แพร่กระจายข่าว และด่ากันสนั่นโซเชียล กรณีข่าวว่าเครือข่ายร้านสะดวกซื้อชื่อดังของเจ้าสัว กำลังจะได้ทำธุรกิจรับฝาก-ถอนเงินเหมือนเคาน์เตอร์ของธนาคารพาณิชย์
ถึงขนาดตัดต่อภาพ ขึ้นชื่อหราว่าเป็นธนาคารแห่งใหม่เลยด้วยซ้ำ!!!
บางคนฟังไม่ทันได้ศัพท์ ก็รีบจับไปด่าต่ออย่างเมามันส์ทำนองว่า มันจะรวยไปถึงไหนกัน
จริงๆ คือ อะไร?
1. นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า
ปัจจุบัน ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังไม่มีนโยบายให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่
เพราะฉะนั้น ตัดประเด็นว่าร้านสะดวกซื้อจะขยายกิจการ ยกสถานะขึ้นเป็นแบงก์แห่งใหม่ ตัดทิ้งไปได้
ส่วนที่แบงก์ชาติ กำลังพิจารณา คือ ปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับช่องทางการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับบริการการเงินได้สะดวก และทั่วถึงมากขึ้นกว่าเดิม ในรูปแบบ ตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ซึ่งจะต้องมีการประกาศหลักเกณฑ์การเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) อีกครั้งหนึ่ง
ตัวแทนธนาคาร จะมีขอบเขตการให้บริการจำกัด โดยฝ่ายธนาคารพาณิชย์แต่ละรายจะเป็นผู้เลือกว่าจะให้กิจการใด บุคคลใด นิติบุคคลรายใด เป็นตัวแทนธนาคารของตนเอง ในการให้บริการแก่
ลูกค้า ซึ่งจะต้องเป็นไปตามคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ที่แบงก์ชาติกำหนด (ตอนนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีเงื่อนไขรายละเอียดอย่างไร) โดยเบื้องต้นก็จะต้องมีระบบควบคุมและบริหารความเสี่ยงสำหรับธุรกรรมที่ทำผ่านตัวแทนธนาคาร
2. ฟังความได้ชัดๆ ว่า ยังไม่มีการประกาศหลักเกณฑ์ และยังไม่มีการอนุมัติให้ใครเป็นตัวแทนธนาคารทั้งสิ้น แต่ในอนาคต ถ้าหลักเกณฑ์เรียบร้อย ธนาคารพาณิชย์รายใดจะเลือกใครเป็นตัวแทนให้บริการลูกค้า ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละธนาคาร ภายในข้อกำกับดูแลของแบงก์ชาติ
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ น่าสนใจ และควรสนับสนุน เพราะประโยชน์สุดท้าย ตกแก่ประชาชนผู้บริโภค ที่ใช้บริการธนาคารพาณิชย์ทั้งหลาย น่าจะได้รับความสะดวกมากขึ้น
ไม่ต้องเสียเวลาไปสาขาแบงก์
ไม่ต้องไปแออัดต่อคิวยาวนาน
แถมปัจจุบัน หลังจากพฤติกรรมประชาชนลดความจำเป็นในการไปทำธุรกรรมที่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคารลงไปเยอะ ดังปรากฏว่า ธนาคารบางรายลดจำนวนสาขาลงเรื่อยๆ
ในปี 2560 พบว่า ยังมีสาขาธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ จำนวน 6,784 สาขา
ลดลงจากปี 2559 จำนวน 232 สาขา
นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากปี 2558 ที่เคยมีจำนวน 7,061 สาขา
เฉพาะในปี 2560 ธนาคารที่ปรับลดสาขามากที่สุด คือ ธนาคารกรุงไทย มีการปรับลด 92 สาขา ปัจจุบันมี 1,120 สาขา
รองลงมา ธนาคารกสิกรไทย ในปี 2560 มีการปรับลด 82 สาขา ปัจจุบันมี 1,029 สาขา
ที่เป็นข่าวฮือฮา คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ มีแผนว่าในปี 2563 จะลดจำนวนสาขาเหลือ 400 แห่ง จากปัจจุบันมีจำนวน 1,153 สาขา และจำนวนพนักงานจะลดลงเหลือ 15,000 คน (จาก 27,000 คน)
3. นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เผยว่า กระทรวงการคลังเห็นด้วยกับการจัดตั้งตัวแทนธนาคาร เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้รับฝากถอนเงิน เพราะปัจจุบันประชาชน ถอน โอนเงินฝากทางโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดให้บริษัทเอกชนที่เป็นตัวแทนธนาคาร ต้องมีคุณสมบัติในหลายด้านทั้งจำนวนเงินทุนตั้งสำรองดำเนินธุรกิจ จำนวนสาขา บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ฯลฯ หากเอกชนรายใดไม่พร้อมจะดำเนินการไม่ได้เนื่องจากเป็นบริการทางการเงิน อีกทั้ง รัฐบาลมีนโยบายอี-เพย์เมนต์ อำนวยความสะดวกบริการทางการเงินให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ขณะที่แบงก์รัฐหรือธนาคารอื่นต้องปรับตัวรองรับบริการในยุคไทยแลนด์ 4.0
ส่วนข่าวว่า ร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ อาจเข้ามาขอเป็นตัวแทนธนาคารนั้น นายสมชัยกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะที่ผ่านมาเปิดให้บริการชำระสาธารณูปโภคอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ น่าจะช่วยให้ประชาชนมีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
4. อันที่จริง หากมีประกาศหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนออกมาเมื่อไหร่คงไม่มีเฉพาะเครือข่ายร้านสะดวกซื้อของเจ้าสัวใหญ่ดอกกระมัง แต่เครือข่ายธุรกิจใดๆ ที่มีคุณสมบัติ มีสาขาเยอะๆ ก็คงสนใจจะเข้ามาเป็นตัวแทนธนาคารด้วย ซึ่งน่าสนับสนุนให้มีการแข่งขัน กำกับดูแลค่าบริการ ภายใต้การกำกับดูแลที่มีมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยของแบงก์ชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้บริการธนาคารนั่นเอง
ลองคิดดู
หากร้านสะดวกซื้อ ที่มีจำนวนสาขาเกิน 1 พันสาขาทำหน้าที่ตัวแทนธนาคารแต่ละแห่ง ประชาชนจะสะดวกขึ้นแค่ไหน อย่างไร?
หากปั๊มน้ำมันที่มีสาขาทั่วประเทศ ทำหน้าที่นี้ด้วย?
หากร้านกาแฟ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ฯลฯ ทำหน้าที่เช่นนี้ จะเป็นอย่างไร?
หรือแม้แต่ร้านค้าที่มีเครื่องรูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรลุงตู่) ที่มีอยู่กว่า 20,000 เครื่อง แม้อาจจะไม่มีความมั่นคงปลอดภัยตามมาตรฐานแบงก์ชาติที่จะทำหน้าที่ตัวแทนธนาคาร แต่ควรนำมาใช้ประโยชน์เพิ่มอย่างไรได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการชำระค่าบริการต่างๆ เพราะถือว่ามีเครือข่ายจำนวนมาก และเป็นการลงทุนของภาครัฐ เป็นต้น
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี