ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2562 ซึ่งเป็นไปตาม “โรดแมป” ของรัฐบาลคสช.ภายใต้การนำของ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ที่ประกาศยืนยันหนักแน่นว่าคงไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้
การเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ปรากฏว่ามีทั้งหมดรวม 27 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 ครั้งสุดท้ายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งครั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษาว่าเป็นโมฆะและเป็นช่วงที่มีการประท้วงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนำไปสู่การรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ในที่สุด
ถึงแม้จะยังไม่มีการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปแต่ดูเหมือนพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดคือ พรรคเพื่อไทยที่หัวหน้าพรรคตัวจริงหลบหนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่าหากมีการเลือกตั้งอย่างไรเสียพรรคที่มีคะแนนเสียงของ สส.ในสภามากที่สุดคือพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
นอกจากนี้แกนนำพรรคคนสำคัญคนหนึ่ง คือ ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ยังได้เดินทางไปพบกับ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สิงคโปร์ คือ นายทักษิณและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การไปพบครั้งนี้มีข่าวออกมาจากนาย “วัน” อยู่บำรุง หรือชื่อเต็มๆว่า “ร้อยตำรวจตรีวันเฉลิม อยู่บำรุง” บุตรชายคนกลางของร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ว่าพรรคเพื่อไทย มีโอกาสที่จะมีเสียงของ สส.ในสภามากกว่าทุกๆพรรค
ถึงขั้นที่“หมวดวัน” ประกาศว่าถ้าหากพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลก็จะต้องหาทางป้องกันไม่ให้“ทหาร”ก่อรัฐประหารได้อีก ซึ่งการแสดงเจตนารมณ์ของ“นายวัน” ครั้งนี้ดูหนักแน่นและจริงจังแถมยังมีสื่อมวลชนในระบอบทักษิณออกมาเสนอข่าวกันอย่างเป็นงานเป็นการโดยเฉพาะสื่อในเครือของพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยนั้น ทหารและกองทัพมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองของไทยมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัฐประหารครั้งแรกที่เป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มาจนถึงรัฐประหารครั้งล่าสุดในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ล้วนแต่มีที่มาที่ไม่ธรรมดาทั้งนั้น
เมื่อพลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ก่อการปฏิวัติครั้งแรกแล้ว ผ่านมา 86 ปีประเทศไทยก็ตกอยู่ในวังวนของการรัฐประหาร หรือว่ากบฏโดยการนำทหารมาเกี่ยวข้องกับการเมืองเป็นสิบๆครั้ง ดังรายละเอียดดังต่อไปนี้
รัฐประหารสำเร็จ 13 ครั้ง ครั้งแรกในวันที่ 1 เมษายน 2476 จากนั้นก็เกิดขึ้นในวันที่ 20 มิถุนายน 2476 วันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 วันที่ 6 เมษายน 2491 วันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 วันที่ 16 กันยายน 2500 วันที่ 20 ตุลาคม 2501 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2514 วันที่ 6 ตุลาคม 2519 วันที่ 20 ตุลาคม 25250 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 วันที่ 19 กันยายน 2549 และวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ในขณะที่การรัฐประหารไม่สำเร็จกลายเป็นการกบฏก็มีทั้งหมด 13 ครั้งเช่นเดียวกัน ครั้งแรกกบฏเก็กเหม็งใน รศ.130 ตรงกับปี 2454 สมัยรัชกาลที่ 6 ต่อมาเป็นวันที่ 11-20 ตุลาคม 2476 เรียกว่ากบฏบวรเดช วันที่ 3 สิงหาคม 2478 เรียกว่ากบฏนายสิบ วันที่ 29 มกราคม 2482 เรียกว่ากบฏ 18 ศพ หรือกบฏพระยาทรงสุรเดช กบฏนายพลหรือกบฏเสนาธิการ วันที่ 1 ตุลาคม 2491 กบฏแบ่งแยกดินแดน วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2491
กบฏวังหลวง วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 นำโดยนายปรีดี พนมยงค์ กบฏแมนแฮตตันวันที่ 29 มิถุนายน 2494 กบฏสันติภาพ 8 พฤศจิกายน 2497 กบฏ 2507 วันที่ 1 ธันวาคม 2507 กบฏฉลาด หิรัญศิริ 26 มีนาคม 2520 กบฏยังเติร์ก วันที่ 1-3 เมษายน 2524 และกบฏ 9 กันยายน 2528
“หมวดวัน” ออกมาประกาศแบบนี้ทำท่าทางขึงขังจริงจังว่าจะป้องกันไม่ให้ทหารก่อรัฐประหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่จะทำได้สำเร็จหรือไม่ยังเป็นข้อที่น่าติดตามเพราะหากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่โกงไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวงก็คงไม่มีประชาชนออกมาต่อต้านอำนาจรัฐ การปลุกคนให้ออกมาต่อต้านรัฐบาลนั้นไม่ได้ทำกันง่ายๆ ในสมัยนี้
ก่อนเหตุการณ์รัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น ถ้ารัฐบาลในระบอบทักษิณไม่คิดสั้นรวมหัวออกกฎหมายอภัยโทษสุดซอยเพื่อล้างมลทินให้ทักษิณ ชินวัตร เอาดื้อๆ โดยใช้สภาตรายางเสียงข้างมากทำผิดกฎหมาย การรัฐประหารในวันนั้นก็คงไม่เกิดขึ้นถึงแม้ประชาชนส่วนใหญ่ในภาคเหนือและภาคอีสานจะสนับสนุนระบอบทักษิณ
แต่คนไทยที่เป็นชนชั้นกลางและคนรวยในเมืองไม่ชอบระบอบโกงของทักษิณ รวมพลังออกมาต่อต้านข้อเท็จจริงปรากฏว่าบรรดาศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยมศึกษาชั้นนำเป็นร้อยโรงเรียน รวมใจกันสนับสนุนทุนให้กปปส.ทั้งนั้นใช่หรือไม่!?
ระบอบทักษิณอ้างคนรวยในเมืองรังแกคนจน แต่ถ้าคนจนไปสนับสนุนคนที่โกงบ้านกินเมือง ประเทศไทยก็อยู่ไม่ได้ หากได้รัฐบาลที่ทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง สังคมก็คงยอมไม่ได้เป็นอันขาดกับความอยุติธรรมเช่นนี้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี