เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 4 กันยายน 2561 ที่ผ่านมาที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาลตึกนารีสโมสรทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในที่ประชุมพันเอกหญิงทักษดา สังขจันทร์ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเตรียมเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจราชการ

และประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 7/2561 ในวันที่ 17-18 กันยายน 2561 ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ได้แก่จังหวัดบึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานีและพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก สุโขทัย และอุตรดิตถ์

โดยภารกิจการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีในวันที่ 17 กันยายน 2561 จะเริ่มต้นที่จังหวัดเลยก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อที่จังหวัดเพชรบูรณ์ในช่วงบ่ายวันเดียวกันและในวันอังคารที่ 18 กันยายน นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 7/2561 ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมเตรียมการบูรณาการประเด็นด้านสารัตถะในการเดินทางไปตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งนี้ด้วย

สำหรับพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ที่ประกอบด้วย 5 จังหวัดได้แก่ บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานีนั้นเป็นพื้นที่ของนักการเมืองพรรคเพื่อไทยแทบทั้งหมดโดยจังหวัดบึงกาฬมี สส. 2 คนเป็นพรรคเพื่อไทยคือนายเชิดพงศ์ ราชป้องขันธ์กับนายไตรรงค์ ติธรรม เลยมี สส. 4 คนมาจากเพื่อไทยทั้งชุดคือ นายปรีชา กับนางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข นางนันทนา ทิมสุวรรณและนายวันชัย บุษบา หนองคายมี สส. 3 คนจากพรรคเพื่อไทยทั้งหมดเช่นกันคือนางชมภู จันทาทอง, นายสมคิด บาลไธสง, นายพงศ์พันธุ์ สุนทรชัย

หนองบัวลำภูมีสส. 3 คนมาจากเพื่อไทยยกชุดได้แก่นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์, นายไชยา พรหมาและนายวิชัย สามิตร อุดรธานีมี สส.จากพรรคเดิม คือเพื่อไทยรวม 9 คนคือ นายศราวุธ เพชรพนมพร, พันตำรวจโทสุรทิน พิมานเมฆินทร์, นายขจิต ชัยนิคม, นายทองดี มนิสสร, นายอนันต์ ศรีคำ, นางเทียบจุฬา ขาวขำ, นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์, นายจักรพรรดิ ไชยสาส์น, นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายคำรวม สส.ทั้งหมด 21 คน

ในขณะที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 มี 5 จังหวัดคืออุตรดิตถ์ 3 คนมาจากพรรคเพื่อไทยทั้งหมด ได้แก่นายกนก ลิ้มตระกูล, นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เพชรบูรณ์ 6 คนมาจากประชาธิปัตย์ 1 คน คือ นายยุพราช บัวอินทร์ พรรคเพื่อไทย 5 คนคือนายสุทัศน์ จันทร์แสงศรี, นายจักรัตน์ พั้วช่วย, นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์, นางเอี่ยม ทองใจสด, นายสุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ พิษณุโลก 5 คนมาจากประชาธิปัตย์ 3 คน คือ นายนคร มาฉิม, นายวรงค์ เดชกิจวิกรม, นายจุติ ไกรฤกษ์ พรรคเพื่อไทยอีก 2 คน ได้แก่ นายนิยม ช่างพินิจ และ นายนพพล เหลืองทองนารา

ส่วนตากมีสส. ได้ 3 คนมาจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดคือ นายเธียรชัย สุวรรณเพ็ญ, นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ และ นายธนิตพล ไชยนันท์และสุโขทัยมีสส. ได้ 4 คน คือ นายวิรัตน์ วิริยะวงศ์กับนายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล จากประชาธิปัตย์อีก 2 คนจากพรรคภูมิใจไทย คือ นายมนู พุกประเสริฐกับนายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล โดยสรุปคือเป็นสส.จากพรรคเพื่อไทย 31 คน ส่วนที่เหลือมาจากพรรคประชาธิปัตย์ 5 คนและพรรคภูมิใจไทย 2 คน

2 จังหวัดที่เป็นเป้าหมายหลักในการประชุมครม.สัญจรและตรวจราชการครั้งนี้ คือจังหวัดเลยและจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดเลยนั้นมีนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุมภ์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด มีหมายกำหนดการโดยสังเขปว่าพลเอกประยุทธ์จะมาประชุมที่ห้องประชุมศรีสองรักบนศาลากลางจังหวัด สภาหอการค้าจังหวัดต้องการให้รัฐบาลก่อสร้างท่าอากาศยานเลยในปีงบประมาณ 2563 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดโดยเร่งให้เร็วขึ้นจากแผนเดิมในปี 2565 ถึง 2568

นอกจากนี้ยังเสนอให้รัฐบาลก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปบนภูกระดึงและการขยายทางหลวงเลียบแม่น้ำโขงจากเลยไปหนองคายและหนองบัวลำภูพร้อมทั้งเสนอความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงสะพานที่ 6 ที่บ้านคกไผ่อำเภอปากชมจังหวัดเลยไปยังฝั่งลาวเพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ

ส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์นั้นมีนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศลเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดมีข้อเสนอให้ปรับปรุงท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ที่สร้างเสร็จมานานหลายปีแต่ใช้ได้ไม่คุ้มค่าเพราะไม่มีสายการบินเอกชนมาเดินทางเป็นประจำเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไร้ประโยชน์เรื่องอื่นๆ ก็คือการพัฒนาให้เพชรบูรณ์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในระดับชาติเช่นเดียวกับจังหวัดใกล้เคียง คือ เลย พิษณุโลก และ สุโขทัย

ทีมข่าวการเมือง