เมื่อต้นสัปดาห์นี้ได้เกิดการประท้วงเล็กๆ แต่มีนัยสำคัญขึ้นที่จังหวัดพัทลุง นั่นคือการชุมนุมประท้วงของประชาชนหลายท้องที่ของจังหวัดพัทลุงเพื่อเรียกร้องให้ทางราชการยกเลิกการทำประตูกั้นน้ำปากคลองปากประ
ซึ่งทางราชการได้ยอมรับข้อเรียกร้องของประชาชนเพื่อนำมาพิจารณาทบทวนโครงการนี้
ในขณะเดียวกัน ก็ต้องถือว่าการชุมนุมประท้วงของประชาชนจังหวัดพัทลุงในเรื่องประตูกั้นน้ำปากคลองปากประนี้เป็นปรากฏการณ์สำคัญที่เหลือบ่ากว่าจะทนของประชาชน เพราะราษฎรในพื้นที่นั้นเป็นผู้รักความสงบ มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ กลมกลืนอยู่กับธรรมชาติ หากไม่สุดแสนจะทนแล้วก็จะไม่มีทางเสี่ยงผิดกฎหมายออกมาชุมนุมประท้วงกัน
ดังนั้นเรื่องนี้จึงมองข้ามไม่ได้ และพึงตั้งข้อสังเกตด้วยว่าโดยทั่วไปแล้วประชาชนท้องที่ไหนๆ ก็ตามย่อมมีความปรารถนาให้มีการพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญก้าวหน้า ให้ราษฎรมีความผาสุกด้วยกันทั้งสิ้น แต่ไฉนเล่าโครงการพัฒนาปากคลองปากประนี้จึงถูกประชาชนต่อต้านคัดค้านในลักษณะดังที่พรรณนามาแล้ว
หากไม่ตั้งข้อสังเกตพิจารณาไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี หรือถ้ายังขืนดันทุรังทำโครงการนี้ต่อไป ย่อมถือได้ว่าไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของราษฎร ซึ่งขัดกับบทพระราชปรารภอันปรากฏในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
ดังนั้นจึงต้องทำความรู้จักคลองปากประกันเสียก่อนจึงจะเข้าใจสภาพและความเดือดร้อนของประชาชนจนต้องต่อต้านแผนการพัฒนาของทางราชการในครั้งนี้
อันลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลานั้นเป็นลุ่มน้ำใหญ่สุดในพื้นที่ภาคใต้และประเทศไทย กินพื้นที่ของจังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง มีพื้นที่และแม่น้ำลำคลอง ทะเลเล็กๆ ตลอดจนบึงบางเชื่อมโยงต่อเนื่องกันเป็นอันมาก จึงเป็นลุ่มน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่เป็นยิ่งกว่าทะเลสาบใดๆ ในห้าแห่งใหญ่ของโลก
คลองปากประก็เป็นคลองๆ หนึ่งที่อยู่ในเครือข่ายของลุ่มทะเลสาบสงขลา แต่เป็นคลองขนาดยาวในพื้นที่จังหวัดพัทลุงที่เชื่อมต่อไปออกทะเลหลวง ซึ่งมีน้ำเค็ม
คลองปากประเป็นคลองธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่บรรพกาล ตั้งแต่ปากคลองปากประที่เชื่อมกับทะเลหลวง ลึกยาวเข้ามาในผืนแผ่นดินใหญ่ของภาคใต้นั้นมีน้ำสามชนิดอยู่รวมกัน คือ น้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม เช่นเดียวกับการอยู่รวมกันของน้ำสามประเภทนี้ในทะเลสาบสงขลา
เมื่อถึงเทศกาลหน้าฝน ฝนจากที่สูงบนผืนแผ่นดินไหลหลากลงสู่ปลายคลองปากประ พื้นที่ปลายคลองนั้นก็จะมีน้ำจืดจำนวนมหาศาล และดันน้ำกร่อยซึ่งอยู่ช่วงกลางคลอง ดังนั้นน้ำกร่อยในช่วงกลางของคลองปากประก็จะไปดันน้ำเค็มซึ่งอยู่ช่วงปากคลองปากประให้ไหลออกไปทางทะเลหลวง ดังนั้นในช่วงหน้าฝนตลอดแนวคลองปากประช่วงปลายมาจนถึงช่วงกลางจึงเป็นน้ำจืด จากช่วงกลางมาถึงครึ่งหนึ่งของช่วงปากคลองก็จะเป็นน้ำกร่อย และช่วงปากคลองก็จะเป็นน้ำเค็ม
ครั้นถึงเทศกาลแล้ง น้ำจืดถูกดูด ถูกใช้ไปเพื่อการเกษตร ทำให้มีจำนวนน้อยลง และเป็นเทศกาลที่น้ำทะเลหลวงขึ้นสูง น้ำเค็มก็จะไหลหลั่งเข้ามาทางปากคลอง ดันพื้นที่น้ำเค็มไปทางช่วงกลางของคลอง น้ำกร่อยก็จะไปดันน้ำจืดให้ร่นถอยไปทางปลายคลอง
นั่นเป็นสภาพธรรมชาติของน้ำที่เป็นไปตามธรรมชาติตลอดทั้งปี จึงทำให้น้ำในคลองปากประเป็นน้ำที่มีชีวิต ไม่ขัง ไม่หมัก ไม่เน่า นี่คือชีวิตของลำน้ำตามธรรมชาติ
ในขณะที่น้ำจืดไหลหลั่งในเทศกาลหน้าฝน พันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวนมากจากทุกสารทิศก็จะตามน้ำมาเติบโตในคลองปากประ ครั้นถึงเทศกาลที่น้ำเค็มจากทะเลหลวงไหลเข้าปากคลองก็จะพัดพาเอาพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา เข้ามาทางปากคลองแล้วไปเจริญเติบโตในคลองปากประ บ้างก็ยังเป็นสัตว์น้ำเค็ม บ้างก็เป็นสัตว์น้ำกร่อย บ้างก็ปรับตัวเป็นสัตว์น้ำจืด
คลองปากประจึงอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งประมง และเป็นแหล่งอาหารสำคัญของชาวบ้านตลอดแนวคลองปากประนั้น รวมทั้งพื้นที่ข้างเคียงด้วย ความอุดมสมบูรณ์เช่นนี้จึงเป็นที่หวงแหนของราษฎร
แต่ครั้นนานวันเข้าคลองปากประก็ตื้นเขินไปตามธรรมชาติ น้ำที่เคยลึกขนาดลำไผ่ก็ตื้นเขินเหลือแค่วาแค่เมตร ชาวบ้านจึงเดือดร้อนและเรียกร้องให้ทางราชการขุดลอกคลองปากประ แต่เสียงของราษฎรนั้นไม่ดังเหมือนเสียงของเจ้าสัว จึงหามีผู้ใดได้ยินไม่ มิหนำซ้ำ กลับตั้งเป็นโครงการพัฒนาคลองปากประ คือสร้างประตูน้ำปิดกั้นปากคลองปากประ โดยอ้างว่าถ้าน้ำเค็มไหลเข้ามามากก็จะได้ปิดประตูน้ำ ถ้าถึงหน้าฝนน้ำจืดมากก็จะเปิดประตูน้ำให้ไหลออกทะเลหลวง
ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องเข้าท่า แต่ชาวบ้านเขารู้และเห็นความจริงหลายที่หลายแห่งแล้วว่า เมื่อสร้างประตูน้ำแบบนี้แล้วในที่สุดประตูก็จะปิดตาย ถึงเทศกาลหน้าน้ำ น้ำก็จะท่วมฉิบหายป่นปี้ เพราะกว่าจะขอให้เปิดประตูน้ำได้ก็ไม่มีใครสนใจ บางแห่งถึงกับต้องจุดธูปเทียนสาปแช่งประชด ครั้นถึงเทศกาลหน้าแล้งก็ไม่ยอมเปิดให้น้ำเค็มไหลเข้ามา พืชพันธุ์สัตว์น้ำก็สูญหายไปจากลำน้ำ กระทั่งน้ำเน่าตลอดทั้งลำคลอง ดังเช่นคลองเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น หรือแม้กระทั่งคลองระโนดก็หวุดหวิดจะฉิบหายเพราะเขื่อนประตูน้ำแบบนี้แหละ
การพัฒนาที่ทำลายผลประโยชน์ของท้องถิ่นและประชาชนจึงไม่ใช่การพัฒนาที่เข้าใจและเข้าถึงประชาชน และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งและความเดือดร้อนของราษฎรด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี