่สำนักหนึ่งเอาปฐมฌานและตติยฌานรวมสองแบบมาเพิ่มเป็น 38 แบบ และอีกสำนักหนึ่งเอาทุติยฌานและจตุตถฌานรวมสองแบบมาเพิ่มขึ้นอีกเป็น 40 แบบ แล้วก็ทะเลาะถึงขั้นรบราฆ่าฟันกันมาแล้วในอดีต
แบบแผนทั้งหมดนี้ไม่มีแบบแผนที่เรียกว่า เตโชวิปัสสนากรรมฐาน ดังนั้นแบบแผนที่อ้างคือเตโชวิปัสสนากรรมฐานนั้นจึงไม่ใช่แบบแผนที่ปฏิบัติในพระพุทธศาสนา
และดูคำที่ใช้กล่าวขานแล้วก็ออกจะสับสนเต็มที
คำว่าเตโชแปลว่าไฟ ซึ่งอาจละม้ายคล้ายคลึงกับแบบแผนเตโชกสิณ คือกสิณไฟ ซึ่งเป็นแบบแผนปฏิบัติในขั้นต้นที่ได้ผลเพียงแค่อุคคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต และก่อตัวเป็นองค์รูปฌานเบื้องต้นจากนั้นก็จะเป็นเรื่องสมถะลำดับที่สูงขึ้น และเมื่อลำดับของสมถะถึงขั้นสูงที่จิตมีความตั้งมั่นสูงสุด มีความบริสุทธิ์สูงสุด และมีความควรแก่งานสูงสุด นั่นแหละจึงเป็นถึงขั้นวิปัสสนา คือการพิจารณาเห็นธรรมด้วยปัญญา คือเห็นพระไตรลักษณ์เป็นลำดับไปจนกระทั่งหลุดพ้นถึงซึ่งวิชชาและวิมุติ
คำว่าวิปัสสนากรรมฐานนั้นเป็นสองคำ คือวิปัสสนาคำหนึ่งและกรรมฐานอีกคำหนึ่ง ซึ่งมีใช้กันอยู่ทั่วไป และในพระพุทธศาสนาก็หมายถึงแบบแผนการปฏิบัติส่วนหนึ่งใน 36 แบบแผนนั่นเอง ไม่มีนอกเหนือไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะคือไม่มีเตโชวิปัสสนากรรมฐาน ดังที่อ้างแต่ประการใด
ชาวพุทธทั้งหลายจึงพึงรู้พึงเข้าใจว่าพระพุทธศาสนาสอนอะไร สอนเพื่ออะไร ถ้าจะให้เข้าใจได้โดยง่ายก็มีพระพุทธวจนชัดเจนอยู่แล้วว่า ตถาคตสอนเพียงสองเรื่องเท่านั้นคือสอนเรื่องทุกข์และความดับทุกข์
เรื่องบุญ เรื่องสวรรค์ เป็นเรื่องบ้าบอคอแตกที่มีมาก่อนพุทธกาล และยังเจริญงอกงามอยู่ในหมู่คนโง่ทั้งหลายแม้กระทั่งถึงทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี